
30 วิธีทำ SEO WordPress 2025 ที่ถูกต้อง จากประสบการณ์เอเจนซี่
อยากให้เว็บไซต์ติดหน้าแรกบน Google ให้คนมองเห็นเยอะ ๆ เพื่อสร้างโอกาสให้แก่ธุรกิจ บอกเลยว่าไม่ง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่คุณไม่สามารถทำได้เลย หากคุณเลือกใช้กลยุทธ์การตลาดได้อย่างเหมาะสมและรู้เทคนิคล่ะก็ รับรองได้เลยว่าเว็บไซต์ของคุณก็ติดหน้าแรกและมีโอกาสขึ้นเป็นอันดับ 1 บน Google Search ได้เช่นกัน หนึ่งในกลยุทธ์สุดแข็งแกร่งสำหรับการทำให้เว็บไซต์ขึ้นไปติดอันดับอย่างที่คุณต้องการคือ “SEO WordPress” หรือการทำ SEO บนเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นจาก WordPress นั่นเอง มาเรียนรู้ 30 เทคนิควิธีทำ SEO WordPress ฉบับเอเจนซี่รับทำ SEO อัปเดต 2025 กับ ANGA ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำ SEO ผ่านบทความนี้ได้เลย
ทำความเข้าใจ SEO WordPress คืออะไร
การทำ SEO WordPress คือการทำให้เว็บไซต์ที่สร้างด้วย WordPress ติดอันดับบนหน้าแรกของ Google Search Results Page (SERPs) จากการปรับปรุงและปรับแต่งเว็บไซต์ให้เข้าเกณฑ์ของ Search Engine อย่าง Google และตอบโจทย์สิ่งที่ผู้ใช้งานกำลังมองหา ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงในส่วนของเนื้อหา โครงสร้างเว็บไซต์ ความเร็วเว็บไซต์ ความปลอดภัย หรือการแสดงผลก็ตาม ถึงแม้ว่า WordPress จะเป็นหนึ่งในระบบ CMS ที่เจ้าของเว็บไซต์เลือกใช้งานมากที่สุด เพราะมีโครงสร้างที่เป็นมิตรกับ SEO แต่ก็ใช่ว่าจะทำ SEO หรือปรับแต่งเว็บไซต์ยังไงก็ได้ การใช้เทคนิคและวิธีการทำ SEO WordPress ที่ถูกต้อง จะช่วยให้เว็บไซต์มีโอกาสติดอันดับบนหน้าแรกสูง ไม่เพียงแค่นั้นยังมีความยั่งยืนอีกด้วย

ประโยชน์ของการทำ SEO WordPress
- ทำให้ธุรกิจเข้าถึงลูกค้าที่มีโอกาสซื้อสูง เพราะคนที่ค้นหาข้อมูลใน Google ส่วนใหญ่มีความสนใจในสินค้าหรือบริการนั้นจริง ๆ และมักจะค้นหาข้อมูลที่ลึกขึ้น เมื่อกำลังจะตัดสินใจซื้อ
- ช่วยให้คุณรู้จักลูกค้ามากขึ้น เพราะ WordPress มีปลั๊กอินและเครื่องมือที่จะช่วยให้คุณเข้าถึง Insight ลูกค้าได้เป็นอย่างดี เช่น ลูกค้าชอบอ่านเนื้อหาแบบไหน สนใจสินค้าอะไร พฤติกรรมการใช้งานเป็นยังไง ซึ่งคุณสามารถนำไปปรับปรุงกลยุทธ์ SEO และพัฒนาเว็บไซต์หรือธุรกิจต่อได้
- เอาชนะคู่แข่งที่ยังไม่ลงมือทำ SEO WordPress เพราะการทำ SEO ต้องอาศัยระยะเวลาในการค่อย ๆ สร้างความน่าเชื่อถือและสร้างเว็บไซต์ที่มั่นคง ถ้าคุณเริ่มก่อน ก็มีโอกาสมากกว่าคู่แข่ง
- ลดงบประมาณทางการตลาด เพราะการทำ SEO WordPress จะลงทุนลงแรงมากแค่ในช่วงแรก จากนั้นจะเป็นการปรับเสริมเติมแต่งแบบค่อยเป็นค่อยไปอย่างธรรมชาติ ดังนั้น จึงช่วยงบประมาณด้านการตลาดได้ในระยะยาว เมื่อเทียบกับการยิงโฆษณาผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ อย่าง Google Ads, Facebook Ads หรือ TikTok Ads ที่ต้องจ่ายเงินทุกวัน
- วัดผลลัพธ์ได้ชัดเจน เพราะคุณสามารถเชื่อมต่อเครื่องมือ SEO กับ WordPress เพื่อติดตามผลลัพธ์ได้อย่างละเอียด อาทิ Google Analytics 4 หรือ Google Search Console เป็นต้น
30 เทคนิควิธีทำ SEO WordPress ฉบับ 2025
ในฐานะที่เราเป็นบริษัทรับทำ SEO โดยตรงและมีประสบการณ์ในการทำ SEO ให้แก่หลากหลายธุรกิจ (กว่า 200 เว็บไซต์) เราจึงเข้าอย่างถ่องแท้ว่าการทำ SEO คืออะไร ควรทำอะไรบ้างเพื่อให้เว็บไซต์มีประสิทธิภาพมากที่สุด ด้วยเหตุนี้เราจึงมี 30 เทคนิควิธีทำ SEO WordPress ฉบับเอเจนซี่มาแชร์กัน สามารถนำไปใช้เป็นแนวทางการทำ SEO WordPress ในปี 2025 ได้เลย
1. การติดตั้ง SSL Certificate
อันดับแรกในการทำให้เว็บไซต์น่าเชื่อถือคือการติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยหรือ SSL Certificate ก่อน ใบรับรอง SSL นี้จะทำให้เว็บไซต์มี HTTPS นำหน้า URL พร้อมแสดงไอคอนกุญแจสีเขียว เพื่อยืนยันว่าการเชื่อมต่อกับเว็บไซต์นี้มีความปลอดภัย ซึ่งคุณสามารถขอ SSL ฟรีจาก Let’s Encrypt หรือซื้อจากผู้ให้บริการโฮสติ้งได้โดยตรง

2. การเลือก WordPress Theme
WordPress Theme มีให้เลือกเยอะมาก คุณควรเลือก Theme ที่เหมาะกับธุรกิจ ตรงกับภาพลักษณ์ โหลดเร็วใช้งานได้สะดวก และมีการอัปเดตจากผู้พัฒนาเป็นประจำ แนะนำให้ดูรีวิวเพิ่มเติมและเลือกธีมที่รองรับ Page Builder ที่คุณถนัด เช่น Elementor หรือ Gutenberg เพื่อให้ปรับแต่งเว็บได้ง่าย ๆ
3. การเลือก Hosting
โฮสติ้งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อความเร็วและเสถียรภาพของเว็บไซต์ WordPress คุณควรเลือกโฮสติ้งที่รองรับ PHP เวอร์ชันล่าสุด มีระบบความปลอดภัยแข็งแรง และมีเซิร์ฟเวอร์อยู่ใกล้กลุ่มลูกค้าของคุณ ที่สำคัญต้องมี Uptime สูงกว่า 99.9% เพื่อให้เว็บไซต์ทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง
4. ตั้งค่า Search Engine Visibility
การตั้งค่า Search Engine Visibility เป็นหนึ่งในขั้นตอนพื้นฐานของการทำ SEO WordPress เพราะจะเป็นการเปิดการมองเห็นให้ Search Engine ค้นพบเว็บไซต์ของคุณและนำไปจัดอันดับ โดยเข้าไปที่ Settings > Reading แล้วดูที่ส่วน Search Engine Visibility ต้องไม่มีเครื่องหมายถูกในช่อง “Discourage search engines from indexing this site” มิฉะนั้น Google จะไม่สามารถเข้าถึงและจัดอันดับเว็บไซต์ของคุณได้
5. สร้าง XML Sitemap
การสร้าง Sitemap เป็นวิธีที่ช่วยให้ Google เข้าใจโครงสร้างและเนื้อหาทั้งหมดในเว็บไซต์ของคุณ หากใช้ปลั๊กอิน SEO อย่าง Yoast SEO หรือ Rank Math ระบบจะสร้าง Sitemap ให้อัตโนมัติ จากนั้นให้นำ URL ของ Sitemap ไปยื่นใน Google Search Console เพื่อให้ Google ตรวจพบเนื้อหาใหม่ ๆ ได้เร็วขึ้น
6. ตั้งค่า robots.txt
ไฟล์ robots.txt เป็นตัวบอก Google ว่าควรเข้าถึงหรือไม่ควรเข้าถึงส่วนไหนของเว็บไซต์บ้าง คุณสามารถตั้งค่า robots.txt ได้ง่าย ๆ โดยเลือกเมนู Tools แล้วเปิดใช้งาน Custom robots.txt จากนั้นก็กำหนดกฎการเข้าถึงตามที่ต้องการ

ขอบคุณภาพจากเว็บไซต์ Cloudeflare
7. ทำ Cache เพิ่มความเร็วเว็บไซต์
การทำ Cache ช่วยให้เว็บโหลดเร็วขึ้นโดยเก็บสำเนาหน้าเว็บไว้ชั่วคราว ทำให้ผู้เข้าชมไม่ต้องโหลดข้อมูลใหม่ทุกครั้ง แนะนำให้ใช้ปลั๊กอิน WP Rocket ซึ่งติดตั้งง่ายและมีระบบตั้งค่าอัตโนมัติที่เหมาะสมกับเว็บส่วนใหญ่
8. ติดตั้ง WordPress Plugin ที่จำเป็น
WordPress มีสารพัดปลั๊กอินให้เลือกใช้ แต่การติดตั้งปลั๊กอินจำนวนมากก็ส่งผลกระทบต่อความเร็วและความเสถียรของเว็บไซต์เช่นกัน ดังนั้น เราจึงแนะนำให้ติดตั้งปลั๊กอินเท่าที่จำเป็นเท่านั้น อาทิ การติดตั้งปลั๊กอิน SEO ที่ครบครันอย่าง Yoast SEO ที่เหมาะกับทั้งมือใหม่และมืออาชีพ เป็นต้น
9. เชื่อมต่อเว็บไซต์กับ Google Search Console
Google Search Console คือเครื่องมือฟรีที่ช่วยให้คุณเห็นว่าเว็บไซต์ทำงานดีแค่ไหนบน Google คุณจะรู้ว่าใครค้นหาอะไรแล้วเจอเว็บคุณ คลิกเข้ามาเท่าไหร่ และมีปัญหาทางเทคนิคอะไรที่ต้องแก้ไข ถือเป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้สำหรับการทำ SEO เลยก็ว่าได้

10. ใช้ CDN เพิ่มความเร็วเว็บไซต์
CDN (Content Delivery Network) จะช่วยให้เว็บโหลดเร็วขึ้นโดยกระจายข้อมูลไปเก็บไว้ในเซิร์ฟเวอร์หลาย ๆ แห่งทั่วโลก แนะนำให้ใช้ Cloudflare เพราะมีแพ็กเกจฟรีที่ใช้งานได้ดี ติดตั้งง่าย และยังช่วยป้องกันการโจมตีเว็บไซต์ได้อีกด้วย
11. ปรับแต่งไฟล์ .htaccess
ไฟล์ .htaccess เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยจัดการการทำงานของเว็บไซต์ WordPress ของคุณ สามารถใช้เพิ่มความเร็ว ความปลอดภัย และแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้ เช่น การทำ redirect, การบีบอัดไฟล์ หรือการตั้งค่า Cache แนะนำให้สำรองข้อมูลก่อนแก้ไขไฟล์นี้ทุกครั้ง
12. กำหนด URL Structure
การตั้งชื่อ URL ที่ดีช่วยให้ทั้งคนและ Google เข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้น แนะนำให้ใช้แบบ Post name ใน Settings > Permalinks โดยชื่อ URL ควรสั้น กระชับ มีคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง และคั่นคำด้วยขีด (-) เช่น https://anga.co.th/seo/what-is-seo/
13. ติดตั้ง Breadcrumb Navigation
Breadcrumb Navigation เหมือนเป็นผู้ช่วยนำทางให้ผู้อ่านรู้ว่าตอนนี้อยู่ส่วนไหนของเว็บไซต์ และสามารถกลับไปหน้าก่อนหน้าได้แบบง่าย ๆ สามารถติดตั้งได้ผ่านปลั๊กอิน Breadcrumb NavXT บน WordPress

14. ใช้ Lazy Loading
Lazy Loading ช่วยให้เว็บโหลดเร็วขึ้นโดยจะโหลดรูปภาพก็ต่อเมื่อผู้อ่านเลื่อนลงมาถึง ไม่ต้องโหลดทุกรูปพร้อมกันตั้งแต่แรก WordPress รุ่นใหม่มี Lazy Loading มาให้ในตัว แต่ถ้าอยากได้ฟีเจอร์เพิ่มเติมแนะนำให้ใช้ปลั๊กอิน WP Rocket
15. แก้ปัญหาลิงก์เสีย (Broken Link)
ปัญหาลิงก์เสีย (Broken Link) ทำให้ผู้อ่านหงุดหงิดและส่งผลเสียต่อ SEO ได้ แนะนำให้ใช้ปลั๊กอิน Broken Link Checker เพื่อตรวจหาลิงก์เสียในเว็บไซต์ แล้วรีบแก้ไขโดยลบลิงก์ที่ใช้งานไม่ได้ออก หรือเปลี่ยนไปชี้ไปยังหน้าใหม่ที่ถูกต้อง พร้อมทำ redirect 301 ถ้าจำเป็น
16. ติดตั้ง Schema Markup
การติดตั้ง Schema Markup บนเว็บ WordPress จะช่วยให้ Google เข้าใจเนื้อหาของคุณได้ชัดเจนขึ้น และแสดงผลในรูปแบบ Rich Snippets ซึ่งดึงดูดคลิกได้ดีกว่าผลการค้นหาแบบธรรมดา ส่งผลให้มี CTR สูงขึ้นและมีโอกาสติดอันดับ SEO ในตำแหน่งที่ดีขึ้น
17. Noindex หน้าที่ไม่จำเป็น
การทำ Noindex หน้าที่ไม่สำคัญใน WordPress จะช่วยลด Content Cannibalization ทำให้ Google โฟกัสกับหน้าที่สำคัญจริง ๆ พลังงาน SEO จะไม่กระจายไปที่หน้าไม่จำเป็น ทำให้หน้าหลัก ๆ มีโอกาสติดอันดับสูงกว่าเดิมได้
18. ทำให้เว็บไซต์เป็น Mobile Friendly
Google ใช้ Mobile-First Indexing ในการจัดอันดับ การทำให้เว็บไซต์ของคุณรองรับการแสดงผลบนมือถือจึงสำคัญมาก เว็บที่ใช้งานง่ายบนมือถือจะมี Core Web Vitals ที่ดี ลดอัตราตีกลับ (Bounce Rate) และมีโอกาสติดอันดับสูงกว่าเว็บที่ไม่รองรับมือถือ
19. ทำ 301 Redirect เมื่อเปลี่ยน URL
เมื่อมีการเปลี่ยน URL หรือแก้ไข URL ควรทำ 301 redirect ส่งต่อค่า SEO จากลิงก์เก่าไปลิงก์ใหม่ เพื่อทำให้เว็บไซต์ไม่เสียอันดับเดิมที่ติดไป พร้อมกับรักษาคะแนน Backlink เก่าและค่า PageRank ไว้ได้ ส่งผลดีต่อ SEO ในระยะยาว
20. สร้างเนื้อหาตามหลัก E-E-A-T
Google ให้ความสำคัญกับคุณภาพเนื้อหาบน WordPress มาก การเขียนเนื้อหาตามหลัก E-E-A-T Factor และคำนึงถึงเกณฑ์ YMYL ในเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและความเป็นอยู่ของผู้คน จะแสดงให้เห็นว่าคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญในสายงานนั้นจริง ทำให้เว็บน่าเชื่อถือและมีโอกาสติดอันดับสูงในคีย์เวิร์ดที่มีการแข่งขันสูง
21. 1 หน้าต่อ 1 Focus Keyword
การโฟกัสหนึ่งคีย์เวิร์ด (Keyword) ต่อหนึ่งหน้าในเว็บไซต์ จะช่วยให้แต่ละหน้ามีจุดแข็งชัดเจน ไม่แย่งอันดับกันเอง และทำให้ Google เข้าใจได้ทันทีว่าหน้านี้พูดถึงอะไร ทำให้มีโอกาสติดอันดับสูงในคีย์เวิร์ดนั้น ๆ มากกว่าการยัดคีย์เวิร์ดหลายตัวในหน้าเดียว ทั้งนี้ คุณสามารถเพิ่มคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องเพื่อเสริมประสิทธิภาพของเนื้อหาได้
22. อัปเดตเนื้อหาบนเว็บไซต์เป็นประจำ
ใคร ๆ ก็ชอบเนื้อหาที่สดใหม่ ซึ่ง Google เองก็เช่นกัน โดย Google ชื่นชอบเว็บที่มีการอัปเดตสม่ำเสมอ เพราะเป็นเหมือนสัญญาณบ่งบอกว่าเว็บยังถูกดำเนินไปและข้อมูลบนเว็บไซต์อัปเดตล่าสุด ซึ่งคุณควรปรับปรุงเนื้อหาให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด เพราะจะส่งผลให้จะทำให้ Google crawl เว็บคุณบ่อยขึ้น และมีโอกาสติดอันดับดีขึ้นเรื่อย ๆ นั่นเอง
23. ปรับแต่ง Meta Tags
Meta Tags คือหน้าตาของเว็บคุณบน Google SERPs การปรับแต่ง Meta Tags ให้ดึงดูดใจและน่าคลิกจะช่วยเพิ่ม CTR ได้มาก แนะนำให้ใส่คีย์เวิร์ดใน Title tag และเขียน Meta Description ให้น่าสนใจ บอกประโยชน์ที่ผู้อ่านจะได้ จะช่วยให้คนอยากคลิกเข้ามาอ่านมากขึ้น
24. เพิ่ม Internal Link
Internal Link คือลิงก์เชื่อมโยงภายในเว็บไซต์ ซึ่งการทำ Internal Link ระหว่างบทความ จะทำให้ Google และผู้ใช้งานเห็นความเชื่อมโยงของเนื้อหา ช่วยทำให้ผู้ใช้งานอยู่บนเว็บไซต์นานขึ้นและทำให้ Google รู้ว่าหน้าไหนคือหน้าหลักสำหรับคีย์เวิร์ดแต่ละคำ โดยจะส่งผลดีต่ออันดับเว็บไซต์ด้วย
25. ทำ External Link
External Link คือการส่งลิงก์ออกไปนอกเว็บไซต์ (แปะลิงก์เว็บไซต์อื่นบนเว็บไซต์ของเรา) เป็นการเพิ่มคุณค่าให้เนื้อหาของคุณ เพราะผู้อ่านจะได้ข้อมูลครบถ้วนขึ้น และ Google จะเห็นว่าบทความของคุณมีการอ้างอิงที่ดี แต่ควรเลือกลิงก์ไปเฉพาะเว็บที่น่าเชื่อถือและตั้งค่าให้เปิดในแท็บใหม่เสมอ
26. สร้าง Link Building SEO
การสร้าง Link Building SEO เป็นส่วนหนึ่งของการทำ Off-Page SEO หรือเรียกสั้น ๆ ว่าการทำ Backlink เปรียบเสมือนคะแนนโหวตจากเว็บอื่นที่บอก Google ว่าเนื้อหาคุณมีคุณค่า ยิ่งได้ลิงก์จากเว็บที่มีอำนาจสูงในอุตสาหกรรมเดียวกัน ยิ่งช่วยเพิ่มอำนาจโดเมนและดันอันดับได้ดี แนะนำให้สร้าง Backlink ด้วยการทำเนื้อหาที่มีคุณภาพจนคนอยากแชร์ต่อ หรือติดต่อขอแลกลิงก์กับเว็บที่เกี่ยวข้องก็ได้เช่นกัน
แนะนำบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
- รวม 7 เทคนิคทำ Off-Page SEO ให้ได้ผลลัพธ์ยอดเยี่ยม
- 6 วิธีทำ Backlink ให้ส่งผลต่อดี SEO มากที่สุด ในปี 2025
27. ตั้งค่า Alt Text ในรูปภาพ
เทคนิคการทำ SEO WordPress ที่หลาย ๆ คนมักจะมองข้ามคือการตั้งค่า Alt Text ในรูปภาพที่อัปโหลดลงไปในบทความหรือเว็บไซต์ Alt Text คือคำอธิบายรูปภาพที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา ซึ่งจะช่วยให้ Google เข้าใจว่ารูปภาพหมายถึงอะไร แล้วยังเพิ่มโอกาสให้รูปติดอันดับใน Google Images ด้วย
28. ทำ Image Optimization
Image Optimization คือการปรับแต่งรูปภาพที่ใช้บนเว็บไซต์ ให้มีประสิทธิภาพดีที่สุด เหมาะกับการอยู่บนเว็บไซต์ในระยะยาว ไม่เปลืองพื้นที่ และมีโอกาสติด SEO สูง เช่น การบีบอัดไฟล์รูปภาพให้เหลือไม่เกิน 200 KB, การแปลงไฟล์รูปให้เป็น WebP, การตั้งชื่อไฟล์ภาพเป็นภาษาอังกฤษก่อนอัปโหลด ฯลฯ
29. สร้าง Table of Contents
Table of Contents หรือสารบัญเนื้อหา จะช่วยให้ผู้อ่านเข้าถึงเนื้อหาที่สนใจได้เร็วขึ้น และเพิ่มโอกาสการติด Featured Snippets หรืออันดับ 0 บน Google ซึ่งดึงดูดยอดคลิกได้มากกว่าผลการค้นหาปกติ
30. ตรวจสอบและทำ SEO Audit
SEO Audit คือกระบวนการตรวจสอบปรับปรุงแก้ไข SEO ที่ครอบคลุมทุก ๆ ด้าน ซึ่งมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพื่อให้คุณรู้ว่าตอนนี้เว็บไซต์ของคุณมีปัญหาที่อาจส่งผลต่ออันดับ SEO หรือไม่ และสามารถแก้ไขปัญหา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเว็บไซต์ได้อย่างรวดเร็ว
สรุป
จบไปแล้วกับบทความสอนทำ SEO WordPress ด้วย 30 เทคนิคที่กลั่นกรองมาจากประสบการณ์จริงของเอเจนซี่ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านทุกท่าน ซึ่งคุณสามารถนำวิธีทำ SEO WordPress ในบทความนี้ไปปรับใช้หรือดูเป็นแนวทางการทำ SEO บนเว็บไซต์ WordPress ของคุณได้เลย อย่างไรก็ตาม การทำ SEO ให้ได้ผลดีในระยะยาวจะต้องอาศัยการทำอย่างสม่ำเสมอ ทั้งการอัปโหลดเนื้อหาสม่ำเสมอ การตรวจสอบและทำ SEO Audit ทุก 6 เดือน หรือการติดตามวัดผลลัพธ์เป็นประจำ ทุกอย่างเหล่านี้จะช่วยให้คุณรู้และเข้าใจสถานการณ์เว็บไซต์และสามารถปรับปรุงหรือพัฒนากลยุทธ์ SEO ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นได้ สุดท้ายนี้ ถ้าคุณกำลังมองหาผู้เชี่ยวชาญด้านการทำ SEO ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมหรือธุรกิจขนาดไหน สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจาก ANGA ได้ที่ LINE Official Account โดยเพิ่มเพื่อนไอดี @ANGA หรือคลิกที่ LINE @ANGA (สามารถชมผลลัพธ์การทำ SEO จากแองก้าได้ที่เมนู ‘ผลลัพธ์การทำงาน’ ด้านบนของเว็บไซต์)
บทความที่เกี่ยวข้อง

TikTok Seller คืออะไร ช่องทางสร้างรายได้ ขยายธุรกิจให้เติบโต
