1. หน้าหลัก
  2. อัปเดตการตลาด
  3. Marketing Strategy คืออะไร? ถ้าไม่มีกลยุทธ์ ก็อย่าคาดหวังผลลัพธ์
marketing strategy คือ
เผยแพร่เมื่อ: ธันวาคม 15, 2023

Marketing Strategy คืออะไร? ถ้าไม่มีกลยุทธ์ ก็อย่าคาดหวังผลลัพธ์

Table Of Contents

ถึงแม้ว่าสินค้าของคุณจะมีคุณภาพมากแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจจะทำให้แบรนด์ของคุณเติบโตไปไกลได้ หากขาดการทำการตลาด (Marketing) ไป เพราะยุคนี้เป็นยุคของการแข่งขัน ทำให้แบรนด์และธุรกิจต่าง ๆ ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ต่างก็มีการแข่งขันกันอย่างเข้มข้น ถ้าคุณยังไม่เริ่มลงมือทำการตลาดล่ะก็ ธุรกิจของคุณอาจจะโดนทิ้งไว้ให้อยู่ข้างหลังก็เป็นได้

หัวใจสำคัญของการทำการตลาดให้สำเร็จคือ “Marketing Strategy” ถ้าขาดสิ่งนี้ไป คุณก็ลืมเรื่องผลลัพธ์ที่ต้องการไปได้เลย เพราะ Marketing Strategy เปรียบเสมือน “แผนการรบระยะยาว” ที่จะทำให้ทุกฝ่ายในองค์กรเดินไปในทิศทางเดียวกัน รวมทั้งยังช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างยั่งยืนและมั่งคงในระยะยาวด้วย
สำหรับใครที่อยากเจาะลึกลงไปว่า Marketing Strategy คืออะไร? สามารถหาคำตอบได้ในบทความนี้เลย! ไม่เพียงแค่นั้น ทาง ANGA (แองก้า) ก็มี Marketing Strategy และ Digital Marketing Strategy เด็ด ๆ ที่ทำให้เกิดผลลัพธ์จริงมาแนะนำให้คุณรู้กันอีกด้วย!

Marketing Strategy คืออะไร
ขอบคุณภาพจาก Canva

Marketing Strategy คือ แนวทางในการทำให้สินค้า บริการ และแบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น เพื่อนำมาซึ่งยอดขายและการเติบโตของธุรกิจ หรือจะเรียกว่า “กลยุทธ์ทางการตลาด” ก็ได้เช่นกัน โดย Marketing Strategy จะเป็นตัวกำหนดทิศทางการทำการตลาดของแบรนด์ในภาพรวม ว่าควรจะเดินไปในทิศทางใด ใช้วิธีการดำเนินงานอย่างไร หรือจะใช้กลยุทธ์อะไร เพื่อบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

กลยุทธ์ Marketing Mix หรือส่วนผสมทางการตลาดเป็นกลยุทธ์ที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 1960s ซึ่งในสมัยก่อนการทำการตลาดแบบ 4Ps อาจจะเป็นสิ่งที่เพียงพอแล้ว แต่เมื่อมีธุรกิจใหม่ ๆ เกิดขึ้นมาเพิ่ม  รวมถึงยุคสมัยและพฤติกรรมของผู้คนที่เปลี่ยนไป จึงทำให้กลยุทธ์การตลาดแบบ 4Ps ไม่เพียงพออีกต่อไป จึงขยายออกมาเป็นกลยุทธ์การตลาดแบบ 7Ps และ 8Ps ให้เราได้เห็นกับในปัจจุบันนี้

กลยุทธ์การตลาด 4Ps

กลยุทธ์การตลาดแบบ 4Ps (4Ps Marketing Mix) จะเน้นไปที่ตัวสินค้าและบริการเป็นหลัก ซึ่งจะประกอบไปด้วย Product (สินค้าหรือบริการ), Price (ราคา), Place (ช่องทางหรือสถานที่จัดจำหน่าย) และ Promotion (การส่งเสริมการขาย) กลยุทธ์นี้นับว่าเป็นกลยุทธ์พื้นฐานของการทำการตลาดเลยก็ว่าได้ เพราะจะทำให้แบรนด์รู้จักตัวเองดีขึ้น รู้จักกลุ่มเป้าหมายอย่างลึกซึ้ง และสามารถนำข้อมูลต่าง ๆ มาวิเคราะห์และใช้ในการวางแผนการทำการตลาดต่อไปได้อย่างมีคุณภาพ

กลยุทธ์การตลาด 7Ps

กลยุทธ์การตลาดแบบ 7Ps (7Ps Marketing Mix) จะเน้นการสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้า โดยมีการเพิ่มปัจจัยเข้ามาอีก 3 ตัว คือ People (คนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจทั้งหมด ทั้งลูกค้า พนักงาน และพาร์ทเนอร์), Process (กระบวนการทำงานในขั้นตอนต่าง ๆ และการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า) และ Physical Evidence (สิ่งที่ลูกค้าจะสัมผัสได้จากเรา เช่น คุณภาพของสินค้า การบริการของพนักงาน หรือการตกแต่งร้านสวย ๆ เป็นต้น)

กลยุทธ์การตลาด 8Ps

กลยุทธ์การตลาดแบบ 8Ps (8Ps Marketing Mix) เกิดขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ธุรกิจใหม่ ๆ ที่ทำการตลาดไปแล้ว แต่ไม่ได้หยุดอยู่ที่การปิดการขายเพียงอย่างเดียว แต่ต้องทำให้เกิดการซื้อซ้ำด้วย ซึ่งมักจะเป็นธุรกิจที่มีการให้บริการแบบ Membership อย่างเอเจนซี่ หรือฟิตเนส เป็นต้น

กลยุทธ์การตลาดแบบ 8Ps ประกอบไปด้วย Product, Price, Place, Promotion, People, Process และ Physical Evidence ที่เหมือนกับ 7Ps แต่จะมีปัจจัยใหม่เพิ่มเข้ามาคือ Performance (ประสิทธิภาพของสินค้าและบริการ) และ Programs / Partnership (รูปแบบการให้บริการ)

ยุคนี้เป็นยุคที่สื่อออนไลน์มาแรงอย่างมาก จากรายงานของ We Are Social ที่เผยว่าคนไทยมีการใช้งานอินเทอร์เน็ตสูงถึง 85.3% และอยู่ในอันดับ 23 ของโลกเลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้ ถ้าคุณอยากเติบโตและเข้าถึงผู้คนจำนวนมาก คุณจะต้องหันมาทำธุรกิจบนโลกออนไลน์มากขึ้น และนี่คือ 10 กลยุทธ์ทางการตลาดออนไลน์ (Digital Marketing Strategy) ที่เราอยากแนะนำให้คุณได้รู้จัก เพื่อผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม!

1. SEO (Search Engine Optimization)

SEO Marketing, Search Engine Optimization, Search Marketing หรือ SEO คือ การทำการตลาดผ่านเครื่องมือการค้นหา (Search Engine) อย่าง Google, Bing, Yahoo, Naver ฯลฯ โดยในประเทศไทยและหลาย ๆ ประเทศทั่วโลกมักจะใช้งาน Google เป็นหลัก 
การทำ SEO จะเริ่มต้นด้วยการสร้างเว็บไซต์ก่อน เพื่อเป็นฐานในการรวบรวมข้อมูล (แนะนำเว็บไซต์ WordPress) จากนั้นเราก็จะปรับปรุงเว็บไซต์และผลิตคอนเทนต์ที่มีคุณภาพออกมา โดยการใช้ Keyword เป็นตัวนำให้ผู้คนบน Search Engine มาเจอกับเว็บไซต์เรา  ซึ่งเป้าหมายของการทำ SEO คือการเปิดการมองเห็นให้แก่เว็บไซต์, ติดอันดับการค้นหาในหน้าแรก, เพิ่มยอด Organic Traffic บนเว็บไซต์, สร้างความน่าเชื่อถือ และเปลี่ยน “ผู้ชม” ให้กลายเป็น “ลูกค้า” ในท้ายที่สุด

Search Engine Optimization

จากภาพข้างต้นนี้ ทางแองก้าได้เขียนบทความเรื่อง 10 บริษัทรับทำ SEO ในประเทศไทย พร้อมวิเคราะห์จุดเด่นและจุดแข็ง โดยใช้ Keyword คำว่า “บริษัทรับทำ SEO” และผลลัพธ์ที่ได้คือบทความนี้ติดอันดับ 1 บนหน้าแรกของการค้นหา ทำให้ลูกค้าที่กำลังมองหาบริษัทรับจ้างทำ SEO เห็นบทความนี้ จึงทำให้แองก้าได้โอกาสในการมีลูกค้าใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นมานั่นเอง

2. Google Ads

Google Ads เป็นการทำโฆษณาผ่านช่อง Google Search ซึ่งจะมีการใช้ Keyword มาเป็นองค์ประกอบเช่นเดียวกันกับ SEO แต่กลยุทธ์นี้จะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการยิงโฆษณา เพื่อทำให้เกิด Traffic เข้ามาบนเว็บไซต์ จึงมีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า Paid Search นั่นเอง ผลลัพธ์ของการทำโฆษณา Google Ads จะเกิดขึ้นเมื่อจ่ายเงินเท่านั้น หากหยุดจ่ายเงินโฆษณาก็จะหยุดลงเช่นกัน ดังนั้น การทำการตลาดด้วยกลยุทธ์นี้จึงไม่ยั่งยืน แต่ก็เป็นกลยุทธ์ที่นิยมมาก เพราะผลลัพธ์ที่ได้นั้นคุ้มค่าจริง ๆ 

Google Ads สามารถทำให้ธุรกิจของคุณบรรลุผลได้หลายเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างการรับรู้แบรนด์, การเพิ่มยอดผู้ใช้งานบนเว็บไซต์, การเพิ่มยอดลงทะเบียน, การเพิ่มยอดสั่งจองสินค้า หรือการเพิ่มยอดขายก็ตาม

Google Ads

3. Facebook Ads

Facebook Ads เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ทางการตลาดออนไลน์ที่ฮอตฮิตมาก เพราะคนไทยส่วนใหญ่เข้าใช้งาน Facebook เป็นประจำทุกวัน! การทำการตลาดด้วยกลยุทธ์นี้จึงสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้จำนวนมาก และยังมีข้อดีอีกเพียบ เช่น ช่วยเพิ่มการมองเห็นได้ดี, สร้างการรับรู้ได้, กระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมง่าย, ช่วยประกอบการพิจารณาในการซื้อสินค้า, ช่วยเร่งให้เกิดการซื้อสินค้า และสามารถปิดการขายได้อย่างง่ายดาย

รูปแบบของการทำโฆษณา Facebook Ads นั้น จะเน้นไปที่รูปภาพและวิดีโอเป็นหลัก เพื่อดึงดูดความสนใจและทำให้กลุ่มเป้าหมายหยุดอ่านโฆษณาภายในเวลาเพียงเสี้ยววินาที และถึงลูกค้าจะเห็น Facebook Ads อยู่ทุกวันก็ไม่เกิดการเบื่อหน่ายง่าย เพราะ Facebook Ads มี Template ให้เลือกออกแบบกันเยอะมาก ดังนั้น เราจึงสามารถปรับแต่งได้ตามใจ เพื่อให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายของตนเองได้เลย

4. TikTok Ads

ปฏิเสธไม่ได้ว่า TikTok Ads ช่วยกระตุ้นยอดขายพร้อมกับสร้างการรับรู้แบรนด์ได้เป็นอย่างดี ทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างรวดเร็ว เพราะ TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่กำลังมาแรงสุด ๆ มีคนใช้งานเพิ่มขึ้นทุกวัน และไม่มีท่าทีว่าจะน้อยลงเลย คอนเทนต์เป็นกระแสได้ง่าย สินค้าตัวไหนเป็นไวรัลเมื่อไหร่ รับรองยอดขายมาแน่นอน!

แถมตัวระบบของ TikTok Ads นั้นก็ไม่ธรรมดาด้วย เพราะมีการนำ AI เข้ามาช่วยในการจัดการโฆษณา โดยเฉพาะในส่วนของการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งยังมีระบบติดตาม เพื่อให้คุณสามารถปรับแต่งโฆษณาได้ออกมาเป็นเวอร์ชันที่ดีที่สุดอีกด้วย

TikTok Ads

5. Social Media Marketing

Social Media Marketing หรือกลยุทธ์การทำการตลาดบนสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter, Instagram, LinkedIn, TikTok, LINE หรือ YouTube ก็ตาม จะเน้นไปที่การสร้างคอนเทนต์ให้ตรงกับสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายอยากจะเห็น โดยมีจุดประสงค์ในการสร้างการรับรู้และสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างลูกค้ากับแบรนด์

แต่กลยุทธ์การตลาด Social Media นี้ค่อนข้างดุเดือด หากคุณทำคอนเทนต์ไม่เก่ง หรือยิงโฆษณาบนช่องทางเหล่านี้ไม่เป็น และไม่อยากพลาดจนเสียเงินไปฟรี ๆ แนะนำให้จ้างเอเจนซี่รับทำการตลาดออนไลน์เข้ามาดูแลดีกว่า เพราะเอเจนซี่จะทำให้ทรัพยากรและงบประมาณที่คุณมี ถูกนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและมอบผลลัพธ์ที่ดีที่สุดให้แก่คุณได้

6. e-Commerce Marketing

e-Commerce Marketing เป็นกลยุทธ์การตลาดที่จะช่วยเพิ่มยอดขายของออนไลน์ให้แก่ธุรกิจ ซึ่งคุณสามารถทำกลยุทธ์นี้บนร้านค้าของตนเอง (เว็บไซต์ขายของออนไลน์ที่เปิดเอง) หรือจะทำผ่าน Marketplace อย่างพวก Lazada, Shopee, Facebook Marketplace, TikTok Shop หรือ LINE My Shop ก็ได้เช่นกัน

7. Influencer Marketing

Influencer Marketing เป็นกลยุทธ์ที่มีการใช้จิตวิทยาเล็กน้อย เพราะจะเป็นการใช้ “ผู้มีอิทธิพล” ในเรื่องนั้น ๆ มาโปรโมตสินค้าและแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก ในลักษณะของการแนะนำ, รีวิว หรือบอกต่อ ทำให้ผู้ที่ติดตามอินฟลูเอนเซอร์เหล่านั้นรู้สึก “เชื่อมั่น” ในสินค้ามากขึ้น จนเกิดการคล้อยตามและซื้อสินค้าเหล่านั้นมาใช้งานในที่สุด

Influencer Marketing
ขอบคุณภาพจาก Search Engine Journal

8. Video Marketing

Video Marketing เป็นการนำวิดีโอ (ภาพเคลื่อนไหวและเสียง) มาใช้ในการทำการตลาด เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ชอบดูและฟังมากกว่าอ่าน ซึ่งสามารถดึงดูดความสนใจและส่ง Messege ที่ถูกต้องครบถ้วนได้มากกว่าสื่อที่เป็นรูปภาพ

แต่กลยุทธ์นี้จะประสบความสำเร็จได้ จะต้องมีการวางแผนล่วงหน้าให้ดี กำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ชัด วางสตอรี่ให้ถูก ตัดต่อให้กระชับ และมีการเล่าเรื่องด้วยเสียงที่ไม่น่าเบื่อจนเกินไป เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ชมดูคลิปเราต่อไปจนจบได้ โดยที่ไม่ปิดไปซะก่อนภายในไม่กี่วินาทีแรก

9. Affiliate Marketing

Affiliate Marketing เป็นกลยุทธ์การตลาดแบบนายหน้า ซึ่งจะเป็นการที่แบรนด์ให้บุคคลอื่น (อาจจะเป็นบุคคลทั่วไป อินฟลูเอนเซอร์ หรือบริษัทต่าง ๆ ก็ได้) มาโปรโมตสินค้าและขายสินค้าให้แทน และนายหน้าจะได้รับส่วนแบ่ง (Commission) ตามเปอร์เซ็นต์ที่แบรนด์กำหนด กลยุทธ์นี้ทำให้เกิดการ Win-Win แก่ทั้งสองฝ่าย ฝั่งแบรนด์ไม่ต้องเสียเวลาโปรโมตเอง รอรับออเดอร์และแพ็กสินค้าส่งเท่านั้น ส่วนฝั่งนายหน้าทำการโปรโมตอย่างเดียวและรอรับส่วนแบ่ง ไม่ต้องสต๊อกสินค้าหรือแพ็กสินค้าเองเลย

Affiliate Marketing
ขอบคุณภาพจาก Naked Media

10. Content Marketing

Content Marketing คือกลยุทธ์การทำการตลาดด้วยเนื้อหา ซึ่งจะเป็นการส่งสารจากแบรนด์ไปยังกลุ่มเป้าหมายผ่านเนื้อหาประเภทต่าง ๆ เช่น ข้อความ, รูปภาพ, วิดีโอ และเสียง เพื่อจุดประสงค์ทางการตลาด เช่น การส่งคอนเทนต์รูปภาพที่มีข้อความระบุว่า “บริษัทรับทำ SEO ต้องแองก้าเท่านั้น” เพื่อบอกกลุ่มเป้าหมายให้รู้ว่าแองก้ารับทำ SEO (สร้าง Brand Awareness) นั่นเอง

สรุปได้ว่ากลยุทธ์การตลาด หรือ Marketing Strategy คือสิ่งสำคัญในยุคนี้ที่คุณไม่ควรมองข้าม เพราะแบรนด์ของคุณจะโตขึ้นมากแค่ไหน ยอดขายของคุณจะสูงขึ้นมากเพียงใด รวมถึงธุรกิจของคุณจะไปได้ไกลในระยะยาวหรือไม่ ล้วนขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ทางการตลาดที่คุณเลือกใช้เป็นหลัก!

สำหรับมุมมองของ ANGA ที่เป็นดิจิตอลเอเจนซี่ด้านการตลาดโดยตรง เรามองว่าการวางกลยุทธ์การตลาดหรือ Marketing Strategy เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดก่อนร่วมงานกับลูกค้า (ตรงนี้ถือเป็นจุดเด่นที่ทำให้แองก้าแตกต่างจากเอเจนซี่อื่นด้วย) เพราะกลยุทธ์การตลาดที่นำเสนอนั้น สะท้อนประสบการณ์และความสามารถ รวมถึงการวิเคราะห์และลอจิกการแก้ไขปัญหาของเราได้เป็นอย่างดี

เวลาที่เรานำเสนอข้อมูลธุรกิจของลูกค้าเทียบกับคู่แข่ง เรามักจะหาข้อได้เปรียบในการวางกลยุทธ์ให้ลูกค้าอยู่เสมอ เช่น จะทำอย่างไรให้ชนะคู่แข่งได้หลังจากที่เห็นดาต้าเหล่านี้ และเมื่อกลยุทธ์ที่เรานำเสนอเป็นที่ยอมรับแล้ว ต่อมาก็เป็นเรื่องของการวัดผลที่สำคัญไม่แพ้กับอย่างอื่นเลย หากเราอยากให้ Marketing Strategy ของเราประสบความสำคัญ ก็ต้องมีวิธีการวัดผลที่เหมาะสมให้แก่ทุก ๆ แคมเปญนั่นเอง!
ทั้งนี้ ถ้าคุณยังไม่แน่ใจว่ากลยุทธ์ไหนจะดีต่อธุรกิจของคุณบ้าง ลองไปอ่านบทความเทรนด์การตลาด 2024 ที่ทางแองก้าเคยเขียนไว้ก่อนได้เลย หรือจะปรึกษากับทีมผู้เชี่ยวชาญของแองก้า เพื่อให้เราวิเคราะห์ธุรกิจและแนะแนวทางในการวางกลยุทธ์ทางการตลาดก็ได้เช่นกัน  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 080-054-9199 หรือ LINE @ANGA และ business@anga.co.th

บทความที่เกี่ยวข้อง

LINE Ads เครื่องมือโฆษณา ช่วยเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจ

ในขณะที่หลายธุรกิจกำลังประสบปัญหาต้นทุนการทำโฆษณาออนไลน์ที่สูงขึ้น แต่ประสิทธิภาพกลับลดลง LINE Ads จึงกลายเป็นทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจสำหรับการทำการตลาดออนไลน์ในตอนนี้ ด้วยความที่ LINE เป็นแพลตฟอร์มที่ค
11

มัดรวม GIF IG ฟรี! เอาไปตกแต่ง Story IG ให้เป๊ะปัง

ไหน ๆ Instagram (IG) ก็มีฟีเจอร์ IG Story ไว้ให้เราโพสต์เรื่องราวต่าง ๆ แล้ว เรามาใช้โอกาสนี้ในการระเบิดไอเดีย เผยตัวตน ด้วยการสร้าง IG Story สวย ๆ กันดีกว่า ปกติแล้วเราก็จะแต่งสตอรี่ไอจีด้วยภาพและอัก
11

Nofollow Link คืออะไร? มีความเกี่ยวข้องกับ SEO อย่างไร

ถ้าคุณกำลังเรียนรู้หรือเพิ่งก้าวเข้าสู่โลกของการทำ SEO (Search Engine Optimization) คุณจะพบได้ว่าองค์ประกอบในการทำ SEO ให้สำเร็จมีอยู่เยอะมาก ซึ่งรวมถึงเรื่องของการทำ Backilink ด้วย ในวันนี้ ANGA จะพา
12
th