1. หน้าหลัก
  2. อัปเดตการตลาด
  3. Broken Link คืออะไร วิธีตรวจสอบและขั้นตอนแก้ไขลิงก์เสีย
Broken Links
เผยแพร่เมื่อ: มกราคม 28, 2025

Broken Link คืออะไร วิธีตรวจสอบและขั้นตอนแก้ไขลิงก์เสีย

Table Of Contents

เหตุผลที่ทำให้เจ้าของธุรกิจและองค์กรต่าง ๆ หันไปจ้างเอเจนซี่รับทำ SEO ให้มาดูแลเว็บไซต์ให้ก็คือการครองอันดับสูงสุดบน Google ที่มาพร้อมกับ Website Traffic และผลกำไรของธุรกิจที่เติบโตขึ้น แต่เว็บไซต์ของคุณอาจติดอันดับได้ไม่ดีนัก หากมีปัญหาลิงก์เสียหรือ Broken Link อยู่เต็มเว็บไซต์ไปหมด แม้ในส่วนนี้จะเป็นหน้าที่ของเอเจนซี่ แต่พวกเขาก็อาจจะละเลยปัญหานี้ไปได้ ดังนั้น การทำความรู้จักว่า Broken Link คืออะไร ตรวจสอบได้อย่างไร และต้องแก้ลิงก์เสียยังไง จึงเป็นเรื่องที่เจ้าของเว็บไซต์ควรศึกษาไว้ อย่างน้อย ๆ ก็สามารถทำให้ประสิทธิภาพของ SEO ดีขึ้นได้ แม้ไม่ได้จ้างเอเจนซี่ก็ตาม มาทำความเข้าใจเรื่อง Broken Link (ลิงก์เสีย) ให้มากขึ้นในบทความนี้กับ ANGA กันดีกว่า

Broken Link คืออะไร

Broken Link คือลิงก์เสียที่สามารถพบได้บนหน้าเว็บไซต์ โดยจะเป็นการที่ไฮเปอร์ลิงก์ไม่สามารถพาผู้ใช้งานไปยังหน้าเว็บปลายทางได้ตามที่ตั้งใจ เมื่อผู้ใช้คลิกที่ลิงก์ อาจพบข้อความแจ้งเตือนความผิดพลาดต่าง ๆ เช่น “404 Not Found” หรือหน้าเว็บว่างเปล่า ส่งผลให้ผู้ใช้งานไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิด Broken Link คือเว็บไซต์ปลายทางปิดตัวลง, หน้าเว็บปลายทางถูกลบหรือถูกย้ายไปยัง URL ใหม่โดยไม่มีการทำ Redirect, การกำหนด URL ในไฮเปอร์ลิงก์ผิด และรวมไปถึงการเปลี่ยนโครงสร้าง URL ของเว็บไซต์ อย่างการเปลี่ยนจาก HTTP เป็น HTTPS และการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเมนูใหม่ก็สามารถทำให้เกิดปัญหาลิงก์เสียได้เช่นกัน

ตัวอย่าง Broken Link ที่พบได้บ่อย

  • 404 Not Found – หน้าเว็บที่ต้องการไม่มีอยู่ในระบบ
  • 400 Bad Request – รูปแบบการร้องขอข้อมูลไม่ถูกต้อง
  • 500 Internal Server Error – เซิร์ฟเวอร์มีปัญหา
  • Bad URL Structure – โครงสร้าง URL ไม่ถูกต้อง เช่น ขาดเครื่องหมายต่างๆ
  • Timeout Error – การเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ใช้เวลานานเกินไป

Broken Link ส่งผลกระทบอย่างไร

Broken Link คือลิงก์เสีย แค่ชื่อก็ดูท่าจะไม่ดีแล้ว แน่นอนว่ามันส่งผลกระทบในทางที่แย่ต่อเว็บไซต์ ลามไปถึงผลลัพธ์ของการทำ SEO และธุรกิจด้วย เนื่องจากลิงก์เสียจะทำให้ผู้ใช้งานไม่ได้เจอกับสิ่งที่ต้องการ แถม Google ก็มองว่าเว็บไซต์นี้มีข้อผิดพลาด ไม่เหมาะสมกับการนำไปจัดอันดับบน SERPs (หน้าแสดงผลการค้นหา) จึงทำให้ธุรกิจมีโอกาสที่จะถูกค้นพบน้อยลง ด้วยเหตุนี้ ปัญหาลิงก์เสียจึงเป็นเรื่องที่คุณต้องเร่งแก้ไข ยิ่งมีมากเท่าไหร่ ยิ่งส่งผลเสียมากเท่านั้น

  • กระทบต่อประสบการณ์ผู้ใช้งาน หรือ User Experience เพราะลิงก์เสียจะทำให้ผู้ใช้งานเกิดความหงุดหงิด ส่งผลให้เว็บไซต์มีอัตราการตีกลับ (Bounce Rate) สูงขึ้น และผู้ใช้งานก็ใช้ระยะเวลาในการอยู่บนเว็บไซต์ลดลงด้วย
  • เสียอันดับ SEO เนื่องจาก Googlebot ไม่สามารถเก็บข้อมูลจากลิงก์เสียได้ ทำให้การจัดทำดัชนีไม่สมบูรณ์ และยังถูกมองว่าเป็นเว็บไซต์ที่มีคุณภาพต่ำ
  • เสียประสิทธิภาพในการ Crawl เพราะ Googlebot ต้องเสียเวลาในการพยายามเข้าถึงลิงก์ที่เสีย ทำให้ Crawl Budget ถูกใช้ไปอย่างไม่มีประสิทธิภาพ
  • Internal Link ไม่มีประสิทธิภาพ การเชื่อมโยงหน้าต่าง ๆ ภายในเว็บไซต์ หรือ Internal Link ไม่ได้เสร็จสมบูรณ์ ทำให้ Google เข้าใจโครงสร้างและความสัมพันธ์ของเนื้อหาได้ยากขึ้น
  • สูญเสีย Link Juice ถ้าลิงก์เสียเป็นลิงก์ที่มีคุณภาพสูง อาจทำให้เว็บไซต์เสียโอกาสในการรับค่าคะแนนความน่าเชื่อถือจากลิงก์นั้นได้
  • ความน่าเชื่อถือลดลง เพราะเว็บไซต์ที่มีลิงก์เสียจำนวนมาก มักจะสะท้อนถึงการขาดการดูแลเอาใจใส่ ไร้การอัปเดตหรือแก้ไขใด ๆ ทำให้ภาพลักษณ์ดูไม่เป็นมืออาชีพและไม่มีความน่าเชื่อถือ
  • การวิเคราะห์ข้อมูลคลาดเคลื่อน ลิงก์เสียอาจทำให้รายงานการวิเคราะห์เว็บไซต์ไม่แม่นยำได้ เพราะผู้ใช้งานไม่ได้ไปสู่หน้าเว็บสำหรับทำธุรกรรม หรือเว็บไซต์ปลายทางตามที่เราตั้งใจไว้ได้
  • เสียโอกาสทางธุรกิจ ลูกค้าที่พบลิงก์เสียอาจตัดสินใจออกจากเว็บไซต์และไปหาข้อมูลจากคู่แข่งแทน ส่งผลให้ Conversion Rate ลดลงได้

วิธีตรวจสอบลิงก์เสีย (Broken Link)

การตรวจสอบและแก้ไขลิงก์เสียเป็นขั้นตอนหนึ่งของการทำ SEO Audit (การปรับปรุงแก้ไขประสิทธิภาพของ SEO) ในส่วนของ Technical SEO (การทำ SEO เชิงเทคนิค) โดยปกติแล้วจะเป็นหน้าที่ของ SEO Specialist แต่ถ้าคุณไม่มี SEO Specialist คอยดูแลเว็บไซต์ให้ อาจจะเป็นเจ้าของเว็บไซต์เองหรือพนักงานฝ่ายการตลาดก็สามารถตรวจสอบปัญหาลิงก์เสียได้ด้วยเครื่องมือและเว็บตรวจสอบลิงก์เสียต่าง ๆ เหล่านี้เลย

  • Google Search Console เครื่องมือฟรีจาก Google ที่ช่วยรายงานข้อผิดพลาดของลิงก์ทั้งภายในและภายนอกเว็บไซต์ สามารถตรวจสอบ Broken Link ได้ที่เมนู Coverage > Error
  • Screaming Frog โปรแกรมที่ช่วยสแกนเว็บไซต์เพื่อค้นหาลิงก์เสียได้อย่างละเอียด พร้อมรายงานสถานะและสาเหตุของปัญหา
  • Broken Link Checker เป็นปลั๊กอิน WordPress ที่คอยตรวจสอบและแจ้งเตือนเมื่อพบลิงก์เสียโดยอัตโนมัติ สามารถแก้ไขลิงก์ได้ทันทีผ่านแผงควบคุม
  • Ahrefs Broken Link Checker เครื่องมือตรวจสอบลิงก์เสียออนไลน์ สามารถเช็กได้ฟรีสูงสุด 100 ลิงก์ พร้อมแสดง Anchor Text และข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

ตัวอย่างขั้นตอนการตรวจสอบลิงก์เสีย

  1. เข้าสู่ Google Search Console และตรวจสอบรายงานข้อผิดพลาด
  2. สแกนเว็บไซต์ด้วยเครื่องมือตรวจสอบลิงก์เสียที่เลือกใช้
  3. บันทึกรายการลิงก์ที่มีปัญหาและสาเหตุของปัญหา
  4. จัดลำดับความสำคัญของลิงก์ที่ต้องแก้ไข โดยเริ่มจากลิงก์ที่มีผลกระทบสูงก่อน
  5. วางแผนการแก้ไขและป้องกันปัญหาลิงก์เสียในอนาคต

วิธีแก้ลิงก์เสีย (Broken Link)

เมื่อตรวจสอบและพบลิงก์เสีย สิ่งที่คุณควรทำทันทีคือการแก้ลิงก์เสียให้เป็นลิงก์ที่สามารถใช้งานได้เป็นปกติ เพราะยิ่งปล่อยไว้นาน ก็จะยิ่งทำให้ประสิทธิภาพของเว็บไซต์และ SEO แย่ลงได้ เพื่อรักษาคุณภาพของเว็บไซต์ ประสิทธิภาพของ SEO และมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ผู้ใช้งาน สามารถแก้ลิงก์เสียด้วยวิธีเหล่านี้ตามแต่ละสาเหตุได้เลย

  • ลิงก์ภายในเว็บไซต์ ให้ทำ 301 Redirect ไปยังหน้าใหม่ที่เหมาะสม หรือแก้ไข URL ให้ถูกต้อง
  • ลิงก์ภายนอกเว็บไซต์ วิธีแก้คือค้นหา URL ใหม่ที่ถูกต้อง หรือลบลิงก์ออกหากไม่สามารถหาแหล่งข้อมูลทดแทนได้
  • รูปภาพที่ไม่แสดง ต้องอัปโหลดรูปภาพใหม่และแก้ไขเส้นทางให้ถูกต้อง หรือใช้ภาพอื่นที่เหมาะสมแทน
  • ไฟล์ที่ดาวน์โหลดไม่ได้ ให้อัปโหลดไฟล์ใหม่หรือปรับปรุงลิงก์ให้ชี้ไปยังแหล่งที่เก็บไฟล์ที่ถูกต้อง

วิธีป้องกันปัญหาลิงก์เสียในอนาคต

  1. ตรวจสอบลิงก์เสียเป็นประจำ อาจจะเป็นแบบรายเดือนหรือทุกไตรมาส
  2. สำรองข้อมูลก่อนทำการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเว็บไซต์
  3. ใช้ระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติเมื่อพบลิงก์เสีย
  4. วางทำแผนการตรวจสอบและปรับปรุงเว็บไซต์อย่างสม่ำเสมอ

สรุป

สรุปว่า Broken Link คือลิงก์บนเว็บไซต์ที่ไม่สามารถใช้งานได้ หรือเมื่อคลิกแล้ว ผู้ใช้งานจะไม่ได้ถูกส่งไปยังเว็บไซต์ปลายทางนั่นเอง ซึ่ง Broken Link เป็นหนึ่งในปัญหาของการทำ SEO เชิงเทคนิค โดยเกิดได้จากหลายสาเหตุ อาทิ พิมพ์ URL เว็บไซต์ปลายทางผิด, หน้าปลายทางโดนลบ หรือมีการเปลี่ยน URL แบบที่ไม่ได้ทำ Redirect ร่วมด้วย เป็นต้น สำหรับวิธีตรวจสอบลิงก์เสียและวิธีแก้ไขก็สามารถทำตามขั้นตอนที่เราได้แนะนำไปในบทความนี้ได้เลย อย่าลืมหมั่นตรวจเช็กสุขภาพเว็บไซต์เป็นประจำทุกเดือนและติดตามการอัปเดตอัลกอริทึมของ Google อยู่บ่อย ๆ เพื่อที่จะได้รู้ทิศทางการทำ SEO และสามารถวางแผนปรับปรุงได้อย่างรวดเร็วที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

Google Site คืออะไร สร้างเว็บไซต์ฟรีง่าย ๆ ในไม่กี่ขั้นตอน

มือใหม่อยากเริ่มต้นทำเว็บไซต์ด้วยตัวเอง ไม่ต้องเครียดหรือกลุ้มใจเรื่องค่าใช้จ่ายอีกต่อไป ANGA ขอแนะนำให้คุณรู้จักกับ Google Site คือเครื่องมือการสร้างเว็บไซต์ฟรีจาก Google ที่สามารถใช้งานร่วมกับ Googl
5

Storytelling คืออะไร ดีต่อแบรนด์อย่างไร และวิธีทำที่เห็นผลจริง

เรื่องราว (Story) ของแบรนด์สามารถทำให้แบรนด์ดูโดดเด่น น่าสนใจ และมีความแตกต่างจากคู่แข่งในทางที่ดีในสายตาของผู้บริโภค ทำให้ผู้บริโภคจดจำแบรนด์ได้เป็นอย่างดี จนเปลี่ยนสถานะจากคนรู้จักมาเป็นลูกค้าในท้าย
4

Clickbait คืออะไร พาดหัวยั่วให้คลิกหมายถึงอะไร ข้อดี ข้อเสีย

ทุกครั้งที่มีประเด็นฮอตหรือดราม่าใหม่ ๆ บนโลกออนไลน์ มันทำให้เราสงสัยใคร่รู้อย่างมากว่าเรื่องราวมันจะเป็นอย่างไรต่อไป จากนั้นก็กดเข้าไปที่ใต้โพสต์เพื่ออ่านคอมเมนต์เพิ่มเติม สิ่งที่เราพบเห็นได้บ่อยมากค
4
th