301 Redirect คืออะไร? รู้ไว้คะแนนดีไม่มีตกชัวร์
อย่างที่เราทราบกันดีว่า… ความคิดของคนเราเปลี่ยนไปได้ทุกวัน จึงทำให้หลาย ๆ ธุรกิจเจอปัญหาขึ้น เมื่อต้องการเปลี่ยนชื่อเว็บไซต์ใหม่ โดยชื่อเว็บไซต์นั้น เปรียบเสมือนชื่อของแบรนด์ที่ผู้คนจดจำไว้ แต่ในที่นี่คือ Search Engine อย่าง Google เป็นผู้จดจำและเก็บเข้าระบบไว้ หากคุณเปลี่ยนชื่อเว็บไซต์โดยพลการ และไม่ได้ทำ 301 Redirect ร่วมด้วย จะทำให้ Google ไม่รู้ว่าคุณเปลี่ยนชื่อเว็บไซต์ ซึ่งอาจจะทำให้ธุรกิจของคุณสะดุดลง เพราะเว็บไซต์ไม่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้นั่นเอง
301 Redirect คือส่วนหนึ่งของการทำ SEO เชิงเทคนิคที่คุณควรรู้จักเอาไว้ เพราะสิ่งนี้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจออนไลน์ ที่มีฐานลูกค้าอยู่บนเว็บไซต์อย่างมาก และถือว่าเป็นเรื่องพื้นฐานของผู้ที่อยากเริ่มต้นทำงานสาย Technical SEO เลยก็ว่าได้ โดยในวันนี้ทาง ANGA (บริษัทรับทำ SEO) จะมาช่วยไขคำตอบให้คุณทราบในเชิงลึกว่าการทำ 301 Redirects คืออะไร? เป็นผลดีต่อเว็บไซต์อย่างไร? และช่วยป้องกันไม่ให้อันดับ SEO ร่วงได้จริงหรือ?
301 Redirect คืออะไร
301 Redirect คือ รหัสคำสั่งของ HTTP ที่ใช้ในการเปลี่ยนเส้นทาง URL อย่างถาวร โดยมีจุดประสงค์คือการทำให้ Google รับรู้ว่าเว็บไซต์ของเราจะเปลี่ยนไปใช้ URL ใหม่ รวมทั้งเข้าใจว่า URL ใหม่นี้มีตัวตนมาก่อนแล้ว ทำให้การเปลี่ยนแปลง URL ของคุณไม่เกิดผลกระทบในทางที่แย่ลง อาทิ ยอดเข้าชมเว็บไซต์ลดฮวบ เว็บไซต์หายจากหน้าการค้นหา ลูกค้าลดลง ฯลฯ และแน่นอนว่าไม่ส่งผลกระทบต่ออันดับ SEO ด้วย หรือถ้าจะกระทบก็กระทบน้อยมาก หากเทียบกับผลกระทบของการเปลี่ยน URL แต่ไม่ทำ 301 Redirect
ด้วยเหตุนี้ การทำ 301 Redirect คือสิ่งที่คุณควรทำเป็นอันดับแรก เมื่อมีการเปลี่ยน URL ของเว็บไซต์ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นชื่อโดเมนหรือ URL Slug ก็ตาม
- Domain Name คือ ชื่อเว็บไซต์ ( https:// anga .co .th)
- URL Slug หรือ Permalink คือ ชื่อเฉพาะจงเจาะของหน้าเพจแต่ละหน้า ที่อยู่ต่อจากชื่อเว็บไซต์ (https:// anga .co .th/seo)
ตัวอย่างการทำ 301 Redirects
โจทย์ : ปัจจุบันเว็บไซต์ของแองก้าคือ https://anga.co.th แต่แองก้าอยากเปลี่ยนชื่อเว็บไซต์เป็น https:// anga-bangkok .co .th ดังนั้น แองก้าจะต้องทำ 301 Redirect เพื่อเปลี่ยนเส้นทางจาก URL เก่า (https:// anga .co .th) ไปยัง URL ใหม่ (https:// anga-bangkok .co .th)
ผลลัพธ์ : หลังจากที่ทำ 301 Redirect เรียบร้อยแล้ว หากมีลูกค้าเข้ามาใน URL เดิม ลูกค้าจะไม่พบหน้า 404 Not Found นั่นแปลว่าลูกค้าสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้เหมือนเดิม เห็นสินค้าและข้อมูลต่าง ๆ ตามปกติ แต่ถ้าไม่ทำ 301 Redirect ล่ะก็ ลูกค้าจะเจอกับหน้า 404 Not Found ที่ไม่มีข้อมูลอะไรเลย เกิดเป็นลิงก์เสีย ทำให้ลูกค้าสับสนและรีบกดปิดออกไป ซึ่งจะส่งผลเสียต่อเว็บไซต์และ SEO ได้
ประเภทของ Redirect
การทำ Redirect สามารถแบ่งออกได้หลายแบบ ไม่ได้มีเพียง 301 Redirect เท่านั้น ยังมี 302 Redirect, 303 Redirect และ 308 Redirect อีกด้วย มาดูกันว่าการทำ Redirect Website แต่ละประเภทมีความแตกต่างกันอย่างไร
- 301 Redirect คือ การเปลี่ยน URL แบบถาวร โดยที่ไม่มีการ Indexing URL เดิม อีกต่อไป
- 302 Redirect คือ การเปลี่ยน URL แบบชั่วคราว โดยที่ยังมีการ Indexing URL เดิมอยู่
- 303 Redirect คือ การเปลี่ยน URL ที่มีเนื้อหาข้างในเป็นเนื้อหาเดิม
- 307 Redirect คือ การเปลี่ยน URL แบบชั่วคราวเหมือน 302 แต่ 307 จะเปลี่ยนเฉพาะ http เท่านั้น
- 308 Redirect คือ เหมือน 301 Redirect (ใช้แทนกันได้)
Indexing คืออะไร?
Indexing คือ การจัดทำดัชนีของ Google หรือเมื่อ URL ใด ถูก Indexing แล้ว หมายความว่า Google มีการเก็บข้อมูลของหน้านั้นแล้ว และหน้านั้นจะถูกนำไปประมวลผลเพื่อจัดทำอันดับ (Ranking) ต่อไป หาก URL ใดที่ Google ไม่ Indexing ก็จะไม่มีทางพบหน้านั้นบนหน้าการค้นหานั่นเอง
ประโยชน์ของการทำ 301 Redirect คืออะไร
การทำ 301 Redirect นั้น ไม่ได้เปลี่ยนเส้นทางของ URL เพียงอย่างเดียว ยังย้ายการตั้งค่าจาก URL เดิม มาให้คุณด้วย! (รวมถึงคะแนนจากการทำ Backlink เช่นกัน) ดังนั้น คุณสามารถทำ 301 Redirect ได้อย่างมั่นใจได้เลยว่า Traffic จะไม่หายไปหรือลดลงไปจนน่าตกใจแน่นอน นอกจากนี้ การทำ 301 Redirect ยังช่วยให้คุณภาพของเว็บไซต์และคะแนนของ SEO เยี่ยมยอดขึ้นอีกด้วย!
- ไม่ส่งผลกระทบต่ออันดับของคีย์เวิร์ดและเว็บไซต์บน Google
- ช่วยกำจัดปัญหาลิงก์เสีย หรือ 404 Not Found ออกไปจากเว็บไซต์
- ช่วยลดปัญหาเรื่องคอนเทนต์ซ้ำ (Duplicate Content)
- ไม่ต้องมาเริ่มสร้างความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ใหม่
- ไม่ต้องเหนื่อยตั้งค่าและทำ SEO อีกครั้ง
- คะแนนความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ยังคงอยู่เช่นเดิม
ขั้นตอนการทำ 301 Redirect ด้วยตัวเอง
สำหรับเว็บไซต์ทั่ว ๆ ไป (ไม่ใช่ WordPress) ที่เว็บโฮสติ้งมีการใช้ Direct Admin เป็น Control Panel ให้เข้าไปที่ File Manager > Public_html > มองหาไฟล์ที่ชื่อว่า .htaccess และกด edit (หากไม่มีไฟล์ก็สามารถสร้างใหม่ขึ้นมาได้เลย) จากนั้นให้ใส่คำสั่งลงไปได้เลย
301 Redirect จากโดเมนเดิม > โดเมนใหม่
RewriteEngine On
RewriteCond %{HTTP_HOST} !^www\.abcd\.com$ [NC]
RewriteRule ^(.*)$ http://abcd.com/$1 [L,R=301]
301 Redirect จาก URL เก่า > URL ใหม่ ภายใต้โดเมนเดิม
Redirect 301 /ชื่อURLเก่า http://www.abcd.com/ชื่อURLใหม่
301 Redirect ทุกหน้า จากเว็บไซต์เก่าไปเว็บไซต์ใหม่
Options +FollowSymLinks
RewriteEngine on
RewriteRule (.*) https://abcdnew.com/$1 [R=301,L]
การทำ 301 Redirect สำหรับเว็บไซต์ที่เป็น WordPress
การทำ 301 Redirect ของเว็บไซต์ WordPress สามารถทำได้ทั้งแก้ไขคำสั่งในไฟล์ .htaccess ตามวิธีที่ได้กล่าวไป หรือจะใช้วิธีติดตั้งปลั๊กอิน WordPress ที่ชื่อว่า “301 Redirects” หรือ “Redirection” ก็ได้ ซึ่งการใช้ปลั๊กอินจะไม่ซับซ้อนยุ่งยากเท่าไหร่นัก สามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงกรอก URL เก่าและใหม่ลงไปก็เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
- กรอก URL เก่าในช่อง Redirect From/Source URL
- กรอก URL ใหม่ในช่อง Redirect To/Target URL
สิ่งที่ต้องรู้! ก่อนตัดสินใจทำ 301 Redirect
การทำ 301 Redirect เป็นเรื่องที่ใหญ่อยู่พอตัว ถ้าคุณทำผิดพลาดหรือไม่ได้ทำตามข้อแนะนำเหล่านี้ อาจส่งผลให้การทำ 301 Redirect ไม่เห็นผล หนำซ้ำยังทำให้เว็บของคุณพังไม่เป็นท่าได้อีกด้วย และนี่คือสิ่งที่คุณต้องรู้ไว้ ก่อนที่จะตัดสินใจทำ 301 Redirect !
1. ใช้โครงสร้างและรูปแบบเหมือนเว็บไซต์เดิม
ทั้งเว็บไซต์เก่าและใหม่ควรมี UX/UI รูปร่างหน้าตา และโครงสร้างเว็บไซต์เหมือนกัน โดยเฉพาะในช่วงแรกที่คุณเพิ่งทำ 301 Redirect ไป เพราะไม่เช่นนั้น ลูกค้าของคุณอาจจะสับสนและเกิดคำถามว่า “นี่คือแบรนด์เดียวกันหรือเปล่า?” ดังนั้น การใช้โครงสร้างเว็บไซต์ และวางองค์ประกอบเว็บไซต์ในรูปแบบเดิม จึงเป็นผลดีต่อผู้ใช้งานอย่างมาก และเมื่อผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่ดี แน่นอนว่าประโยชน์ก็จะตกมาอยู่ที่เว็บไซต์ของคุณด้วย
2. อย่าเปลี่ยนเนื้อหาบนเว็บไซต์
เนื้อหาบนเว็บไซต์ใหม่หรือ URL ใหม่จะต้องคล้ายคลึงกับ URL เดิม เพื่อเพิ่มพลังให้ Google ทราบว่าทั้งสอง URL นั้นเป็นเว็บไซต์เดียวกัน หากคุณเปลี่ยนเนื้อหาบนเว็บไซต์เป็นเรื่องอื่น ๆ ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์เดิม จะส่งผลให้การทำ 301 Redirect นั้นไร้ประโยชน์ เพราะ Google จะมองว่าทั้งสองเว็บไซต์นั้น ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกัน และคะแนนความน่าเชื่อถือ อันดับเว็บไซต์ต่าง ๆ ก็จะไม่ได้ถูกดึงมาด้วย เรียกได้ว่าไม่ต่างอะไรกับการสร้างเว็บไซต์ใหม่เลยก็เป็นได้
3. โปรโมทเว็บไซต์ต่อไปเช่นเดิม
ถ้าคุณมีการโปรโมทเว็บไซต์เก่าอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นวิธีใดก็ตาม อาจจะเป็นการทำโฆษณา Google Ads หรือการแชร์เว็บไซต์ลงไปบนแพลตฟอร์มอื่น ๆ ก็ควรทำต่อไปเช่นเดิม นอกจากนี้ คุณควรแจ้งให้ผู้ติดตามและเหล่าลูกค้าของคุณทราบด้วย ว่าคุณได้เปลี่ยนแปลงชื่อเว็บไซต์เป็นที่เรียบร้อยแล้วฃ
สรุป การทำ 301 Redirect คืออะไร? ควรทำไหม?
สรุปว่าการทำ 301 Redirect คือการทำให้คนที่เข้าเว็บไซต์ด้วย URL เดิม เจอหน้าเว็บไซต์บน URL ใหม่แบบอัตโนมัติ ซึ่งเป็นการย้าย URL อย่างถาวร หากถามว่าคุณควรทำ 301 Redirect ไหม? ขอบอกว่า “ควร” สำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนชื่อเว็บไซต์ หรือเปลี่ยน URL Slug โดยที่ต้องการคงสภาพเนื้อหา การตั้งค่า และ Traffic ของ URL เดิมไว้อยู่ การทำ 301 Redirect คือสิ่งที่ดี และเราหวังว่าคุณจะสามารถนำข้อมูลต่าง ๆ ในบทความนี้ ไปดำเนินงานด้าน SEO เชิงเทคนิคได้อย่างราบรื่น