Search Engine คืออะไร มีอะไรบ้าง และแบ่งออกเป็นกี่ประเภท?
หลาย ๆ คนคงจะเคยเห็นคำว่า “Search Engine (เสิร์ชเอนจิน)” ผ่านตามาบ้างแล้ว จากการอ่านบทความหรือฟังพอดแคสต์ที่พูดถึงการทำ SEO (Search Engine Optimization) ซึ่งเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่มุ่งเน้นการเพิ่ม Organic Traffic ให้แก่เว็บไซต์ แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ทราบว่า Search Engine คือเครื่องมือการค้นหา แล้วคุณทราบหรือไม่ว่า Search Engine มีอะไรบ้าง นอกจาก Google ?
บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกเรื่อง Search Engine แบบจัดเต็ม พร้อมคลายข้อสงสัยกับทุกประเด็นที่คุณอยากรู้ อาทิ Search Engine คืออะไร พร้อมยกตัวอย่าง 5 ตัวอย่าง, Search Engine มีอะไรบ้าง, Search Engine ทำงานอย่างไร, Search Engine มีประโยชน์อย่างไร ฯลฯ หากพร้อมแล้วเราไปลุยกันได้เลย
Search Engine คืออะไร และมีหลักการทำงานอย่างไร
Search Engine คือโปรแกรมการค้นหาที่ถูกออกแบบมาเพื่อสืบค้นข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต และนำเสนอข้อมูลนั้นแก่ผู้ค้นหา ผ่านการที่ผู้ค้นหาพิมพ์สิ่งที่ต้องการลงไปในรูปแบบของประโยค วลี หรือคำ จากนั้นอัลกอริทึมของ Search Engine ก็จะวิเคราะห์และแสดงผลออกมาเป็นลำดับ ซึ่งสามารถเป็นได้ทั้งเว็บไซต์ รูปภาพ และวิดีโอ ขึ้นอยู่กับ Search Intent หรือสิ่งที่ผู้ค้นหาต้องการ
ลำดับการแสดงผลมีความสำคัญมาก ผู้ที่ทำการตลาดผ่าน Search Engine ต้องการให้ข้อมูลของตัวเองอยู่ในอันดับแรก หรือไม่เกินอันดับที่ 10 (หน้าแรก) เพราะเว็บไซต์หรือข้อมูลที่อยู่ในลำดับต้น ๆ จะมีคนมองเห็นมากที่สุด มีโอกาสที่ผู้ค้นหาจะคลิกเข้าไปสูงที่สุด และนำไปสู่ Traffic, Conversion Rate หรือการเติบโตของธุรกิจ
หลักการทำงานของ Search Engine จะมีอยู่ 3 ขั้นตอน คือ Crawling (การรวบรวมข้อมูล), Indexing (การจัดเก็บข้อมูล) และ Ranking (การจัดอันดับ) ซึ่งแต่ละขั้นตอนมีรายละเอียด ดังนี้
- Crawling (การรวบรวมข้อมูล) : ตัวโปรแกรมจะเข้าไปสืบค้นข้อมูลที่อยู่ในเว็บไซต์ต่าง ๆ ซึ่งจะเริ่มสืบค้นจากเว็บไซต์ที่เคยมีข้อมูลในฐานระบบก่อน เมื่อเข้าไปในเว็บไซต์แล้วก็จะไต่ไปตามหน้าเว็บไซต์ที่มีโครงสร้างเชื่อมต่อกัน คล้าย ๆ กับแมงมุมที่ไต่ไปตามใยเรื่อย ๆ โดยจะเก็บทั้งข้อมูลที่เป็นข้อความ โค้ด รูปภาพ วิดีโอ และอื่น ๆ ด้วย
- Indexing (การจัดเก็บข้อมูล) : เมื่อรวบรวมข้อมูลได้แล้ว ระบบก็ทำการเก็บข้อมูลไว้ในดัชนี ซึ่งเป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่เก็บข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับเว็บไซต์เอาไว้ ถ้าข้อมูลของคุณถูกจัดทำดัชนีแล้ว ก็มีโอกาสที่จะถูกดึงไปจัดอันดับหรือ Ranking สูง
- Ranking (การจัดอันดับ) : การจัดอันดับข้อมูลจะปรากฏขึ้นบนหน้าแสดงผลการค้นหา (SERP : Search Engine Results Page) ก็ต่อเมื่อผู้ค้นหาทำการสืบค้นข้อมูลด้วยข้อความ หรือที่เราเรียกว่าคีย์เวิร์ด (Keyword) นั่นเอง จากนั้นอัลกอริทึมก็จะดึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคียเวิร์ดออกมาจัดลำดับ โดยการพิจารณาจากหลาย ๆ ปัจจัยประกอบกัน อาทิ ความเกี่ยวข้อง, คุณภาพของเนื้อหา หรือความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ เป็นต้น
ประเภทของ Search Engine มีอะไรบ้าง
Search Engine สามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภทมาก ๆ แต่ประเภทของ Search Engine ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุด จะมีอยู่ 3 ประเภท ดังนี้
- General Search Engines : Search Engine ที่ครอบคลุมเนื้อหาหลาย ๆ ประเภท เช่น เว็บไซต์ รูปภาพ วิดีโอ สินค้า ฯลฯ อย่าง Google, Yahoo!, Baidu และ Bing
- Multimedia Search Engines : Search Engine ที่ค้นหาข้อมูลที่อยู่ในรูปแบบของไฟล์มัลติมีเดีย อย่างรูปภาพ วิดีโอ และเสียง เช่น YouTube, SoundClond หรือ Google Images
- Social Search Engines : Search Engine ที่เน้นการหาข้อมูลบนแพลตฟอร์ม Social Media เช่น Facebook, Twitter, Instagram ฯลฯ
Search Engine มีอะไรบ้าง?
ทุกคนย่อมรู้จักและเคยใช้งาน Search Engine มาอยู่แล้ว โดยเฉพาะกับ Google ที่เรียกได้ว่าเป็น Search Engine ที่มีคนใช้งานมากที่สุดในโลก แต่รู้ไหมว่าในปัจจุบันยังมี Search Engine อีกหลายตัวที่ได้รับความนิยมไม่น้อยเช่นกัน บางโปรแกรมอาจจะนิยมใช้งานในหลาย ๆ ประเทศ แต่บางโปรแกรมก็ถูกจำกัดให้ใช้งานภายใต้ประเทศใดประเทศหนึ่ง เรามาอัปเดตข้อมูลกันดีกว่า ว่ามีโปรแกรมอะไรจากสัญชาติไหนบ้าง
Google เป็น Search Engine ที่ครองพื้นที่ผู้ใช้งานไปได้กว่า 98% นับว่าเป็นอันดับ 1 ของโลกเลยก็ว่าได้ รวมทั้งประเทศไทยด้วยเช่นกัน ซึ่ง Google ถูกพัฒนาโดยบริษัท Google LLC มีประสิทธิภาพที่สูงที่สุด แม่นยำที่สุด แสดงผลเร็วที่สุด มีฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่สุด และมีการอัปเดตอัลกอริทึมที่เป็นประผลดีต่อผู้ใช้งานอยู่เสมอ แถมยังรองรับการค้นหาข้อมูลทุกประเภทอีกด้วย ดังนั้น ถ้าคุณอยากให้ธุรกิจของคุณเป็นที่รู้จักและได้รับผลตอบแทนเร็ว ๆ การทำการตลาดผ่าน Google เป็นสิ่งที่เราแนะนำอย่างมาก โดยเฉพาะกับการทำ SEO และการยิงโฆษณา Google Ads
Yahoo!
Yahoo! เป็น Search Engine สัญชาติอเมริกัน ก่อตั้งโดย โดย Jerry Yang และ David Filo แต่ในภายหลังก็ถูก Verizon ซื้อกิจการไป และส่งต่อให้กับ Apollo Global Management จนถึงปัจจุบันนี้ หากคุณเป็นคนที่มีอายุสักนิดนึง คุณคงจะมีประสบการณ์ในการใช้งาน Yahoo! มาแล้วไม่มากก็น้อย เพราะในช่วงปี 2000 Yahoo! ได้รับความนิยมสูงเป็นอันดับหนึ่งเลยทีเดียว
ณ ตอนนี้ Yahoo! ยังคงเป็น Search Engine ที่มีผู้ใช้งานอยู่ แต่ผู้ใช้งานส่วนใหญ่อยู่ในประเทศญี่ปุ่น เพราะบริการและฟีเจอร์การใช้งานต่าง ๆ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นบริการ Yahoo! Mail, Yahoo! News หรือ Yahoo! Finance ก็ตาม
Bing
Bing คือ Search Engine ที่พัฒนาโดย Microsoft จากสหรัฐอเมริกา โดยมีจุดเด่นคือความสามารถในการแสดงผลข้อมูลหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ วิดีโอ ข่าว สินค้า สถานที่ เที่ยวบิน โรงแรม ฯลฯ ซึ่งตอบโจทย์สำหรับการค้นหาข้อมูลท้องถิ่นอย่างมาก นอกจากนี้ยังสามารถค้นหาข้อมูลด้วยเสียงภาษาไทยได้อีกด้วย โดยในปัจจุบันนี้ Bing ยังคงได้รับความนิยมในหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา นับว่าเป็น Search Engine ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจาก Google
Baidu
Baidu คือ Search Engine สัญชาติจีน ที่มีการออกแบบภาพลักษณ์ ฟีเจอร์การใช้งาน และอัลกอริทึมที่ตอบโจทย์กับการใช้งานของคนจีนโดยเฉพาะ เช่น การแสดงเว็บไซต์ภาษาจีนเป็นหลัก, การค้นหาด้วยภาษาจีน, การค้นหาภาพที่มีองค์ประกอบเป็นภาษาจีน, การค้นหาสถานที่, แปลภาษา, ดนตรี ฯลฯ นอกจากนี้ Baidu ยังได้รับการสนับสนุนจากทางรัฐบาลจีนด้วย ทำให้ผลลัพธ์ที่แสดงขึ้นมายังคงเป็นชุดข้อมูลที่ถูกรัฐบาลจับตามองและควบคุมอยู่นั่นเอง
DuckDuckGo
DuckDuckGo เป็น Search Engine สัญชาติอเมริกันที่ถูกพัฒนาโดย Weinberg จุดเด่นของ DuckDuckGo ที่ครองใจผู้ใช้งานคือการให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน ซึ่ง DuckDuckGo จะไม่มีการติดตามข้อมูลส่วนตัว ประวัติการท่องเว็บ หรือประวัติการค้นหา และยังมีฟีเจอร์ที่ช่วยป้องกันการติดตามจากเว็บไซต์ที่เข้าไปใช้งานด้วย ดังนั้น ผู้ใช้งานจะไม่พบโฆษณาที่เกี่ยวเนื่องกับข้อมูลส่วนตัวของตัวเองเลย
ถ้าถามว่า DuckDuckGo ได้รับความนิยมไหม? คำตอบคือได้รับความนิยมเช่นกัน แต่ไม่สู้ Google และ Bing เนื่องจากยังไม่มีคนรู้จักเท่าไหร่นัก และฟีเจอร์การใช้งานก็ไม่ได้ครอบคลุมด้วย สำหรับฟีเจอร์เด่น ๆ ของ DuckDuckGo คือ DuckDuckGo Bangs (คำสั่งเรียกแสดงหน้าเว็บไซต์ที่ใช้งานบ่อย), DuckDuckGo Privacy Essentials (ส่วนขยายที่ช่วยป้องกันความเป็นส่วนตัว) และ DuckDuckGo DuckNow (หน้าเริ่มต้นเว็บเบราว์เซอร์)
การนำ Search Engine มาช่วยทำการตลาด
การทำการตลาดผ่านเครื่องมือการค้นหา หรือ Search Engine Marketing (SEM) คือกลยุทธ์การตลาดที่ได้รับความนิยมอย่างมาก! ถ้าคุณมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองแล้ว ยิ่งต้องทำ SEM เลย เพราะไม่เช่นนั้นกลุ่มเป้าหมายก็จะไม่เจอกับเว็บไซต์ของคุณ ยอดขายก็จะไม่สูงขึ้น และเหมือนเปิดเว็บไซต์ทิ้งไว้ให้เสียค่าโดเมน โฮสติ้ง หรือค่าบริการอื่น ๆ ไปเปล่า ๆ โดย Search Engine Marketing สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 รูปแบบ ดังนี้
1. Search Engine Optimization (SEO)
Search Engine Optimization หรือ SEO คือ การปรับแต่งเว็บไซต์ให้เอื้ออำนวยต่อการใช้งานของผู้ใช้มากที่สุด เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่พวกเขา และทำให้เว็บไซต์มีคุณภาพตรงตามเกณฑ์ที่ Search Engine อย่าง Google ต้องการ โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับการค้นหาในคีย์เวิร์ดที่ต้องการ และช่วยเพิ่ม Organic Traffic ให้สูงขึ้น (เว็บไซต์จะติดอันดับได้ ต้องอาศัยความพยายาม ความอดทน และกลยุทธ์การปรับปรุงเว็บไซต์ ไม่สามารถจ่ายเงินซื้ออันดับได้)
2. Pay-Per-Click (PPC)
Pay-Per-Click หรือ PPC คือการจ่ายเงินซื้อโฆษณากับ Search Engine เพื่อให้ Search Engine นำเว็บไซต์ของเราไปแสดงผลในอันดับแรก ๆ บนหน้าแสดงผลการค้นหา (จ่ายเงินซื้ออันดับ) ถ้ามีคนคลิกเข้าเว็บไซต์จากโฆษณา ผู้ซื้อโฆษณาจึงจะเสียเงินตามจำนวนคลิกที่ได้ ถึงแม้ว่า PPC จะดูเหมือนง่าย เพราะเป็นการทุ่มเงินลงไป แต่อย่างไรก็ตามคุณก็ต้องประมูลคีย์เวิร์ดแข่งกับเว็บไซต์อื่น ๆ เพื่อให้คุณอยู่ในอันดับที่ดีที่สุดด้วย
บทสรุป
Search Engine คือเครื่องมือที่มีคนใช้งานมากกว่า 13 ล้านคนต่อวัน เพราะ Search Engine สามารถค้นหาข้อมูลจากทั่วทุกมุมโลกที่มีอยู่บนอินเทอร์เน็ตมาเสิร์ฟให้ผู้ใช้งานได้ภายในระยะเวลาไม่กี่วินาที ด้วยเหตุนี้ จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมใคร ๆ ก็หันมาทำการตลาดผ่าน Search Engine กันอย่างล้นหลาม และในบทความนี้ก็ได้แนะนำให้คุณรู้เป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า Search Engine มีอะไรบ้าง แองก้าหวังว่าข้อมูลที่คุณได้อ่านมาจนถึงตอนนี้จะเป็นประโยชน์และช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้ไม่มากก็น้อยก่อนจะจากกันไปเราขอเอาความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO มาฝากกันอีกสักนิด “อย่างที่เราเห็นนะครับว่า Google เป็น Search Engine ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ถ้าถามว่าทำไม? ก็เพราะว่า Google มีฐานข้อมูลใหญ่ที่สุด จึงเก็บข้อมูลได้ครบถ้วนและละเอียดมาก ทำให้ข้อมูลที่ส่งไปหาผู้ค้นหาค่อนข้างตรงกับสิ่งที่ผู้ค้นหาต้องการ มีข้อมูลให้อ่านเยอะ และ Google ยังหมั่นอัปเดตอัลกอริทึมตลอด เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดกลับไปนั่นเองครับ” – Piyawat Supsindumrong | Senior SEO Specialist at ANGA Bangkok