E-E-A-T คืออะไร? เพิ่มอะไรในการอัปเดตใหม่ล่าสุด
การสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพด้วยหลักเกณฑ์ E-A-T จาก Google คือหนึ่งในเคล็ด (ไม่) ลับที่ทาง ANGA อยากบอกต่อคนที่กำลังเริ่มต้นเดินทางสาย SEO หรืออยากทำบทความ SEO ให้ติดอันดับเร็ว ๆ เพราะสิ่งนี้เป็นหนึ่งในอัลกอริทึมสำคัญที่ทาง Google นำมาใช้ตรวจสอบเนื้อหาและนำไปจัดอันดับจริง และในปัจจุบันนี้ Google ก็ได้เปลี่ยนจาก E-A-T มาเป็น E-E-A-T เรียบร้อยแล้ว ถ้าคุณอยากรู้ว่า E-E-A-T คืออะไร? แตกต่างจาก E-A-T Factor แบบเดิมอย่างไร? ติดตามได้ในบทความนี้เลย
ทำความรู้จัก E-A-T คืออะไร?
ก่อนอื่นเราทำมาทำความรู้จักกับ E-A-T Factor แบบเดิมกันก่อนเลยว่ามันมีที่มาที่ไปอย่างไร และประกอบไปด้วยอะไรบ้าง? E-A-T คือ อัลกอริทึมที่ทาง Google นำมาใช้ในการตรวจสอบความน่าเชื่อถือของข้อมูลบนเว็บไซต์ต่าง ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เนื้อหาที่ไร้คุณภาพ หรือข้อมูลผิด ๆ ถูกส่งต่อไปยังผู้อ่านในวงกว้าง หากเนื้อหาใดมีความน่าเชื่อถือจะถูกนำไปจัดอันดับในตำแหน่งดี ๆ ส่วนเนื้อหาใดที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ ก็จะไม่ถูกปิดกั้นไม่ให้ติดอันดับบนหน้าแรก ๆ
เหตุผลที่ Google ปล่อย E-A-T Factor ออกมาใช้งานนั้น ต้องย้อนกลับไปในสมัยก่อน ตอนที่ Google ยังไม่ได้มีการตรวจสอบคุณภาพของเนื้อหาใด ๆ เลย เรียกได้ว่าใครอยากเขียนอะไร ก็สามารถเขียนได้ตามใจ ทำให้มีเว็บไซต์ปล่อยข้อมูลผิด ๆ ออกมามากมาย โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ เช่น ยารักษาโรคมะเร็ง, ยาลดไขมัน, ยาเร่งผิวขาว ฯลฯ ทำให้หลายคนหลงเชื่อและทำตาม จนส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายของคนจำนวนมาก และบางรายถึงขั้นเสียชีวิตเลยก็มี
เพื่อไม่ให้ “ผู้รับสาร” ได้รับข้อมูลผิด ๆ ไปมากกว่านี้ Google จึงสร้างอัลกอริทึมที่สามารถตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลได้ว่า ข้อมูลไหนน่าเชื่อถือ ข้อมูลไหนคือข้อมูลจริง และข้อมูลไหนไม่เป็นความจริงขึ้น จนออกมาเป็น E-A-T Factor จากนั้นก็ได้อัปเดตเพิ่มเป็น E-E-A-T Factor ให้เราใช้กันในปัจจุบันนี้
E-A-T Factor ประกอบไปด้วย อะไรบ้าง?
- Expertise : ความเชี่ยวชาญ
- Authoritativeness : ความมีอิทธิพล
- Trustworthiness : ความน่าเชื่อถือ
รู้หรือไม่? E-A-T อัปเดตใหม่ล่าสุดเป็น E-E-A-T แล้ว!
หลังจากที่รู้จักว่า E-A-T มีที่มาที่ไปอย่างไรกันแล้ว บางคนคงจะสงสัยว่า E-E-A-T คืออะไร? เหมือนกันกับ E-A-T Factor ตัวเดิมไหม? คำตอบคือเหมือนกันกับตัวเดิม แต่มี Experience (ประสบการณ์) เพิ่มเข้ามาใหม่นั่นเอง
E-E-A-T คืออะไร? มาไขข้อสงสัยกัน
E-E-A-T คือ อัลกอริทึมที่ใช้ในการตรวจสอบคุณภาพความน่าเชื่อถือของเนื้อหาและเว็บไซต์ ฉบับอัปเดตใหม่ล่าสุด เพื่อเป็นตัวกำหนดทิศทางหรือชี้นำผู้ผลิตเนื้อหาทุกเว็บไซต์ว่า “ถ้าอยากให้เว็บไซต์ติดอันดับในหน้าแรก ต้องผลิตเนื้อหาที่มีประโยชน์ต่อผู้อ่านอย่างแท้จริงตามเกณฑ์เหล่านี้”
ซึ่ง E-E-A-T Factor จะประกอบไปด้วย E-Experience ที่เพิ่มเข้ามาล่าสุด และองค์ประกอบเดิมอีก 3 อย่างคือ E-Expertise, A-Authoritativeness และ T-Trustworthiness
Experience (E)
การนำประสบการณ์ที่เคยพบเจอหรือสัมผัส มาเขียนบอกเล่าลงไปในบทความ โดยอาจจะมีการสอดแทรกความคิดเห็นลงไปด้วยหรือไม่ก็ได้ ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยให้เนื้อหาของคุณมีความแปลกใหม่ ไม่ซ้ำกับเว็บไซต์อื่น ๆ
Expertise (E)
การเขียนเนื้อหาด้วยความเชี่ยวชาญ เขียนลงลึกถึงรายละเอียดได้จริง เขียนเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นได้อย่างครบถ้วน เขียนออกมาให้ผู้อ่านเข้าใจได้ง่าย ๆ และรวมไปถึงการเขียนบทความยาว ๆ ด้วย
Authoritativeness (A)
เขียนให้ทุกคนรู้ว่าเราคือตัวจริงในด้านนี้ จนใคร ๆ ก็อยากนำเราไปเป็น Refference และอ้างอิงกลับมา (Backlink) นอกจากนี้เนื้อหาบนเว็บไซต์ต้องเป็นเรื่องเดียวกัน มีการเชื่อมโยงลิงก์ต่าง ๆ ไปมาหากัน เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและเสริมสร้างอิทธิพลให้แข็งแกร่งขึ้นด้วย
Trustworthiness (T)
สร้างความน่าเชื่อถือด้วยความโปร่งใสของข้อมูลและเว็บไซต์ของคุณ อาจจะเริ่มจากการระบุที่อยู่บริษัท ช่องทางการติดต่อ ลงบทความด้วยความสม่ำเสมอ และที่สำคัญเลยคือการทำ SEO ตามหลักที่ถูกต้องที่ Google ได้แนะนำ (SEO สายขาว) ห้ามทำ SEO สายดำ โดยเด็ดขาด!
บทสรุปเรื่อง E-E-A-T คืออะไร? สำคัญไหม?
E-E-A-T คือ สิ่งสำคัญของการทำ SEO ในยุคนี้เลยก็ว่าได้ คุณจะต้องสร้างสรรค์เนื้อหาโดยคำนึงถึงผู้อ่านเป็นหลัก เช่น เขียนข้อมูลที่เป็นความจริง เขียนเนื้อหาที่กระชับ เขียนเนื้อหาที่เข้าใจง่าย เขียนข้อมูลที่คนนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้ และรวมไปถึงการปรับปรุงเว็บไซต์ให้ดี เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดกลับไปด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ การทำ SEO ไม่ได้มีเพียงการปรับปรุงเนื้อหาให้ตรงตามหลัก E-E-A-T เท่านั้น คุณควรปรับปรุงในส่วนของ On-Page SEO (ปรับปรุงส่วนต่าง ๆ บนหน้าเว็บไซต์ของเรา), Off-Page SEO (เพิ่มประสิทธิภาพของเว็บไซต์ด้วยปัจจัยภายนอก) และในส่วนของเว็บไซต์ให้ถูกต้องและตรงตามมาตรฐานด้วย เพราะทุกอย่างล้วนมีความเกี่ยวข้องกันทั้งสิ้น หากทุกอย่างดี รับรองเลยว่าผลลัพธ์ของการทำ SEO จะต้องออกมาดีอย่างแน่นอน!