1. หน้าหลัก
  2. อัปเดตการตลาด
  3. Entity SEO คืออะไร กลยุทธ์การสร้างเนื้อหาให้ตอบโจทย์ Intent
Entity SEO
เผยแพร่เมื่อ: พฤษภาคม 8, 2025

Entity SEO คืออะไร กลยุทธ์การสร้างเนื้อหาให้ตอบโจทย์ Intent

Table Of Contents

Entity SEO คือสิ่งที่เจ้าของธุรกิจและนักการตลาดต้องเข้าใจ โดยเฉพาะผู้ที่รับผิดชอบงานด้านการทำ SEO (Search Engine Optimization) เป็นหลัก ซึ่งเราต่างรู้ว่าการทำ SEO ในยุคนี้ ต้องใส่ใจในเรื่องของความต้องการของผู้ใช้ (User) เป็นหลัก ก่อนทำ SEO ในคีย์เวิร์ดหรือคำค้นหา (Keyword) ใด คุณต้องเข้าใจก่อนว่าคนที่ค้นหาคีย์เวิร์ดดังกล่าวมีเจตนาในการค้นหา (Search Intent) อย่างไร และคีย์เวิร์ดนั้นมีความหมายมากกว่า 1 ความหมายหรือไม่ เพราะถ้าคีย์เวิร์ดที่คุณนำมาทำ SEO มีมากกว่า 1 ความหมายล่ะก็ คุณต้องทำให้ Google เข้าใจว่าคุณกำลังพูดถึงสิ่งที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณจริง ๆ เมื่อนั้น Google ก็จะมองว่าคุณเชี่ยวชาญและนำพาเว็บไซต์ของคุณติดอันดับสูงบน Google Search

สิ่งที่จะทำให้ Google เข้าใจและนำเว็บไซต์ของคุณไปปรากฏบนผู้ค้นหาที่มีเจตนาตรงกับธุรกิจของคุณก็คือ “Entity SEO” นั่นเอง ANGA จะมาอธิบายให้คุณเข้าใจว่า Entity SEO คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร พร้อมแนะนำแนวทางการทำ Entity SEO ให้คุณทราบผ่านบทความนี้

Entity SEO คืออะไร

Entity SEO คือกลยุทธ์การทำ SEO ที่มุ่งเน้นการปรับแต่งเนื้อหาเพื่อให้เครื่องมือค้นหา (Search Engine) เข้าใจความสัมพันธ์ของข้อมูลที่เป็นหน่วยเฉพาะ (Entity) แทนที่จะเน้นเพียงคีย์เวิร์ดเท่านั้น โดย Entity อาจเป็นคน สถานที่ แบรนด์ หรือแนวคิดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวก็ได้ ซึ่ง Google จะพยายามเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่าง Entity ต่าง ๆ เข้าด้วยกัน เพื่อให้เข้าใจบริบทและความตั้งใจในการค้นหาของผู้ใช้ได้ดียิ่งขึ้น แทนที่จะค้นหาเพียงหน้าเว็บที่มีคีย์เวิร์ดปรากฏอยู่เท่านั้น

โดย Entity-based SEO เป็นกลยุทธ์ที่พัฒนาต่อยอดจากแนวคิดเรื่อง Semantic Search ซึ่งเป็นวิธีการค้นหาที่เครื่องมือค้นหาพยายามเข้าใจความหมายและบริบทของคำค้นหา ในขณะที่ Semantic SEO เป็นกลยุทธ์การปรับแต่งเนื้อหาให้สอดคล้องกับวิธีการค้นหาแบบ Semantic Search

ตัวอย่างเช่นคำว่า “แอปเปิล” ซึ่งเป็น Entity ที่มีความหมายได้หลายอย่าง เมื่อผู้ใช้ค้นหาคำนี้ Google ต้องเข้าใจว่าผู้ใช้กำลังหมายถึงแอปเปิลที่เป็นผลไม้ หรือแอปเปลที่เป็นบริษัทเทคโนโลยีชื่อดัง โดยระบบจะวิเคราะห์จากคำค้นหาก่อนหน้านี้ ประวัติการค้นหา หรือคำอื่น ๆ ที่ปรากฏอยู่ในประโยคค้นหา เช่น “แอปเปิลมีวิตามินซีเท่าไร” กับ “แอปเปิลเปิดตัว iPhone ใหม่” เพื่อแสดงผลที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้มากที่สุด

Entity SEO

ความสำคัญของ Entity SEO

Entity SEO มีความสำคัญเพิ่มมากขึ้นตามการพัฒนาของเทคโนโลยีการค้นหา โดยเฉพาะในยุคที่การค้นหาด้วยเสียง (Voice Search) และการค้นหาบนมือถือเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เครื่องมือค้นหาอย่าง Google ต้องปรับเปลี่ยนอัลกอริทึมให้เข้าใจความต้องการของผู้ใช้ให้ลึกซึ้งมากขึ้น นักทำ SEO จำนวนมากจึงเปลี่ยนจากการทำ SEO แบบเน้นคำค้นหา (Keyword-based) มาเป็นการทำ SEO แบบเน้น Entity (Entity-based) เพราะให้ผลลัพธ์ที่ตรงความต้องการผู้ใช้มากกว่า

การทำ Entity-based SEO ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเว็บไซต์ในหลากหลายด้าน เช่น ช่วยให้ผลการค้นหามีความแม่นยำมากขึ้น เพราะเครื่องมือค้นหาเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลต่าง ๆ ได้ดีขึ้น หรือ ช่วยปรับปรุงการแสดงผลในรูปแบบพิเศษ เช่น Knowledge Panel หรือ Rich Snippet ซึ่งช่วยดึงดูดความสนใจของผู้ใช้ได้มากกว่าผลการค้นหาแบบทั่วไป นอกจากนี้ ยังช่วยให้เว็บไซต์มีโอกาสติดอันดับที่ดีในหัวข้อที่มีการแข่งขันสูง ๆ ด้วย เพราะเน้นความเกี่ยวข้องและความลึกของเนื้อหา มากกว่าปริมาณของคีย์เวิร์ดที่อยู่ในเนื้อหานั้น ๆ 

แนวทางการทำ Entity SEO

การทำ Entity SEO ต้องอาศัยความเข้าใจในความสัมพันธ์ของข้อมูลและการเชื่อมโยงระหว่างหน่วยข้อมูลต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ นักทำ SEO หรือ SEO Specialist จำเป็นต้องวางแผนและสร้างเนื้อหาที่ไม่เพียงมุ่งเน้นคำค้นหา แต่ต้องสร้างบริบทและความสัมพันธ์รอบ ๆ Entity หลักให้ครบถ้วนด้วย เพื่อให้เครื่องมือค้นหาเข้าใจและประมวลผลข้อมูลได้อย่างถูกต้องตามบริบท

1. การวิเคราะห์และระบุ Entity ที่เกี่ยวข้อง

  • ระบุ Entity หลักและ Entity รองที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหรือเนื้อหาของคุณ
  • วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่าง Entity ต่าง ๆ เพื่อสร้างความเชื่อมโยง
  • ใช้เครื่องมือ AI อย่าง ChatGPT หรือ Gemini ช่วยระดมความคิดเกี่ยวกับ Entity ที่เกี่ยวข้องด้วย prompt เช่น “ช่วยคิด Topic ที่เป็น Entity ของ [คีย์เวิร์ดหลัก] ให้หน่อย”
  • ตรวจสอบ Knowledge Panel ของ Google เพื่อดูว่ามีข้อมูล Entity ในหัวข้อของคุณอยู่แล้วหรือไม่

2. การสร้างเนื้อหาที่เน้น Entity

  • สร้างหน้าสำหรับ Entity หลักที่ต้องการให้ติดอันดับ
  • เพิ่มบทความ SEO ที่ครอบคลุม Entity ย่อยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง (ประมาณ 15-20 บทความ)
  • เขียนเนื้อหาที่ให้ความรู้เชิงลึกและมีคุณค่า ตาม E-E-A-T แทนที่จะยัดเยียดคีย์เวิร์ดลงไปเยอะ ๆ 
  • เขียนเนื้อหาตามธรรมชาติโดยคำนึงถึงประโยชน์ของผู้อ่านเป็นหลัก
  • ไม่จำเป็นต้องกำหนดความยาวของเนื้อหา ให้เขียนจนกว่าจะครอบคลุมหัวข้อนั้น ๆ อย่างครบถ้วน

การเชื่อมโยงและจัดโครงสร้าง Entity

  • สร้าง Internal Link เชื่อมโยงระหว่างหน้าต่าง ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกัน
  • เลือกบทความประมาณ 8-10 หน้าที่จะมี Internal Link ไปยังหน้าหลักของ Entity
  • ไม่จำเป็นต้องมี Internal Link ไปยังหน้า  Entity หลักทุกหน้า ให้มีการเชื่อมโยงระหว่างบทความด้วยกันเองด้วย
  • จัดโครงสร้างเว็บไซต์ให้เป็นหมวดหมู่ที่ชัดเจนตาม Entity ที่เกี่ยวข้อง
  • ใช้ Breadcrumb และ URL ที่สะท้อนความสัมพันธ์ของ Entity

3. การใช้ Structured Data

  • เพิ่ม Schema Markup เพื่อบอก Google เนื้อหาของคุณเกี่ยวข้องกับ Entity ใดบ้าง
  • ใช้ Schema.org ที่เหมาะสมกับประเภทของเนื้อหา เช่น Article, Product, Service, Organization
  • เชื่อมโยง Entity ของคุณกับ Entity ที่มีอยู่แล้วใน Knowledge Graph ของ Google
  • พิจารณาการใช้ JSON-LD เพื่อเพิ่ม Structured Data ที่ซับซ้อนและมีรายละเอียดมากขึ้น

4. การแบ่งแยกและจัดการ Entity ที่ชัดเจน

  • หากธุรกิจมีหลายบริการที่มีความแตกต่างกันมาก ควรพิจารณาแยกเว็บไซต์ตาม Entity หลัก เช่น รับทำ SEO 1 เว็บ, รับทำ Influencer Marketing 1 เว็บ หรือรับทำ Production 1 เว็บ เป็นต้น
  • การแยกเว็บไซต์ช่วยให้ Google เข้าใจ Entity ภาพรวมของธุรกิจได้ชัดเจนและรวดเร็วขึ้น
  • หากรวมไว้ในเว็บไซต์เดียว ให้แบ่งหมวดหมู่ที่ชัดเจนและมีหน้า Landing Page แยกสำหรับแต่ละ Entity หลัก

5. การติดตามและวัดผล

  • ติดตามการปรากฏตัวของเว็บไซต์ใน Knowledge Panel ที่เกี่ยวข้องกับ Entity ของคุณ
  • เช็กอันดับคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับ Entity หลักว่าดีขึ้นหรือไม่ ด้วย Google Search Console
  • วิเคราะห์การแสดงผลพิเศษ เช่น Rich Snippets หรือ Featured Snippets
  • ปรับปรุงกลยุทธ์ SEO อย่างต่อเนื่องตามผลการวิเคราะห์ข้อมูล

บทสรุป

การทำ Entity SEO จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณดูน่าเชื่อถือและมีความเชี่ยวชาญในสายตาของ Google มากยิ่งขึ้น หยุดทำเนื้อหาที่อัดแน่นไปด้วยการสแปมคีย์เวิร์ดจำนวนมาก แล้วหันมาสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ พร้อมกับมีบริบทและความเชื่อมโยงของข้อมูลที่เกี่ยวข้องกันอย่างเหมาะสมแทน แล้วเว็บไซต์ของคุณก็จะติดอันดับบน Google SERPs ในตำแหน่งสูงได้ดียิ่งขึ้น เนื่องจาก Google ชื่นชอบเว็บไซต์ที่ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ผู้ใช้งาน (User Experience) และประโยชน์ที่ผู้ใช้งานจะได้รับเป็นหลัก การทำ Entity-based SEO จึงทำให้เนื้อหาบนเว็บไซต์มีคุณภาพ ครอบคลุม และดูเป็นแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้ ซึ่งตอบโจทย์กับความต้องการของ Google และตรงใจกับผู้ใช้ที่มองหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนั้น ๆ นั่นเอง

บทความที่เกี่ยวข้อง

Google เผยเอกสาร 8 วิธีทำให้เว็บไซต์คุณติด AI Search ทุกตัว

จาก SEO (Search Engine Optimization) สู่ AI Search Optimization ตอนนี้คุณไม่ต้อง ‘งม’ เองอีกต่อไป ว่าจะต้องปรับตัวยังไงดี เพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้ Google ได้เปิดตัว Google AI Mode และ Gemini โมเดลใหม่ ๆ ข
44

Google AI Mode ฟีเจอร์ใหม่ที่จะทำให้วงการ SEO สั่นสะเทือน

งาน Google I/O 2025 ปีนี้ Google ได้นำเปิดตัวเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่น่าสนใจมากมาย แต่สิ่งที่เป็นไฮไลต์เด็ดของงานนี้ก็คือ “Google AI Mode” ฟีเจอร์สุดล้ำที่นำ Gemini 2.5 (โมเดลที่ฉลาดที่สุดของ Google) ม
152

ANGA เปิดรับสมัคร AMC รุ่น 2 (2025)

กลับมาอีกครั้งตามคำเรียกร้องกับโครงการ AMC (ANGA Management Candidates) รุ่น 2 ที่ใคร ๆ หลายคนต่างรอคอย หลังจากที่โครงการ AMC รุ่น 1 ประสบความสำเร็จและได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างมาก  เพราะเป็นโครง
141
th