
Entity SEO คืออะไร กลยุทธ์การสร้างเนื้อหาให้ตอบโจทย์ Intent
Entity SEO คือสิ่งที่เจ้าของธุรกิจและนักการตลาดต้องเข้าใจ โดยเฉพาะผู้ที่รับผิดชอบงานด้านการทำ SEO (Search Engine Optimization) เป็นหลัก ซึ่งเราต่างรู้ว่าการทำ SEO ในยุคนี้ ต้องใส่ใจในเรื่องของความต้องการของผู้ใช้ (User) เป็นหลัก ก่อนทำ SEO ในคีย์เวิร์ดหรือคำค้นหา (Keyword) ใด คุณต้องเข้าใจก่อนว่าคนที่ค้นหาคีย์เวิร์ดดังกล่าวมีเจตนาในการค้นหา (Search Intent) อย่างไร และคีย์เวิร์ดนั้นมีความหมายมากกว่า 1 ความหมายหรือไม่ เพราะถ้าคีย์เวิร์ดที่คุณนำมาทำ SEO มีมากกว่า 1 ความหมายล่ะก็ คุณต้องทำให้ Google เข้าใจว่าคุณกำลังพูดถึงสิ่งที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณจริง ๆ เมื่อนั้น Google ก็จะมองว่าคุณเชี่ยวชาญและนำพาเว็บไซต์ของคุณติดอันดับสูงบน Google Search
สิ่งที่จะทำให้ Google เข้าใจและนำเว็บไซต์ของคุณไปปรากฏบนผู้ค้นหาที่มีเจตนาตรงกับธุรกิจของคุณก็คือ “Entity SEO” นั่นเอง ANGA จะมาอธิบายให้คุณเข้าใจว่า Entity SEO คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร พร้อมแนะนำแนวทางการทำ Entity SEO ให้คุณทราบผ่านบทความนี้
Entity SEO คืออะไร
Entity SEO คือกลยุทธ์การทำ SEO ที่มุ่งเน้นการปรับแต่งเนื้อหาเพื่อให้เครื่องมือค้นหา (Search Engine) เข้าใจความสัมพันธ์ของข้อมูลที่เป็นหน่วยเฉพาะ (Entity) แทนที่จะเน้นเพียงคีย์เวิร์ดเท่านั้น โดย Entity อาจเป็นคน สถานที่ แบรนด์ หรือแนวคิดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวก็ได้ ซึ่ง Google จะพยายามเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่าง Entity ต่าง ๆ เข้าด้วยกัน เพื่อให้เข้าใจบริบทและความตั้งใจในการค้นหาของผู้ใช้ได้ดียิ่งขึ้น แทนที่จะค้นหาเพียงหน้าเว็บที่มีคีย์เวิร์ดปรากฏอยู่เท่านั้น
โดย Entity-based SEO เป็นกลยุทธ์ที่พัฒนาต่อยอดจากแนวคิดเรื่อง Semantic Search ซึ่งเป็นวิธีการค้นหาที่เครื่องมือค้นหาพยายามเข้าใจความหมายและบริบทของคำค้นหา ในขณะที่ Semantic SEO เป็นกลยุทธ์การปรับแต่งเนื้อหาให้สอดคล้องกับวิธีการค้นหาแบบ Semantic Search
ตัวอย่างเช่นคำว่า “แอปเปิล” ซึ่งเป็น Entity ที่มีความหมายได้หลายอย่าง เมื่อผู้ใช้ค้นหาคำนี้ Google ต้องเข้าใจว่าผู้ใช้กำลังหมายถึงแอปเปิลที่เป็นผลไม้ หรือแอปเปลที่เป็นบริษัทเทคโนโลยีชื่อดัง โดยระบบจะวิเคราะห์จากคำค้นหาก่อนหน้านี้ ประวัติการค้นหา หรือคำอื่น ๆ ที่ปรากฏอยู่ในประโยคค้นหา เช่น “แอปเปิลมีวิตามินซีเท่าไร” กับ “แอปเปิลเปิดตัว iPhone ใหม่” เพื่อแสดงผลที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้มากที่สุด

ความสำคัญของ Entity SEO
Entity SEO มีความสำคัญเพิ่มมากขึ้นตามการพัฒนาของเทคโนโลยีการค้นหา โดยเฉพาะในยุคที่การค้นหาด้วยเสียง (Voice Search) และการค้นหาบนมือถือเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เครื่องมือค้นหาอย่าง Google ต้องปรับเปลี่ยนอัลกอริทึมให้เข้าใจความต้องการของผู้ใช้ให้ลึกซึ้งมากขึ้น นักทำ SEO จำนวนมากจึงเปลี่ยนจากการทำ SEO แบบเน้นคำค้นหา (Keyword-based) มาเป็นการทำ SEO แบบเน้น Entity (Entity-based) เพราะให้ผลลัพธ์ที่ตรงความต้องการผู้ใช้มากกว่า
การทำ Entity-based SEO ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเว็บไซต์ในหลากหลายด้าน เช่น ช่วยให้ผลการค้นหามีความแม่นยำมากขึ้น เพราะเครื่องมือค้นหาเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลต่าง ๆ ได้ดีขึ้น หรือ ช่วยปรับปรุงการแสดงผลในรูปแบบพิเศษ เช่น Knowledge Panel หรือ Rich Snippet ซึ่งช่วยดึงดูดความสนใจของผู้ใช้ได้มากกว่าผลการค้นหาแบบทั่วไป นอกจากนี้ ยังช่วยให้เว็บไซต์มีโอกาสติดอันดับที่ดีในหัวข้อที่มีการแข่งขันสูง ๆ ด้วย เพราะเน้นความเกี่ยวข้องและความลึกของเนื้อหา มากกว่าปริมาณของคีย์เวิร์ดที่อยู่ในเนื้อหานั้น ๆ
แนวทางการทำ Entity SEO
การทำ Entity SEO ต้องอาศัยความเข้าใจในความสัมพันธ์ของข้อมูลและการเชื่อมโยงระหว่างหน่วยข้อมูลต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ นักทำ SEO หรือ SEO Specialist จำเป็นต้องวางแผนและสร้างเนื้อหาที่ไม่เพียงมุ่งเน้นคำค้นหา แต่ต้องสร้างบริบทและความสัมพันธ์รอบ ๆ Entity หลักให้ครบถ้วนด้วย เพื่อให้เครื่องมือค้นหาเข้าใจและประมวลผลข้อมูลได้อย่างถูกต้องตามบริบท
1. การวิเคราะห์และระบุ Entity ที่เกี่ยวข้อง
- ระบุ Entity หลักและ Entity รองที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหรือเนื้อหาของคุณ
- วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่าง Entity ต่าง ๆ เพื่อสร้างความเชื่อมโยง
- ใช้เครื่องมือ AI อย่าง ChatGPT หรือ Gemini ช่วยระดมความคิดเกี่ยวกับ Entity ที่เกี่ยวข้องด้วย prompt เช่น “ช่วยคิด Topic ที่เป็น Entity ของ [คีย์เวิร์ดหลัก] ให้หน่อย”
- ตรวจสอบ Knowledge Panel ของ Google เพื่อดูว่ามีข้อมูล Entity ในหัวข้อของคุณอยู่แล้วหรือไม่
2. การสร้างเนื้อหาที่เน้น Entity
- สร้างหน้าสำหรับ Entity หลักที่ต้องการให้ติดอันดับ
- เพิ่มบทความ SEO ที่ครอบคลุม Entity ย่อยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง (ประมาณ 15-20 บทความ)
- เขียนเนื้อหาที่ให้ความรู้เชิงลึกและมีคุณค่า ตาม E-E-A-T แทนที่จะยัดเยียดคีย์เวิร์ดลงไปเยอะ ๆ
- เขียนเนื้อหาตามธรรมชาติโดยคำนึงถึงประโยชน์ของผู้อ่านเป็นหลัก
- ไม่จำเป็นต้องกำหนดความยาวของเนื้อหา ให้เขียนจนกว่าจะครอบคลุมหัวข้อนั้น ๆ อย่างครบถ้วน
การเชื่อมโยงและจัดโครงสร้าง Entity
- สร้าง Internal Link เชื่อมโยงระหว่างหน้าต่าง ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกัน
- เลือกบทความประมาณ 8-10 หน้าที่จะมี Internal Link ไปยังหน้าหลักของ Entity
- ไม่จำเป็นต้องมี Internal Link ไปยังหน้า Entity หลักทุกหน้า ให้มีการเชื่อมโยงระหว่างบทความด้วยกันเองด้วย
- จัดโครงสร้างเว็บไซต์ให้เป็นหมวดหมู่ที่ชัดเจนตาม Entity ที่เกี่ยวข้อง
- ใช้ Breadcrumb และ URL ที่สะท้อนความสัมพันธ์ของ Entity
3. การใช้ Structured Data
- เพิ่ม Schema Markup เพื่อบอก Google เนื้อหาของคุณเกี่ยวข้องกับ Entity ใดบ้าง
- ใช้ Schema.org ที่เหมาะสมกับประเภทของเนื้อหา เช่น Article, Product, Service, Organization
- เชื่อมโยง Entity ของคุณกับ Entity ที่มีอยู่แล้วใน Knowledge Graph ของ Google
- พิจารณาการใช้ JSON-LD เพื่อเพิ่ม Structured Data ที่ซับซ้อนและมีรายละเอียดมากขึ้น
4. การแบ่งแยกและจัดการ Entity ที่ชัดเจน
- หากธุรกิจมีหลายบริการที่มีความแตกต่างกันมาก ควรพิจารณาแยกเว็บไซต์ตาม Entity หลัก เช่น รับทำ SEO 1 เว็บ, รับทำ Influencer Marketing 1 เว็บ หรือรับทำ Production 1 เว็บ เป็นต้น
- การแยกเว็บไซต์ช่วยให้ Google เข้าใจ Entity ภาพรวมของธุรกิจได้ชัดเจนและรวดเร็วขึ้น
- หากรวมไว้ในเว็บไซต์เดียว ให้แบ่งหมวดหมู่ที่ชัดเจนและมีหน้า Landing Page แยกสำหรับแต่ละ Entity หลัก
5. การติดตามและวัดผล
- ติดตามการปรากฏตัวของเว็บไซต์ใน Knowledge Panel ที่เกี่ยวข้องกับ Entity ของคุณ
- เช็กอันดับคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับ Entity หลักว่าดีขึ้นหรือไม่ ด้วย Google Search Console
- วิเคราะห์การแสดงผลพิเศษ เช่น Rich Snippets หรือ Featured Snippets
- ปรับปรุงกลยุทธ์ SEO อย่างต่อเนื่องตามผลการวิเคราะห์ข้อมูล
บทสรุป
การทำ Entity SEO จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณดูน่าเชื่อถือและมีความเชี่ยวชาญในสายตาของ Google มากยิ่งขึ้น หยุดทำเนื้อหาที่อัดแน่นไปด้วยการสแปมคีย์เวิร์ดจำนวนมาก แล้วหันมาสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ พร้อมกับมีบริบทและความเชื่อมโยงของข้อมูลที่เกี่ยวข้องกันอย่างเหมาะสมแทน แล้วเว็บไซต์ของคุณก็จะติดอันดับบน Google SERPs ในตำแหน่งสูงได้ดียิ่งขึ้น เนื่องจาก Google ชื่นชอบเว็บไซต์ที่ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ผู้ใช้งาน (User Experience) และประโยชน์ที่ผู้ใช้งานจะได้รับเป็นหลัก การทำ Entity-based SEO จึงทำให้เนื้อหาบนเว็บไซต์มีคุณภาพ ครอบคลุม และดูเป็นแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้ ซึ่งตอบโจทย์กับความต้องการของ Google และตรงใจกับผู้ใช้ที่มองหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนั้น ๆ นั่นเอง
บทความที่เกี่ยวข้อง

Google เผยเอกสาร 8 วิธีทำให้เว็บไซต์คุณติด AI Search ทุกตัว
