Featured Snippet คืออะไร ผลลัพธ์ที่เหนือกว่าอันดับ 1 บน Google
การแข่งขันเพื่อให้ติดอันดับ 1 บน Google เป็นเรื่องที่ยากและท้าทายอย่างมาก เพราะคุณต้องแข่งขันกับเว็บไซต์ของคู่แข่ง แถมยังต้องปรับปรุงเว็บไซต์ให้ถูกใจ Google และสร้างคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานด้วย แต่การได้ขึ้นไปอยู่ในตำแหน่ง 0 หรือ Featured Snippet นั่นยากกว่ามาก แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็คุ้มค่า เนื่องจาก Featured Snippet จะมีการแสดงผลที่ใหญ่และแตกต่างจากตำแหน่งอื่น ๆ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถมองเห็นได้ง่าย ซึ่งจะช่วยดึงดูดความสนใจและสร้างโอกาสในการคลิกได้มากขึ้นนั่นเอง มาทำความรู้จักว่า Featured Snippet คืออะไร แตกต่างจาก Rich Snippet อย่างไร และทำยังไงให้เว็บไซต์ของเราติด Featured Snippet บน Google ผ่านบทความนี้จาก ANGA กันเถอะ
Featured Snippet คืออะไร
Featured Snippet คือรูปแบบการแสดงผลลัพธ์บนหน้าการค้นหาของ Google ที่จะปรากฏอยู่ในตำแหน่งเหนือผลการค้นหาปกติ หรือที่เรียกว่า “ตำแหน่ง 0” โดยจะแสดงข้อมูลที่เป็นคำตอบหรือเนื้อหาสำคัญในรูปแบบกล่องข้อความขนาดใหญ่ที่มองเห็นได้ชัดเจน ซึ่งผู้ใช้งานสามารถอ่านคำตอบได้ทันทีโดยไม่ต้องคลิกเข้าไปในเว็บไซต์แต่อย่างใด ทั้งนี้ทั้งนั้น Google จะเป็นผู้คัดเลือกเนื้อหาที่ดีที่สุดและตรงประเด็นที่สุดมาแสดงในรูปแบบของ Featured Snippet เอง เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับข้อมูลที่ต้องการอย่างรวดเร็ว อย่างเช่นหน้าบทความวิธีติดตั้ง Google Analytics 4 จากแองก้า
Featured Snippet เป็นรูปแบบการแสดงผลที่มีพลังมาก เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือได้แล้ว ยังช่วยเพิ่มการมองเห็นได้ดีมาก ๆ ด้วย เนื่องจาก Featured Snippet จะมีพื้นที่แสดงผลขนาดใหญ่กว่าผลการค้นหาปกติถึง 50% และอยู่ในตำแหน่งที่สะดุดตาที่สุด การได้ขึ้น Featured Snippet จึงสามารถดึงดูดความสนใจจากผู้ใช้งานได้มากกว่า เพราะฉะนั้น เราไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมใคร ๆ ก็อยากให้บทความ SEO ที่ตัวเองเขียนติดอยู่ในตำแหน่งนี้นั่นเอง อย่างไรก็ตาม การที่ผู้ใช้งานสามารถอ่านเนื้อหาได้ทันทีโดยไม่ต้องคลิกเข้าเว็บไซต์ อาจส่งผลให้อัตราการคลิกผ่าน (CTR) และ Website Traffic ลดลงได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะของเนื้อหาและพฤติกรรมของผู้ใช้งานด้วย
ข้อดีของการติด Featured Snippet คืออะไร
การที่เว็บไซต์ติด Featured Snippet ถือเป็นความสำเร็จอีกขั้นของการทำ SEO เลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากจะทำให้เว็บไซต์ของเราดูโดดเด่นน่าสนใจแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อธุรกิจด้วย มาดูกันว่าการติด Featured Snippet มีข้อดีอะไรบ้าง
- ช่วยเสริมภาพลักษณ์ความเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้น ๆ เพราะ Google เลือกเฉพาะเนื้อหาที่มีคุณภาพมาแสดงในส่วนนี้
- ได้พื้นที่แสดงผลขนาดใหญ่บนหน้า SERP กินพื้นที่มากถึง 50% ของหน้าจอ ทำให้ดึงดูดความสนใจได้มากกว่าผลการค้นหาทั่วไป
- เป็นทางลัดสู่อันดับต้น ๆ โดยไม่จำเป็นต้องรอให้เว็บไซต์ติดอันดับ 1 ก่อน แม้อยู่อันดับ 5-10 ก็มีโอกาสติด Featured Snippet ได้
- เพิ่มโอกาสในการได้รับ Traffic จากการค้นหาด้วยเสียง เนื่องจาก Voice Assistant มักใช้ข้อมูลจาก Featured Snippet ในการตอบคำถาม
- ประหยัดงบประมาณการตลาด เพราะได้พื้นที่โฆษณาขนาดใหญ่แบบ Organic โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
- สร้างการจดจำแบรนด์ได้ดี เพราะผู้ใช้งานเห็นชื่อเว็บไซต์ของคุณในตำแหน่งที่โดดเด่น
- เพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขัน เพราะในแต่ละคำค้นหาจะมีเพียง 1 Featured Snippet เท่านั้น
- รองรับการใช้งานบนมือถือได้ดี เพราะ Featured Snippet จะแสดงผลเต็มหน้าจอบนอุปกรณ์มือถือ
Featured Snippet มีกี่ประเภท
Featured Snippet มีรูปแบบการแสดงผลที่หลากหลาย เพื่อให้ข้อมูลตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานมากที่สุด โดยแต่ละประเภทจะเหมาะกับเนื้อหาและวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันไป ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 5 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
- Paragraph Snippets เป็นการแสดงเนื้อหาในรูปแบบข้อความสั้น ๆ ความยาวประมาณ 40-60 คำ เหมาะสำหรับการอธิบายความหมายหรือตอบคำถาม What, Why, Who, When, How
- List Snippets จะแบ่งเป็น 2 รูปแบบ คือแบบลำดับตัวเลข (Numbered List) และแบบหัวข้อย่อย (Bullet List) ใช้สำหรับแสดงขั้นตอน วิธีทำ หรือรายการต่าง ๆ
- Table Snippets จะแสดงข้อมูลในรูปแบบตารางเปรียบเทียบ เหมาะกับการนำเสนอข้อมูลตัวเลข ราคา สถิติ หรือการเปรียบเทียบคุณสมบัติต่าง ๆ
- Video Snippets คือแสดงวิดีโอจาก YouTube พร้อมไฮไลต์ช่วงเวลาที่เกี่ยวข้องกับคำค้นหา นิยมใช้กับเนื้อหาประเภทสอนทำอาหาร สาธิตวิธีการ หรือแนะนำผลิตภัณฑ์
- E-commerce Snippets จะแสดงรายการสินค้าพร้อมราคาและลิงก์ไปยังหน้าขาย เหมาะสำหรับเว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์
Featured Snippet ต่างกับ Rich Snippet อย่างไร
Featured Snippet และ Rich Snippet เป็นรูปแบบการแสดงผลพิเศษบน Google เหมือนกัน ทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่าทั้งสองสิ่งนี้คือสิ่งเดียวกัน แต่จริง ๆ แล้วก็มีความแตกต่างกันอยู่หลายจุด ทั้งตำแหน่งในการแสดงผล วิธีทำ ข้อดี และเนื้อหาที่นำมาแสดง
- Featured Snippet จะแสดงผลในตำแหน่งอันดับ 0 หรือด้านบนสุดของหน้าผลการค้นหา มาในรูปแบบกล่องข้อความขนาดใหญ่ที่แสดงเนื้อหาที่ตอบคำถามหรือให้ข้อมูลที่ผู้ใช้ต้องการได้ทันที (เน้นการสร้างความน่าเชื่อถือและการรับรู้แบรนด์)
- Rich Snippet จะแสดงผลในตำแหน่งปกติตามอันดับ SEO แต่จะมีข้อมูลเพิ่มเติมแสดงใต้ Title และ Description เช่น ดาวรีวิว ราคา หรือระยะเวลา ซึ่งเจ้าของเว็บไซต์สามารถกำหนดได้ผ่านการใส่โค้ด Schema Markup (เน้นการเพิ่ม CTR เหมาะกับเว็บไซต์ที่ต้องการดึงคนเข้ามาบนเว็บไซต์ อย่างพวกเว็บไซต์ขายของออนไลน์)
4 วิธีทำ SEO ให้เว็บไซต์เราติด Featured Snippet
อยากให้เว็บของคุณติด Featured Snippet บ้าง ลองทำตาม 4 วิธีนี้ได้เลย!
1. ใช้คีย์เวิร์ดที่มีความเฉพาะเจาะจง
แนะนำให้ใช้คีย์เวิร์ด (Keyword) ที่มีความเฉพาะเจาะจงหรือคีย์เวิร์ดที่มีความยาวมากขึ้น (Long-tail Keyword) ซึ่งจะช่วยให้เว็บไซต์ของเราติด Featured Snippet ได้ดีกว่าการใช้คีย์เวิร์ดสั้น ๆ เพียงคำเดียว ตัวอย่างเช่น แทนที่จะใช้คำว่า “รับทำ SEO” ก็เปลี่ยนเป็นใช้คำว่า “รับทำ SEO ติดหน้าแรก สายขาว” เป็นต้น เพราะคำถามที่มีความเฉพาะเจาะจงมักจะได้รับการแสดงผลเป็น Featured Snippet มากกว่า
2. วางโครงสร้าง Heading ให้ดีและถูกต้อง
โครงสร้าง Heading ที่ดี จะช่วยให้ Google เข้าใจและจัดหมวดหมู่เนื้อหาได้ง่ายขึ้น ควรใช้ H1 เป็นหัวข้อหลักที่มีคีย์เวิร์ดสำคัญ ตามด้วย H2 เป็นหัวข้อย่อยที่แตกประเด็นออกมา และ H3 สำหรับรายละเอียดหรือตัวอย่างเพิ่มเติม ทั้งนี้ควรตั้งชื่อหัวข้อในรูปแบบคำถามเพื่อเพิ่มโอกาสในการติด Featured Snippet มากขึ้นด้วย
3. เขียนเนื้อหาที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งาน
เนื้อหาที่มีโอกาสติด Featured Snippet จะต้องตอบคำถามของผู้ใช้งานได้อย่างตรงประเด็นและชัดเจน ควรเขียนคำตอบให้กระชับ และวางไว้ในย่อหน้าแรกของเนื้อหา โดยเน้นข้อมูลที่ถูกต้อง น่าเชื่อถือ และมีการอ้างอิงแหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือด้วย
4. ปรับปรุงเนื้อหาอย่างสม่ำเสมอ
การอัปเดตเนื้อหาให้ทันสมัยและถูกต้องอยู่เสมอเป็นสิ่งสำคัญ เพราะ Google ชอบเนื้อหาที่มีความสดใหม่และเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งาน เราจึงต้องหมั่นอัปเดตเนื้อหาให้สดใหม่อยู่เสมอ ไม่จำเป็นต้องสร้างบทความใหม่ก็ได้ แนะนำให้เพิ่มข้อมูลใหม่ที่อัปเดตล่าสุดเข้าไปในบทความเก่าแทน หรืออัปเดตปีให้เป็นปีล่าสุด เป็นต้น
บทสรุป
เป้าหมายของการทำ SEO ไม่ได้อยู่ที่อันดับ 1 เสมอไป คุณอาจจะเพิ่ม Featured Snippet เป็นอีกหนึ่งเป้าหมายก็ได้เช่นกัน แม้การติด Featured Snippet จะทำให้เกิดโอกาสในการคลิกเข้าไปที่เว็บไซต์น้อยลง แต่ก็ช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์และการจดจำแบรนด์ได้ดี วิธีทำ Featured Snippet ก็ไม่ได้ต่างจากวิธีทำ SEO โดยทั่วไปมากนักที่เน้นคุณภาพของคอนเทนต์ การวางโครงสร้างเนื้อหาตามหลัก การตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งาน และใช้ข้อมูลที่เป็นความจริง แต่จะมีปรับตรงกลยุทธ์การเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่เน้นไปที่คีย์เวิร์ดคำถามหรือ Long-tail Keyword มากขึ้น ยังไงก็ลองทำตามวิธีที่เราแนะนำไปในบทความนี้ได้เลย แต่ถ้าคุณกำลังมองหาเอเจนซี่ดูแล SEO และเว็บไซต์ให้ สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจาก ANGA ได้เช่นกัน