1. หน้าหลัก
  2. อัปเดตการตลาด
  3. Click Through Rate หรือ CTR คืออะไร? ตัวชี้วัดนี้สำคัญอย่างไรกับยิงแอด?
เผยแพร่เมื่อ: มีนาคม 13, 2023

Click Through Rate หรือ CTR คืออะไร? ตัวชี้วัดนี้สำคัญอย่างไรกับยิงแอด?

Table Of Contents

สำหรับโลกการตลาดออนไลน์มีตัวชี้วัดประสิทธิภาพของโฆษณาหลากหลาย แต่หนึ่งในตัวชี้วัดสำคัญที่นักการตลาดออนไลน์จำเป็นต้องรู้จักและทำความเข้าใจคือ  CTR หรือ Click Through Rate ตัวชี้วัดประสิทธิภาพของคอนเทนต์หรือแคมเปญโฆษณาที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง หากคุณเป็นคนที่ต้องการวัดความสำเร็จของการทำตลาดบนโลกออนไลน์ออกมาเป็นตัวเลขอย่างชัดเจน มาทำความรู้จักกันว่า CTR คืออะไร? และมีความสำคัญอย่างไรกับโลกมาร์เก็ตติ้ง ?  

ทำความรู้จักตัวชี้วัดสำคัญ CTR คืออะไร? 

CTR คือคำย่อของคำว่า Click Through Rate คือ อัตราคลิกต่อจำนวนการมองเห็น โดยวัดจากสัดส่วนของคนที่คลิกต่อจำนวนของคนที่เห็นโฆษณา โดยแคมเปญโฆษณาชิ้นไหนที่ค่า CTR มีเปอร์เซ็นต์สูง หมายความว่าโฆษณาชิ้นดังกล่าวมีคนให้ความสนใจเนื้อหาโฆษณาชิ้นดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ในทางกลับกันถ้า CTR มีเปอร์เซ็นต์น้อย ก็หมายความว่าโฆษณาชิ้นนั้นไม่มีความน่าสนใจนั่นเอง 

ดังนั้นการทำให้ CTR เพิ่มขึ้นจึงเป็นโจทย์สำคัญสำหรับนักการตลาดออนไลน์ หรือคนที่ทำธุรกิจบนโลกออนไลน์ที่ต้องมีกลยุทธ์ในการวางแผนโฆษณาในแต่ละแคมเปญ การเลือกคีย์เวิร์ด ซึ่งในแต่ละประเภทธุรกิจย่อมมีค่าเฉลี่ย CTR สูง-ต่ำแตกต่างกันไป ตัวชี้วัดนี้จึงถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักการตลาดสามารถวิเคราะห์ เพื่อหาประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณาที่เผยแพร่ออกไปได้นั่นเอง 

hand-click-on-screen

ทำไม CTR ถึงสำคัญต่อการทำโฆษณาออนไลน์ ? 

อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่า CTR คืออีกตัวชี้วัดความสำเร็จของแคมเปญหรือคอนเทนต์โฆษณาที่เราได้เผยแพร่ออกไปยังโลกออนไลน์ และแน่นอนว่าโฆษณาแต่ละชิ้นที่เราได้ผลิตขึ้นมานั้นมีค่าใช้จ่าย ดังนั้น CTR คือเครื่องมือความสำคัญที่ช่วยวิเคราะห์ประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในการทำโฆษณาดังนี้

วัดความน่าสนใจในโฆษณาแต่ละชิ้น 

โดย CTR หรือ Click Through Rate เป็นตัวชี้วัดที่บอกว่า โฆษณาแต่ละชิ้นมีคนคลิกมาก-น้อยแค่ไหน จึงมีการนำมาใช้วัดความน่าสนใจของโฆษณาที่เผยแพร่ออกไป และยังนำมาช่วยในการปรับปรุงเพื่อพัฒนาเนื้อหาในการยิงโฆษณาต่อไป

วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย 

การทำโฆษณาแต่ละตัวจะต้องมีการกำหนดกลุ่มเป้าหมายขึ้นมา โดยถ้าหากโฆษณาชิ้นนั้นมีความสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมาย ค่า CTR จะแสดงผลลัพธ์ในทิศทางที่ดี  ในทางกลับกันถ้าหากโฆษณาไม่สัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมาย ผลลัพธ์ที่แสดงออกมาก็จะไม่ดีเท่าที่ควร จึงทำให้นักการตลาดจำเป็นต้องเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายใหม่ หรือปรับเนื้อหาโฆษณาให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น 

สำคัญต่อการเช็ก Quality Score 

Quality Score หรือคะแนนคุณภาพ เป็นอีกหนึ่งตัวชี้วัดที่บอกว่าคีย์เวิร์ดที่เลือกมีคุณภาพมาก-น้อยแค่ไหน โดยสำคัญกับ CTR ตรงที่ เมื่อ CTR (Click Through Rate) สูงค่า Quality Score ก็จะสูงขึ้นโดยอัตโนมัติ จึงมีส่วนช่วยในการรักษาตำแหน่งโฆษณา เพราะว่า Quality Score สูง อันดับโฆษณาก็จะสูงขึ้น รวมถึงส่งผลให้ต้นทุนในการยิงแอดโฆษณาถูกลงอีกด้วย 

วิธีการคำนวณค่า CTR ก่อนยิงแอดโฆษณาที่นักการตลาดควรรู้

การคำนวณค่า CTR คือสิ่งสำคัญสำหรับการยิงแอดโฆษณา จะแสดงผลลัพธ์ออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์โดยหากมีเปอร์เซ็นต์สูง แสดงว่าผลตอบรับของโฆษณาอยู่ในทิศทางที่ดี มีสูตรคำนวณดังนี้

(Click/Impression)*100 = CTR 

โดยนำจำนวนการคลิก (Click) มาหารกับจำนวนการแสดงผล (Impression) แล้วคูณด้วย 100 จะได้ผลลัพธ์เป็นอัตราการคลิกหรือค่า CTR (Click Through Rate) ออกมา หมายความว่า ถ้า CTR = 10%  จะมีจำนวนการแสดงผล (Impression)  1,000 คน ต่อจำนวนการคลิก (Click) 100 คน 

ลองดูตัวอย่าง:

แคมเปญโฆษณาน้ำยาขัดห้องน้ำ ได้รับจำนวนการแสดงผล (Impression) 10,000 ครั้ง แต่มีจำนวนการคลิก 400 คน สามารถคำนวณ CTR ตามสูตรได้ ดังนี้ 

(400/10,000)*100 = 4%

เท่ากับว่าแคมเปญโฆษณาน้ำยาขัดห้องน้ำได้รับค่า CTR ทั้งหมด 4% 

ค่าเฉลี่ย CTR โดยมาตรฐานของแต่ละแพลตฟอร์ม 

ค่ามาตรฐาน CTR คือสิ่งหนึ่งที่ช่วยชี้วัดความสำเร็จของแคมแปญโฆษณา โดยในแต่ละแพลตฟอร์มจะมีค่าเฉลี่ย CTR ที่แตกต่างกัน ซึ่งต้องบอกตามตรงว่าไม่มีค่าเฉลี่ยตายตัว แต่มาตรฐานแล้วค่าเฉลี่ย CTR ของ Google จะอยู่ที่ประมาณ 2-3%  แต่บางครั้งอาจพุ่งทะยานไปถึง 20-30% เลยก็มี ขึ้นอยู่กับอันดับโฆษณาบน Google  

มาถึงค่าเฉลี่ย CTR ของ Facebook ซึ่งค่าเฉลี่ยที่ได้รับนั้น ไม่ได้ถูกประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ โดยมีค่า CTR มาตรฐานอยู่ที่ 0.51% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ได้จากการเก็บข้อมูลแคมเปญโฆษณา 11,000 แคมเปญ เพื่อนำมาวิเคราะห์หาค่าเฉลี่ย CTR มาตรฐาน จึงออกมาเป็นตัวเลขดังกล่าว

โดยอัตราค่าเฉลี่ยของ Facebook จะค่อนข้างน้อยกว่า Google เนื่องจากหลายเหตุปัจจัยด้วยกัน ทั้งรูปแบบโฆษณาและการเลือกกลุ่มเป้าหมายที่มีความหลากหลายมากกว่า จึงทำให้ค่าเฉลี่ย CTR ของ Facebook นั้นน้อยกว่า Google แต่อย่างไรก็ตามมีข้อดีในเรื่องการคัดเลือกกลุ่มเป้าหมายที่เป็นลูกค้าตัวจริงของสินค้าและบริการที่เราทำโฆษณาออกไปนั่นเอง 

what-is-ctr-2

เจาะกลยุทธ์เพิ่มค่า CTR ให้โฆษณามีความน่าสนใจ

สำหรับกลยุทธ์เพิ่มค่า CTR คือเรื่องที่นักการตลาดออนไลน์จำเป็นต้องรู้ โดยแยกออกตามแต่ละแพลตฟอร์ม เนื่องจากมีกลยุทธ์ เทคนิคและวิธีที่ค่อนข้างแตกต่างกัน ดังนี้ 

กลยุทธ์เพิ่มค่า CTR บน Facebook Ads

สำหรับการยิงโฆษณาบน Facebook แต่ละชิ้น ไม่ว่าใครก็ตามย่อมต้องการให้โฆษณาชิ้นดังกล่าวมีผลลัพธ์ที่ดี โดยเฉพาะการทำโฆษณาของบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่สำคัญของโลกอย่าง Facebook ซึ่งมีาลูกค้าชั้นดีมากมายอยู่ในนั้น โดยหากต้องการทำให้การนำเสนอโฆษณาได้รับผลตอบรับที่ดี มี CTR สูง ควรจะปรับแต่งโฆษณาไปทีละจุดดังนี้ 

  • การปรับคำขาย (Copy Writing): ที่สามารถดึงดูดความสนใจของคนอ่านได้ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นกับกระแสไวรัล เล่าถึง Pain Point หรือใช้คำง่าย ๆ สื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายโดยตรง
  • การปรับ Artwork: การออกแบบภาพเพื่อการโฆษณา จำเป็นต้องสื่อถึงสินค้าและบริการอย่างชัดเจน และสามารถดึงจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ออกมาได้อย่างครบถ้วน 
  • ปุ่ม Call-to-Action (CTA): ปุ่ม CTA ที่มีการใช้คำที่กระชับเข้าใจง่าย เชิญชวนให้คนมาคลิก มาไลก์มาสนใจคอนเทนต์หรือโฆษณา

กลยุทธ์เพิ่มค่า CTR บน Google Ads

กลยุทธ์เพิ่มค่า CTR บน Google Ads โดยมี 2 เรื่องสำคัญที่จำเป็นต้องรู้และทำความเข้าใจคือ Ad Rank และ Quality Score ซึ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการเพิ่ม CTR บน Google Ads เป็นอย่างมาก

  • Ad Rank หรืออันดับที่แสดงบนหน้าค้นหาใน Google โดยมีการประเมินค่า CTR (Click Through Rate) จริง และ ค่า CTR(Click Through Rate) ที่คาดการณ์ว่าจะได้ โดยเมื่อเรายิงแอดโฆษณาไปแล้ว และได้ผลลัพธ์ไม่ดี Google ก็จะปรับให้อันดับโฆษณาของเราอยู่อันดับท้าย ๆ 
  • Quality Score หรือ คะแนนคุณภาพ ซึ่งจะวัดผลจากคีย์เวิร์ดที่เลือกเอาไว้ โดยจำเป็นต้องจัดแต่งเนื้อหาโฆษณาให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่เลือกและมีเนื้อหาที่กลุ่มเป้าหมายกำลังมองหาอยู่ ก็จะทำให้ Quality Score สูงขึ้น และส่งผลให้ CTR บน Google Ads นั้นสูงขึ้นด้วย 

บทสรุป Click Through Rate มีผลต่อการทำโฆษณาออนไลน์

โดยรวมแล้ว CTR หรือ Click Through Rate คือ อีกหนึ่งเครื่องมือชี้วัดความสำเร็จของแคมเปญโฆษณาที่นักการตลาดจำเป็นศึกษา เพื่อปรับปรุงกลยุทธ์ วางแผนทางการตลาด เพื่อให้แคมเปญโฆษณาที่เราปล่อยออกไปได้รับผลตอบรับที่ดี รวมถึงสามารถนำมาวิเคราะห์ ปรับปรุง และพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาดได้ในอนาคต

บทความที่เกี่ยวข้อง

ANGA เปิดรับสมัคร AMC รุ่น 2 (2025)

กลับมาอีกครั้งตามคำเรียกร้องกับโครงการ AMC (ANGA Management Candidates) รุ่น 2 ที่ใคร ๆ หลายคนต่างรอคอย หลังจากที่โครงการ AMC รุ่น 1 ประสบความสำเร็จและได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างมาก  เพราะเป็นโครงการที
88

Demand Gen คือโฆษณารูปแบบใหม่ที่ใช้ AI เพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญ

เพิ่มประสิทธิภาพให้กับแคมเปญโฆษณา Google Ads พร้อมเพิ่มโอกาสในการขยายฐานลูกค้าด้วย Demand Gen คือรูปแบบโฆษณาที่พัฒนาต่อยอดมาจาก Discovery Ads โดยการดึงเอาเทคโนโลยี AI และ Machine Learning มาใช้งาน พร้
101

DuckDuckGo คือ Search Engine ที่ปลอดภัยต่อผู้ใช้มากที่สุด

อย่างที่เรารู้กันว่า Google เป็น Search Engine ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก แล้วรู้ไหมว่าใครคืออันดับสอง? คำตอบคือ DuckDuckGo นั่นเอง ซึ่ง DuckDuckGo คือ​ Search Engine ที่มีจุดเด่นด้านความปลอดภัยท
95
th