1. หน้าหลัก
  2. อัปเดตการตลาด
  3. Search Intent คือตัวช่วยสำคัญในการทำ SEO ให้โดนใจผู้ใช้งาน
Search Intent
เผยแพร่เมื่อ: มกราคม 31, 2025

Search Intent คือตัวช่วยสำคัญในการทำ SEO ให้โดนใจผู้ใช้งาน

Table Of Contents

ระหว่าง ‘การค้นหาข้อมูลและเจอกับสิ่งที่ต้องการทันที’ กับ ‘การค้นหาข้อมูลและไม่เจอกับสิ่งที่เราต้องการ’ แน่นอนว่าร้อยทั้งร้อยจะต้องเลือกอย่างแรกอยู่แล้ว นี่แหละคือสิ่งที่ Google ต้องการจากคนทำ SEO (SEO Specialist) และเหล่านักเขียนบทความ SEO เพื่อให้ Google สามารถจัดอันดับเว็บไซต์ได้อย่างเหมาะสมและมอบคอนเทนต์ที่ตรงใจกับผู้ใช้งาน (User) มากที่สุด ด้วยเหตุนี้ Search Intent จึงเป็นปัจจัยสำคัญของการทำ SEO ในปัจจุบัน มาทำความเข้าใจว่า Search Intent คืออะไร สำคัญอย่างไรกับการทำ SEO สามารถแบ่งออกได้เป็นกี่ประเภท และเราจะทำยังไงให้การทำ SEO ของเราตรงกับ Search Intent มากที่สุด ผ่านบทความนี้กับ ANGA (ดิจิทัลเอเจนซี่รับทำ SEO และ Performance Marketing ชั้นนำในประเทศไทย) ได้เลย

Search Intent คืออะไร

Search Intent คือเจตนาหรือจุดประสงค์ของผู้ใช้งานที่ต้องการค้นหาข้อมูลบน Search Engine อย่าง Google ซึ่งสามารถสังเกตได้จากคีย์เวิร์ด (Keyword) หรือคำค้นหาที่ผู้ใช้พิมพ์ลงไปในช่องค้นหา บางครั้งอาจเรียกว่า User Intent หรือ Audience Intent ก็ได้ เพราะทั้งหมดล้วนหมายถึงความต้องการที่แท้จริงของผู้ใช้งานในการค้นหาข้อมูลนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นการหาข้อมูลเพื่อศึกษา ต้องการซื้อสินค้า หรือเปรียบเทียบข้อมูลก่อนตัดสินใจก็ตาม

เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับบน Google คุณจำเป็นต้องสร้างคอนเทนต์ที่เข้าใจและตอบสนอง Search Intent ได้อย่างตรงจุด ยกตัวอย่างเช่น หากผู้ใช้ค้นหาว่า “วิธีทำขนมครก” Google จะแสดงผลบทความที่มีขั้นตอนการทำขนมครกอย่างละเอียด พร้อมภาพประกอบ หรือวิดีโอสอนทำขนมครก ไม่ใช่บทความที่พูดถึงประวัติความเป็นมาของขนมครกเพียงอย่างเดียว เพราะเข้าใจว่าผู้ใช้ต้องการเรียนรู้วิธีทำขนมครกจริง ๆ

Search Intent คือ

ความสำคัญของ Search Intent SEO

Search Intent มีความสำคัญอย่างมากต่อการทำ SEO เพราะ Google ให้ความสำคัญกับการแสดงผลการค้นหาที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานมากที่สุด โดยใช้ระบบ Machine Learning และ Google Bot ในการเรียนรู้และวิเคราะห์พฤติกรรมการค้นหาของผู้ใช้งาน เพื่อทำความเข้าใจว่าแต่ละคำค้นหานั้นต้องการคอนเทนต์ในรูปแบบใด และจะแสดงผลลัพธ์ที่เหมาะสมที่สุดให้กับผู้ใช้งาน

การเข้าใจ Search Intent อย่างถ่องแท้จะช่วยให้คุณสามารถวางกลยุทธ์การทำ SEO ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาคีย์เวิร์ด การสร้างคอนเทนต์ หรือการจัดโครงสร้างเว็บไซต์ เพราะเมื่อคุณเข้าใจว่าผู้ใช้งานต้องการอะไร คุณก็จะสามารถสร้างคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์ได้อย่างตรงจุด ส่งผลให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสติดอันดับต้นๆ บน SERPs (Search Engine Results Page) มากขึ้น

นอกจากนี้ Search Intent ยังส่งผลโดยตรงต่อการสร้าง Brand Awareness และการเพิ่ม Conversion Rate ให้กับธุรกิจด้วย เพราะเมื่อคอนเทนต์ของคุณตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน พวกเขาก็จะได้รับประสบการณ์ที่ดี เกิดความประทับใจ และมีแนวโน้มที่จะกลับมาใช้บริการหรือซื้อสินค้าจากคุณมากขึ้น ในทางกลับกัน หากคุณละเลย Search Intent และสร้างคอนเทนต์ตามใจชอบ โอกาสที่เว็บไซต์จะติดอันดับดี ๆ บน Google ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

  • ช่วยในการวางกลยุทธ์การทำ Keyword Research ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • สามารถสร้างคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานได้ตรงจุด
  • เพิ่มโอกาสในการติดอันดับที่ดีบน SERPs
  • ช่วยเพิ่ม Click-Through Rate (CTR) เมื่อเขียน Meta Tags ได้ตรงกับ Search Intent
  • สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งาน นำไปสู่การเพิ่ม Conversion Rate

Search Intent แบ่งออกเป็นกี่ประเภท

Search Intent สามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก โดยแต่ละประเภทสะท้อนถึงความต้องการที่แตกต่างกันของผู้ใช้งานในการค้นหาข้อมูลบน Google การเข้าใจความแตกต่างของ Search Intent แต่ละประเภทจะช่วยให้คุณสามารถสร้างคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างตรงจุด

  1. Informational Intent คือการค้นหาเพื่อหาข้อมูล ความรู้ หรือคำตอบในเรื่องที่สนใจ มักพบคำถามที่ขึ้นต้นด้วย “อะไร” “ทำไม” “อย่างไร” หรือลงท้ายด้วย “คืออะไร” เช่น “วิธีทำ SEO”, “ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าเพราะอะไร” คอนเทนต์ที่เหมาะกับ Intent นี้คือบทความให้ความรู้ บทความสอนทำ SEO (How-to) หรือบทความอธิบายแนวคิดต่าง ๆ
  2. Navigational Intent คือการค้นหาเพื่อต้องการไปยังเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มที่เฉพาะเจาะจง มักเป็นการพิมพ์ชื่อแบรนด์ ชื่อเว็บไซต์ หรือชื่อบริการโดยตรง เช่น “ANGA”, “Facebook”, “Gmail login”, “LINE ดาวน์โหลด” คอนเทนต์ที่เหมาะสมคือหน้าเว็บไซต์หลัก หน้าข้อมูลติดต่อ หรือหน้าดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
  3. Commercial Investigation คือการค้นหาข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการ มักพบคำว่า “รีวิว” “เปรียบเทียบ” “ดีไหม” “แนะนำ” เช่น “รีวิว iPhone 14”, “บัตรเครดิตธนาคารไหนดี” คอนเทนต์ที่เหมาะสมคือบทความรีวิว บทความเปรียบเทียบสินค้า หรือบทความแนะนำการเลือกซื้อ
  4. Transactional Intent คือการค้นหาเพื่อต้องการซื้อสินค้าหรือใช้บริการ มักพบคำว่า “ซื้อ” “ราคา” “โปรโมชั่น” “จอง” เช่น “ซื้อ iPhone 14”, “จองตั๋วเครื่องบิน” คอนเทนต์ที่เหมาะสมคือหน้าสินค้า หน้าโปรโมชั่น หรือหน้าจองบริการ

วิธีสร้างเนื้อหาให้ตรงกับ Search Intent มากที่สุด

การสร้างคอนเทนต์ให้ตรงกับ Search Intent เป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับบน Google และตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างตรงจุด ANGA มีขั้นตอนในการทำคอนเทนต์ให้ตรง Search Intent ดังนี้

  1. วิเคราะห์ผลการค้นหาบน SERP เริ่มต้นด้วยการตรวจสอบผลการค้นหาบน Google เพื่อดูว่าคีย์เวิร์ดที่คุณต้องการทำ SEO นั้นมีลักษณะการแสดงผลแบบใด เช่น หากค้นหาคำว่า “วิธีทำต้มยำกุ้ง” แล้วพบว่าผลลัพธ์ส่วนใหญ่เป็นบทความสอนทำอาหารแบบขั้นตอน คุณก็ควรสร้างคอนเทนต์ในรูปแบบเดียวกัน
  2. จับคู่รูปแบบคอนเทนต์กับ Search Intent เพราะ Search Intent แต่ละประเภทต้องการรูปแบบคอนเทนต์ที่แตกต่างกัน เช่น Informational Intent ต้องการบทความให้ความรู้ที่ละเอียดและครบถ้วน ในขณะที่ Transactional Intent ต้องการหน้าสินค้าที่มีข้อมูลราคาและวิธีการสั่งซื้อที่ชัดเจน
  3. ใช้คีย์เวิร์ดให้ตรงกับความต้องการ นำข้อมูลจากการวิจัยคีย์เวิร์ดมาใช้อย่างชาญฉลาด โดยเน้นการใช้ Long-tail Keywords ที่สะท้อนความต้องการของผู้ใช้งานได้ชัดเจน และ LSI Keywords เพื่อเพิ่มความครอบคลุมของเนื้อหา
  4. สร้างโครงสร้างเนื้อหาที่ตอบโจทย์ จัดเรียงเนื้อหาให้เป็นระเบียบและเข้าใจง่าย ตามหลัก On-Page SEO เช่น การเขียน Title Tags และ Meta Descriptions, การใช้ Heading Tags (H1-H6), การทำ Schema Markup, การจัดรูปแบบเนื้อหาให้อ่านง่ายและเป็นมิตรกับผู้ใช้งาน ฯลฯ พร้อมทั้งเพิ่ม Internal Links และ External Links ที่เกี่ยวข้องเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับบทความ SEO

สรุป

สรุปว่า Search Intent คือเจตนาของคนที่ใช้ในการค้นหาสิ่งต่าง ๆ บน Search Engine ซึ่งเป็นแนวทางการทำ SEO ที่เห็นผลชัดเจนต่อการติดอันดับบนหน้าแรกและการเพิ่มขึ้นของ Organic Traffic จำนวนมาก หลัก ๆ แล้ว การทำคอนเทนต์ให้ตรงกับ Search Intent คือต้องคำนึงถึงความต้องการของผู้ใช้เป็นหลัก ลองเอาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์นั้นดูว่าถ้าเราจะค้นหาคีย์เวิร์ดคำนี้ เราอยากมองเห็นอะไรบ้าง? ซึ่งคุณสามารถตรวจสอบ Search Intent ของคีย์เวิร์ดที่เลือกมาได้จากการค้นหาจริงบน Google แล้วดูว่าเนื้อหาที่ติดอันดับต้น ๆ มี Search Intent แบบไหน เพียงแค่คุณเข้าใจหลักการและรู้ความต้องการของผู้ใช้ คุณก็จะสามารถทำเว็บไซต์ให้ติดหน้าแรกได้ไม่ยาก

บทความที่เกี่ยวข้อง

Broken Link คืออะไร วิธีตรวจสอบและขั้นตอนแก้ไขลิงก์เสีย

เหตุผลที่ทำให้เจ้าของธุรกิจและองค์กรต่าง ๆ หันไปจ้างเอเจนซี่รับทำ SEO ให้มาดูแลเว็บไซต์ให้ก็คือการครองอันดับสูงสุดบน Google ที่มาพร้อมกับ Website Traffic และผลกำไรของธุรกิจที่เติบโตขึ้น แต่เว็บไซต์ของ
11

Google Site คืออะไร สร้างเว็บไซต์ฟรีง่าย ๆ ในไม่กี่ขั้นตอน

มือใหม่อยากเริ่มต้นทำเว็บไซต์ด้วยตัวเอง ไม่ต้องเครียดหรือกลุ้มใจเรื่องค่าใช้จ่ายอีกต่อไป ANGA ขอแนะนำให้คุณรู้จักกับ Google Site คือเครื่องมือการสร้างเว็บไซต์ฟรีจาก Google ที่สามารถใช้งานร่วมกับ Googl
14

Storytelling คืออะไร ดีต่อแบรนด์อย่างไร และวิธีทำที่เห็นผลจริง

เรื่องราว (Story) ของแบรนด์สามารถทำให้แบรนด์ดูโดดเด่น น่าสนใจ และมีความแตกต่างจากคู่แข่งในทางที่ดีในสายตาของผู้บริโภค ทำให้ผู้บริโภคจดจำแบรนด์ได้เป็นอย่างดี จนเปลี่ยนสถานะจากคนรู้จักมาเป็นลูกค้าในท้าย
10
th