SERP คืออะไร ใครที่อยากให้อันดับ SEO พุ่งต้องรู้จักสิ่งนี้

ทุกวันนี้ใคร ๆ ก็ใช้เครื่องมือค้นหาอย่าง Google  ในการหาข้อมูลหรือดูข่าวสารที่อยู่ตามเว็บไซต์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใกล้ตัวอย่างสุขภาพ ความบันเทิง หรือจะเป็นเรื่องที่ตัวเองสนใจก็ตาม ซึ่ง “SERP” หรือ “Google SERP” ก็เป็นสิ่งที่คุณเห็นและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพียงแต่อาจจะไม่รู้ว่าสิ่งนี้คือ SERP เท่านั้นเอง ใครที่เป็นนักการตลาด นักยิงโฆษณา หรือต้องการทำ SEO บนเว็บไซต์ห้ามพลาดบทความนี้เป็นอันขาด เพราะ ANGA จะมาอธิบายให้คุณเข้าใจว่า SERP คืออะไร พร้อมกับแนะนำแนวทางการทำ SEO แบบใหม่ เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับบน SERP อย่างยั่งยืน!

SERP คืออะไร? และย่อมาจากอะไร

SERP คือหน้าแสดงผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหา เป็นหน้าเว็บที่แสดงรายการผลลัพธ์ที่เกี่ยวข้องกับคำหรือวลีที่ผู้ใช้ป้อนเข้าไปในช่องค้นหา เมื่อคุณพิมพ์อะไรสักอย่างลงไปใน Google, Bing หรือเครื่องมือค้นหาอื่น ๆ แล้วกดค้นหา หน้าที่ปรากฏขึ้นมาพร้อมกับลิงก์และข้อมูลต่าง ๆ นั่นแหละคือ SERP ซึ่งคำว่า SERP ย่อมาจาก Search Engine Results Page ส่วน Google SERP ก็คือหน้าแสดงผลลัพธ์จากการค้นหาของ Google นั่นเอง

การทำงานของ SERP เป็นอย่างไร

1. ผู้ใช้งานค้นหาข้อมูลด้วยคีย์เวิร์ด (คำหรือวลี) บนเครื่องมือค้นหา
2. เครื่องมือค้นหาจะวิเคราะห์และพยายามเข้าใจว่าผู้ค้นหาต้องการข้อมูลอะไร ด้วยเจตนาแบบไหน
3. แสดงผลให้แก่ผู้ค้นหาในรูปแบบของลิสต์รายชื่อเว็บไซต์ 10 อันดับ/หน้า (เว็บไซต์ที่แสดงผลบน SERP จะเป็นเว็บไซต์ที่มีการปรับปรุงและสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ ตรงตามความต้องการของอัลกอรึทึมเท่านั้น)

ตัวอย่างการทำงานของ SERP

ผู้ค้นหาต้องการมองหาเอเจนซี่เข้ามาช่วยดูแลเว็บไซต์ของธุรกิจ จึงได้ค้นหาข้อมูลด้วยคีย์เวิร์ดคำว่า “บริษัทรับทำ SEO” บน Google Search อัลกอริทึมของ Google จึงค้นหาเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาตรงกับความต้องการของผู้ค้นหามากที่สุด ก็คือหน้าเว็บไซต์ที่รวบรวมข้อมูลของบริษัทรับทำ SEO หลาย ๆ แห่งเอาไว้ เพื่อใช้ในการเปรียบเทียบและพิจารณา ซึ่งเนื้อหาจะต้องมีคุณภาพด้วยจึงจะติดอันดับการค้นหาในอันดับ 1 และลดลั่นกันไปตามลำดับการแสดงผลบนหน้า SERP

SERP ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง

องค์ประกอบที่แสดงอยู่บน Google SERP มีอยู่หลายอย่างมาก ซึ่งรายละเอียดของแต่ละองค์ประกอบหรือแม่แต่สิ่งที่ปรากฏขึ้นมาบน SERP บนหน้าจอของผู้ค้นหาแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน โดยจะขึ้นอยู่กับ Serach Intent และความหมายของสิ่งที่คุณค้นหา อย่างไรก็ตามเรามาทำความรู้จักกับองค์ประกอบของ SERP กันดีกว่าว่ามีอะไรกันบ้าง

• Meta Title : ชื่อหัวข้อของหน้าเว็บไซต์หรือข้อความอธิบายเนื้อหาในหน้านั้นที่เป็นประโยคสั้น ๆ 
• Meta Description : คำอธิบายสั้น ๆ เกี่ยวกับเนื้อหาของหน้าเว็บไซต์ ซึ่งจะปรากฏอยู่ใต้  Meta Title
• URL : ที่อยู่ของเว็บไซต์
• Image Results : ผลการค้นหาที่เป็นรูปภาพ
• Video Results : ผลการค้นหาที่เป็นวิดีโอ (มักจะดึงมาจาก YouTube ซึ่งถ้าคุณทำ YouTube SEO ด้วยก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสในการที่ Google จะดึงเอาวิดีโอของคุณมาแสดงบน SERP) 
• Google Maps : ผลการแสดงผลที่เป็นแผนที่ตั้ง ซึ่งมักจะแสดงผลบน Google SERP ตอนที่คุณค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ ร้านอาหาร ห้าง หรือบริษัทต่าง ๆ 
• Featured Snippet : ชุดข้อความที่ Google ดึงจากหน้าเว็บไซต์นั้นมาแสดงอยู่บนสุดของ SERP (อันดับ 0)
• People also search for : ฟีเจอร์การแนะนำคีย์เวิร์ดที่ใช้ในการค้นหาเพิ่มเติม

รูปแบบการแสดงผลบน Google SERP

รูปแบบการแสดงผลบน Google SERP มีอยู่ 2 รูปแบบหลัก ๆ ดังนี้

Organic SERP Listing

Organic SERP Listing คือการแสดงผลการค้นหาแบบธรรมชาติ โดยที่เจ้าของเว็บไซต์ไม่ต้องทำการจ่ายเงินซื้อโฆษณาแต่อย่างใด ถ้าเว็บไซต์ใดอยู่ในตำแหน่งแรก ๆ ก็แปลว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าเว็บไซต์อื่น ๆ ในสายตาของ Google

Paid SERP Listing

Paid SERP Listing คือการแสดงผลการค้นหาที่เจ้าของเว็บไซต์หรือผู้ลงโฆษณาเสียเงินให้แก่ Google ซึ่งจะมีการระบุคำว่า “Sponsored” , “Ads”  หรือ “โฆษณา” ระบุอยู่หน้าเว็บไซต์ ถ้าคุณอยากให้เว็บไซต์ของคุณอยู่ในตำแหน่งบนสุดที่คนมองเห็นง่าย ๆ คุณก็ต้องประมูลคีย์เวิร์ดชนะคู่แข่งให้ได้ และเสียค่าใช้จ่ายในการยิงโฆษณา Google Ads นั่นเอง

Google SERP สำคัญกับการทำ SEO อย่างไร?

Google SERP หรือหน้าแสดงผลการค้นหาเป็นเหมือนสนามประลองที่เปิดให้ธุรกิจต่าง ๆ มาแข่งขันความสามารถในการดึงดูดความสนใจของผู้คนบนโลกดิจิทัล ซึ่ง SERP ก็จะแสดงผลทั้งในส่วนของ Organic และ Advertising ควบคู่กันไป แต่การครองตำแหน่งบน Google SERP ด้วย SEO นั่นไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะคุณจะต้องงัดกลยุทธ์เด็ด ๆ สร้างคอนเทนต์คุณภาพเยี่ยม และปรับปรุงเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพเพียงพอ จึงจะถูก Google นำเว็บไซต์ไปแสดงผลให้กับผู้ใช้งานเห็น

ทำไม SERP ถึงสำคัญ? ก็เพราะว่า SERP เป็นที่ที่คนเห็นเว็บไซต์ของคุณครั้งแรก ถ้าเว็บไซต์คุณอยู่อันดับต้น ๆ บน SERP โอกาสที่คนจะคลิกเข้ามาจึงสูงกว่าอันดับอื่น ๆ แถมยังทำให้เว็บไซต์มีความน่าเชื่อถือมากขึ้นด้วย นอกจากนี้ SERP ยังช่วยให้คุณรู้ว่าคู่แข่งทำอะไรอยู่ และรู้อยู่เหนือหรือต่ำกว่าคู่แข่งในเรื่องอะไรบ้าง ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะมีประโยชน์ต่อการปรับปรุงประสิทธิภาพของเว็บไซต์และ SEO

ปัจจัยที่ส่งผลต่อการแสดงผลบน SERP คืออะไร

การแสดงผลบน SERP ไม่ได้เกิดขึ้นแบบสุ่มหรือเรียงตามตัวอักษรแต่อย่างใด แต่ผ่านการวิเคราะห์และประมวลผลจากเครื่องมือค้นหามาแล้วว่าเว็บไซต์ใด ควรอยู่ในตำแหน่งไหน ติดอันดับที่เท่าไหร่บน SERP ในแต่ละวัน โดยปัจจัยที่ส่งผลต่อการแสดงผลของ SERP ขึ้นอยู่กับหลากหลายปัจจัย แน่นอนว่าถ้าเป็นฝั่งของการยิงโฆษณา Google Ads ก็จะเป็นเรื่องของเม็ดเงินเป็นหลัก แล้วถ้าเป็นฝั่ง SEO ที่มีการแสดงผลแบบ Organic ล่ะ? อันนี้ก็จะอยู่ที่เทคนิคและกลยุทธ์ในการทำ SEO เป็นหลัก

วิธีทำ SEO ให้ติดอันดับแบบเดิม ๆ จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่ On-Page SEO, Off-Page SEO และ Technical SEO แต่ในตอนนี้กลยุทธ์การทำ SEO ให้ติดอันดับมันลึกซึ้งและซับซ้อนยิ่งกว่าเดิม เพราะการเข้ามาของแพลตฟอร์มและเครื่องมือ AI ทั้งหลาย ด้วยเหตุนี้จึงเกิดเป็นแนวทางใหม่ที่ชื่อว่า ASEO (Adaptive Search Engine Optimization) ขึ้น ซึ่ง ASEO มาพร้อมกับ 7 องค์ประกอบสำคัญอันเป็นปัจจัยที่จะทำให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับการค้นหาบน Google SERP ในปี 2024 และปี 2025 ที่จะถึงในอนาคตนี้ด้วย

7 องค์ประกอบสำคัญของ ASEO (7 SEO Hacks)

1. Technical Issues : ปัญหาเชิงเทคนิคของเว็บไซต์และ SEO
2. SXO (Search Experience Optimization) : การปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้งาน (UX) ให้สอดคล้องกับการทำ SEO
3. External Signal : สัญญาณจากภายนอกเว็บไซต์
4. Link Building : การสร้างลิงก์จากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ หรือ Backlink
5. SILO-based Structure : การจัดระเบียบเนื้อหาบนเว็บไซต์ให้เป็นหมวดหมู่อย่างชัดเจน
6. High-quality Content : การสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพสูง
7. Keyword Research & Intent : การค้นหาคีย์เวิร์ดที่ใช่พร้อมกับทำความเข้าใจเจตนาของผู้ค้นหา

บทสรุปส่งท้าย

SERP คือเครื่องมือสำคัญในการวัดความสำเร็จของธุรกิจในการทำ SEO และเป็นช่องทางหลักในการเข้าถึงลูกค้าในโลกออนไลน์ การติดอันดับสูง ๆ บน Google SERP ไม่เพียงแต่จะเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจ แต่ยังสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ดังนั้น การลงทุนในการทำ SEO อย่างต่อเนื่องและการสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าจึงเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ (แนะนำอิงตามแนวทางใหม่ หรือ ASEO) ในท้ายที่สุด SERP ไม่ใช่เพียงหน้าที่แสดงรายการลิงก์ แต่เป็นภาพสะท้อนของโลกดิจิทัลที่เราใช้งานกันอยู่ในทุก ๆ วันด้วย