1. หน้าหลัก
  2. อัปเดตการตลาด
  3. URL คืออะไร URL เว็บไซต์สำคัญอย่างไร พร้อมแนบตัวอย่าง
URL คือ
เผยแพร่เมื่อ: กุมภาพันธ์ 28, 2025 | แก้ไขเมื่อ: มีนาคม 28, 2025

URL คืออะไร URL เว็บไซต์สำคัญอย่างไร พร้อมแนบตัวอย่าง

Table Of Contents

URL คือสิ่งที่คุณพบเห็นได้ในชีวิตประจำวัน เมื่อมีการเข้าไปใช้งานอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะเมื่อคุณมีการเข้าไปใช้งานเว็บไซต์หรือค้นหาข้อมูลผ่านเบราว์เซอร์ต่าง ๆ คุณต้องเคยเห็น URL เว็บไซต์มาแล้วอย่างแน่นอน เพียงแต่คุณอาจจะไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคือ URL เว็บไซต์ ซึ่ง URL คือสิ่งที่มีความสำคัญมากในการผลักดันเว็บไซต์ธุรกิจให้เติบโต อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของการทำ SEO และอันดับเว็บไซต์บน Google Search ด้วย เพื่อลดการสับสนของหลาย ๆ คน ANGA จึงอยากจะชวนคุณมาทำความเข้าใจว่า URL คืออะไร ทำหน้าที่อะไร อยู่ตรงไหน ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง และ URL มีความสำคัญอย่างไรกับเว็บไซต์ พร้อมทั้งนำเทคนิคการตั้ง URL ให้มีประสิทธิภาพมาฝากกันด้วย

URL คืออะไร

URL คือชุดข้อความที่ใช้ในการระบุตำแหน่งที่อยู่ของข้อมูลต่างๆ บนอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นหน้าเว็บ รูปภาพ วิดีโอ หรือไฟล์ดิจิทัลอื่น ๆ โดยจะประกอบด้วยโปรโตคอล (Protocol) ซึ่งเป็นมาตรฐานการสื่อสารข้อมูล เช่น http:// หรือ https:// ตามด้วยชื่อโดเมน (Domain name) ที่เป็นชื่อเฉพาะของเว็บไซต์นั้น ๆ หรือที่อยู่ของข้อมูล ได้แก่ IP Address และอาจมีเส้นทาง (Path) เพิ่มเติมที่ระบุตำแหน่งเฉพาะของข้อมูลภายในเว็บไซต์ด้วย เมื่อเราพิมพ์ URL ไปบนแถบการค้นหาเบราว์เซอร์ ระบบก็นำเราไปสู่หน้าเว็บไซต์ที่ต้องการ สามารถดูตัวอย่าง URL และคำตอบว่า URL อยู่ตรงไหนได้จากภาพประกอบด้านล่างนี้เลย

URL คือ

URL ย่อมาจาก Uniform Resource Locator ถูกพัฒนาขึ้นในปี 1992 โดย Tim Berners-Lee (ทิม เบอร์เนิร์ส-ลี) ซึ่ง URL เป็นส่วนหนึ่งที่ใช้ในการพัฒนา World Wide Web (www) URL ถูกออกแบบให้เป็นระบบมาตรฐานในการระบุตำแหน่งและเข้าถึงข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต มีการใช้สัญลักษณ์ขีดทับ (/) ในการแบ่งลำดับชั้นของข้อมูล ทำให้สามารถจัดการและเข้าถึงข้อมูลจำนวนมากได้อย่างเป็นระบบ หลักการนี้ยังคงใช้เป็นมาตรฐานของการท่องเว็บมาจนถึงปัจจุบัน

7 องค์ประกอบหลักของ URL

URL เว็บไซต์ประกอบด้วย 7 องค์ประกอบหลัก ซึ่งแต่ละองค์ประกอบก็จะมีการทำงานร่วมกันเพื่อระบุตำแหน่งและวิธีการเข้าถึงข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต เมื่อเราเข้าใจว่าองค์ประกอบแต่ละส่วนคืออะไร จะช่วยให้เราสามารถอ่าน กำหนด และใช้งาน URL ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

URL Structure

ขอบคุณภาพจากเว็บไซต์ Sitechecker

  1. โปรโตคอล (Protocol/Scheme) เป็นส่วนแรกของ URL ที่บอกวิธีการเข้าถึงข้อมูล เช่น ftp://, http:// หรือ https:// ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน เพราะมีการติดตั้งใบรับรอง SSL เพื่อยืนยันการเชื่อมต่อที่ปลอดภัย
  2. โดเมนย่อย (Subdomain) เช่น www., blog. หรือ shop. ซึ่งจะอยู่ก่อนโดเมนหลัก ใช้ในการแบ่งเว็บไซต์เป็นส่วนย่อย
  3. โดเมนหลัก (Domain Name) ชื่อหลักของเว็บไซต์ที่ผู้ใช้จดจำได้ เช่น anga, google, facebook, amazon ฯลฯ เป็นส่วนที่ต้องจดทะเบียนและไม่ซ้ำกับผู้อื่น
  4. โดเมนระดับบนสุด (Top-Level Domain) นามสกุลที่ต่อท้ายโดเมนหลัก บอกประเภทของเว็บไซต์ เช่น .com (ธุรกิจ), .org (องค์กร), .edu (การศึกษา) หรือรหัสประเทศ เช่น .th, .uk, .jp
  5. เส้นทาง (Path) ขึ้นต้นด้วยเครื่องหมาย / เช่น /products, /about, /contact ใช้สำหรับระบุตำแหน่งของหน้าหรือไฟล์ในเว็บไซต์
  6. คิวรีสตริง (Query String) ใช้ส่งข้อมูลหรือพารามิเตอร์เพิ่มเติม ขึ้นต้นด้วยเครื่องหมาย ? เช่น ?id=123 หรือ ?search=keyword
  7. แฟรกเมนต์ (Fragment) ขึ้นต้นด้วยเครื่องหมาย # เช่น #section1, #top, #footer ใช้ระบุตำแหน่งเฉพาะในหน้าเว็บ

URL มีความสำคัญอย่างไรกับเว็บไซต์

ยุคนี้เป็นยุคที่แต่ละธุรกิจต่างมุ่งสู่การขายของบนโลกออนไลน์เป็นหลัก โดยเฉพาะช่องทางเว็บไซต์ที่คุณสามารถสร้างให้เป็นเว็บขายของหรือ E-Commerce ที่มีระบบสินค้าและการชำระเงินอย่างครบครัน ทำให้ URL กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้เว็บไซต์เติบโตและประสบความสำเร็จ นอกจากเป็นที่อยู่สำหรับเข้าถึงข้อมูลแล้ว URL ยังส่งผลโดยตรงต่อการทำ SEO และอันดับการแสดงผลบน Google ด้วย เพราะ URL ที่ดีจะช่วยให้ทั้งผู้ใช้และ Search Engine (เครื่องมือค้นหาอย่าง Google) เข้าใจเนื้อหาของเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้เว็บไซต์มีโอกาสติดอันดับต้น ๆ และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในวงกว้าง

เข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว

URL เป็นกุญแจสำคัญในการเชื่อมต่อระหว่างผู้ใช้กับข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต ช่วยให้สามารถเข้าถึงเว็บไซต์ ไฟล์ รูปภาพ หรือข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ เมื่อมีการแชร์ลิงก์ ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้โดยตรง โดยไม่ต้องค้นหาผ่านหลายขั้นตอน ทำให้การใช้งานเว็บไซต์มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ช่วยให้โครงสร้างเว็บไซต์แข็งแกร่ง

URL มีบทบาทสำคัญในการจัดระเบียบและแบ่งหมวดหมู่เนื้อหาภายในเว็บไซต์ การออกแบบโครงสร้าง URL ที่ดีจะช่วยให้เว็บไซต์มีระบบการจัดการที่เป็นระเบียบ ง่ายต่อการดูแลและอัปเดตข้อมูล รวมถึงช่วยให้ผู้ใช้สามารถคาดเดาตำแหน่งของข้อมูลที่ต้องการได้ง่ายขึ้นด้วย

ช่วยอันดับ SEO บน Google

URL เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการจัดอันดับในผลการค้นหา การใช้คีย์เวิร์ดที่เหมาะสมใน URL จะช่วยให้ Google เข้าใจเนื้อหาของหน้าเว็บได้ดีขึ้น นอกจากนี้ URL ที่สั้น กระชับ และมีความหมาย ยังช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับ Web Traffic จากผู้ใช้งานในหน้าผลการค้นหาอีกด้วย

ทำให้แบรนด์เป็นที่จดจำ

URL ที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดีและถูกต้องตามหลัก จะช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งาน ทำให้จดจำที่อยู่เว็บไซต์ได้ง่าย สร้างความน่าเชื่อถือ และช่วยให้เข้าใจเนื้อหาของหน้าเว็บได้ทันทีก่อนคลิกเข้าชม ซึ่งส่งผลดีต่อการสร้างแบรนด์และการทำการตลาดออนไลน์ในระยะยาว

URL Friendly

10 วิธีสร้าง URL เว็บไซต์ให้ตอบโจทย์การทำ SEO

การสร้าง URL เว็บไซต์ ที่เหมาะสมเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ URL ที่ดีไม่เพียงช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจเนื้อหาได้ทันที แต่ยังช่วยให้ Google และ Search Engine เข้าใจเนื้อหาของหน้าเว็บได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ส่งผลให้เว็บไซต์มีโอกาสติดอันดับได้ดีขึ้น

1. วางคีย์เวิร์ดหลักไว้ช่วงต้นของ URL

เครื่องมือค้นหามักให้น้ำหนักกับคำที่อยู่ส่วนต้นของ URL มากกว่า ดังนั้นควรจัดวางคีย์เวิร์ดที่สำคัญไว้ในส่วนแรกเพื่อโอกาสในการติดอันดับที่ดี อย่างไรก็ตาม ควรระวังไม่ให้มีการยัดคีย์เวิร์ดมากเกินพอดี เพราะอาจถูกมองว่าเป็นเทคนิคบังคับจัดอันดับและกลายเป็นผลเสียแทน

2. สร้างโครงสร้างชั้นที่มีความหมาย

โครงสร้างชั้นใน URL ควรแสดงให้เห็นถึงลำดับความสัมพันธ์ของเนื้อหาอย่างชัดเจน เริ่มจากหมวดหลักไล่ลงมาถึงหมวดย่อย เช่น yourdomain.com/อาหาร/อาหารไทย/ต้มยำกุ้ง ซึ่งช่วยให้ทั้งผู้เข้าชมและโปรแกรมค้นหาเข้าใจบริบทของเนื้อหาได้ดียิ่งขึ้น

3. ใช้ตัวแยกคำด้วยขีดกลาง

Google แนะนำให้ใช้ขีดกลาง (-) แทนที่จะเป็นขีดล่าง (_) ในการแยกคำแต่ละคำใน URL เนื่องจากขีดกลางจะถูกตีความเป็นช่องว่างระหว่างคำ ในขณะที่ขีดล่างจะทำให้เครื่องมือค้นหาอ่านเป็นคำเดียวกัน การแบ่งคำที่ถูกต้องจะช่วยอำนวยความสะดวกทั้งแก่ผู้ใช้และเครื่องมือค้นหา

4. คงความสม่ำเสมอของ URL

พยายามรักษา URL ให้คงที่ ไม่เปลี่ยนแปลงบ่อยเกินไป และสร้างรูปแบบหมวดหมู่ที่ชัดเจน เพราะการเปลี่ยน URL เว็บไซต์ โดยไม่จำเป็นอาจทำให้เสียอันดับ SEO ที่สร้างไว้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยน URL ควรตั้งค่าการทำ 301 Redirect อย่างเหมาะสมเพื่อรักษาประสิทธิภาพของ SEO เอาไว้

5. ตัดข้อความให้กระชับ

URL ที่กระชับและตรงประเด็นช่วยให้จดจำและเข้าใจง่าย ควรใช้เพียง 3-5 คำสำคัญและตัดคำฟุ่มเฟือย เช่น คำนำหน้านาม หรือคำเชื่อมออกไป URL ที่สั้นทำให้แต่ละคำได้รับความสนใจจากเครื่องมือค้นหามากขึ้น ส่งผลให้มีโอกาสในการติดอันดับที่ดีกว่า

6. เลือกใช้ตัวพิมพ์เล็กทั้งหมด

เพื่อป้องกันความสับสน ควรใช้ตัวพิมพ์เล็กตลอดทั้ง URL เนื่องจากเครื่องมือค้นหาอาจแยกแยะระหว่าง URL ที่ใช้ตัวพิมพ์เล็กและตัวพิมพ์ใหญ่แตกต่างกัน ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาเนื้อหาซ้ำซ้อนและส่งผลเสียต่อการจัดอันดับในที่สุด

7. ลดจำนวนระดับโฟลเดอร์

URL ที่มีประสิทธิภาพควรมีจำนวนโฟลเดอร์น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น โครงสร้างที่เรียบง่ายจะเป็นมิตรกับการทำ SEO มากกว่า นอกจากนี้ ควรพิจารณาใช้โฟลเดอร์ย่อยแทนโดเมนย่อยเพื่อให้เครื่องมือค้นหาไม่มองว่าเป็นเว็บแยกต่างหาก

8. หลีกเลี่ยงตัวอักษรพิเศษและพารามิเตอร์

ควรงดใช้ตัวอักษรพิเศษเช่น ?, &, = ใน URL เพราะนอกจากจะทำให้ดูไม่สวยงามแล้ว ยังอาจสร้างความสับสนให้กับเครื่องมือค้นหาได้ พยายามออกแบบให้เป็น URL แบบคงที่ (Static URL) ที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปตามการโหลดหน้าเว็บในแต่ละครั้ง

9. ปรับแต่งตามภาษาและภูมิภาค

สำหรับเว็บที่มีเนื้อหาหลายภาษาหรือให้บริการหลายประเทศ URL ควรสะท้อนความแตกต่างนี้อย่างชัดเจน เช่น ใช้ /th/ สำหรับเนื้อหาภาษาไทย หรือใช้ .co.th สำหรับเว็บไซต์ไทย ระมัดระวังการใช้อักขระเฉพาะของแต่ละภาษาโดยแปลงให้อยู่ในรูปแบบที่ URL สามารถรองรับได้

10. วางแผนแผนผัง URL อย่างเป็นระบบ

การทำแผนผัง URL ของเว็บไซต์ทั้งหมดอย่างมีระบบช่วยให้การบริหารจัดการง่ายขึ้น ควรสร้าง Sitemap ที่แสดงความเชื่อมโยงของ URL ต่างๆ อย่างชัดเจน และกำหนดมาตรฐานสำหรับหน้าแต่ละประเภท เพื่อช่วยให้เครื่องมือค้นหาเข้าใจโครงสร้างเว็บไซต์ได้อย่างถูกต้อง

ตัวอย่าง URL ที่ดีและมีประสิทธิภาพ

บทสรุป

URL คือส่วนสำคัญที่จะทำให้เว็บไซต์มีความสมบูรณ์และพร้อมเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพบน Google Search ซึ่ง URL จะถูกใช้เป็นสะพานเชื่อม ระหว่างผู้ใช้งานและข้อมูลที่พวกเขาต้องการ เมื่อมีการตั้งชื่อ URL เว็บไซต์อย่างเหมาะสมแล้ว อย่างการสอดแทรกคีย์เวิร์ดสำคัญลงไปใน URL ของบทความ SEO จะทำให้ Search Engine เข้าใจว่าหน้าที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไรและจะเข้าไปอ่านเนื้อหาในหน้านั้น หากคุณเขียนเนื้อหาได้ดี มีความเกี่ยวข้องกับชื่อ URL ระบบก็จะดันเว็บไซต์ให้ไปติดอันดับบนหน้าแสดงผลการค้นหา ส่งผลให้มีผู้ใช้งานมองเห็นเว็บไซต์จำนวนมาก ปริมาณ Traffic เพิ่มขึ้น และช่วยเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าได้เป็นอย่างดี ใครที่เห็นว่า URL เว็บไซต์ตัวเองมีการกำหนดหรือเรียบเรียงได้ไม่ถูกต้อง สามารถปรึกษานักพัฒนาเว็บไซต์เพื่อแก้ไขในส่วนนี้เลย

บทความที่เกี่ยวข้อง

Google เผยเอกสาร 8 วิธีทำให้เว็บไซต์คุณติด AI Search ทุกตัว

จาก SEO (Search Engine Optimization) สู่ AI Search Optimization ตอนนี้คุณไม่ต้อง ‘งม’ เองอีกต่อไป ว่าจะต้องปรับตัวยังไงดี เพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้ Google ได้เปิดตัว Google AI Mode และ Gemini โมเดลใหม่ ๆ ข
44

Google AI Mode ฟีเจอร์ใหม่ที่จะทำให้วงการ SEO สั่นสะเทือน

งาน Google I/O 2025 ปีนี้ Google ได้นำเปิดตัวเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่น่าสนใจมากมาย แต่สิ่งที่เป็นไฮไลต์เด็ดของงานนี้ก็คือ “Google AI Mode” ฟีเจอร์สุดล้ำที่นำ Gemini 2.5 (โมเดลที่ฉลาดที่สุดของ Google) ม
152

ANGA เปิดรับสมัคร AMC รุ่น 2 (2025)

กลับมาอีกครั้งตามคำเรียกร้องกับโครงการ AMC (ANGA Management Candidates) รุ่น 2 ที่ใคร ๆ หลายคนต่างรอคอย หลังจากที่โครงการ AMC รุ่น 1 ประสบความสำเร็จและได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างมาก  เพราะเป็นโครง
141
th