
อัปเดตกลยุทธ์ SEO 2025 พาเว็บไซต์ไต่อันดับสูงบน Google
SEO คือกลยุทธ์การตลาดที่จะทำให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับและเติบโตอย่างยั่งยืนบน Search Engine อย่าง Google ผ่านการปรับปรุงเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพตรงตามเกณฑ์ที่ Search Engine ต้องการ รวมถึงการสร้างคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคด้วย หรือที่เรียกว่า Marketing SEO การทำ SEO เป็นวิธีที่นานาธุรกิจเลือกใช้ในการทำการตลาดในตอนนี้ บางคนอาจจะลงมือทำ SEO โดยมีเพียงความรู้จากการลงคอร์สเรียน เน้นทำตามทฤษฎี และไร้ซึ่งการวางกลยุทธ์ SEO (SEO Strategy) ใด ๆ หากเป็นเช่นนี้อาจทำให้ผลลัพธ์ออกมาไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็นได้ นอกจากวิธีทำ SEO ติดหน้าแรกหลัก ๆ ทั่วไปแล้ว คุณใช้กลยุทธ์ SEO ที่เหมาะสมร่วมด้วย มาดูกันว่าวันนี้ ANGA จะมีกลยุทธ์ SEO อะไรมาฝากกันบ้าง พร้อมอธิบายความสำคัญของการใช้กลยุทธ์ในการทำ SEO ให้ทราบกันด้วย
กลยุทธ์ SEO คืออะไร
กลยุทธ์ SEO คือการวางแผนและดำเนินการตามขั้นตอนที่ชัดเจนเพื่อพัฒนาเว็บไซต์ให้ติดอันดับบนหน้าผลการค้นหาของ Google โดยครอบคลุมตั้งแต่การวิจัยคำค้นหา (Keyword Research) การวิเคราะห์คู่แข่ง และการปรับแต่งส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ให้ตรงตามมาตรฐานของ Search Engine ซึ่งการวางกลยุทธ์ SEO ที่มีประสิทธิภาพจำเป็นต้องมีการกำหนดเป้าหมายและแผนการดำเนินงานที่ชัดเจน พร้อมทั้งเตรียมแนวทางรองรับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น เช่น การอัปเดตอัลกอริทึมของ Google หรือการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ของคู่แข่ง ผู้ที่ทำ SEO จึงต้องติดตามข้อมูลข่าวสารและการอัปเดตใหม่ ๆ อยู่สม่ำเสมอ
ความสำคัญของการวางกลยุทธ์ SEO
การวางกลยุทธ์ SEO มีความสำคัญและจำเป็นต่อการพัฒนาเว็บไซต์ให้ติดอันดับบน Google เพราะเป็นการกำหนดแผนงานและเป้าหมายอย่างชัดเจน ทำให้เจ้าของเว็บไซต์รู้ว่าต้องทำอะไรบ้างเพื่อเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ สร้างยอดขาย หรือสร้างการรับรู้แบรนด์ของคุณ กลยุทธ์ SEO ที่ดีช่วยให้เข้าใจว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณต้องการอะไร พวกเขาค้นหาข้อมูลด้วยคำอะไร และชอบเนื้อหาแบบไหน ข้อมูลเหล่านี้มีประโยชน์มากในการสร้างเนื้อหาและปรับปรุงเว็บไซต์ให้ตรงกับสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการ ซึ่งเป็นสิ่งที่ Google ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
- รู้จักกลุ่มเป้าหมาย รู้ว่ากลุ่มเป้าหมายต้องการอะไรจากการค้นหา
- สามารถเลือกคีย์เวิร์ด (Keyword) ที่เหมาะสมกับธุรกิจได้
- ทราบว่าควรใช้คีย์เวิร์ดแบบไหน ในการกระตุ้นยอดขายหรือเพิ่ม Traffic
- ทำให้ทิศทางการทำ SEO และการสร้างคอนเทนต์มีความชัดเจน
- ปรับปรุงเว็บไซต์ให้เป็นมิตรกับ Search Engine ได้อย่างถูกต้อง
- สามารถติดตามและวัดผลการทำ SEO ได้อย่างเป็นระบบและแม่นยำ
หากคุณเริ่มต้นลงมือทำ SEO โดยไร้การวางแผนหรือใช้กลยุทธ์ อาจทำให้เกิดผลเสียต่อธุรกิจมากกว่าที่คิดได้ อย่างแรกเลยคือการเสียเวลาในการทุ่มเทไปกับวิธีทำ SEO แบบไม่มีทิศทาง ต่อมาคือการเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น จากการทำงานที่ผิดพลาด เพราะไม่มีแบบแผน และสุดท้ายเลยคือเว็บไซต์ดูไม่มีความน่าเชื่อถือ ทำให้ไม่ถูกดึงไปจัดอันดับนั่นเอง
3 กลยุทธ์ SEO (SEO Strategy) ที่น่าสนใจในปี 2025
กลยุทธ์ SEO ก็เหมือนกลยุทธ์การตลาด (Marketing Strategy) ตรงที่มีหลากหลายแนวคิด หลากหลายวิธีการ และมีการใช้เทคนิคที่แตกต่างกันออกไป บริษัทรับทำ SEO แต่ละแห่งก็จะมีการใช้กลยุทธ์ SEO ที่แตกต่างกัน ซึ่งบางคนก็อาจจะนำประสบการณ์ที่เคยพบเจอมาปรับใช้ จนทำให้ค้นพบกลยุทธ์ที่ได้ผลจริง และเกิดเป็นกลยุทธ์ SEO ใหม่ ๆ ขึ้นมาได้ ซึ่งรวมไปถึงกลยุทธ์การทำ SEO สำหรับธุรกิจต่าง ๆ อย่าง SEO Ecommerce หรือ SEO คลินิกความงามด้วยเช่นกัน เพราะเหตุนี้กลยุทธ์ SEO จึงเป็นเหมือนแนวทางที่คุณสามารถเลือกให้เหมาะกับเป้าหมายของธุรกิจได้ และในวันนี้แองก้าก็ได้คัดเลือกกลยุทธ์ SEO ที่น่าสนใจมาให้คุณรู้จักกัน ตามไปดูกันว่าจะมีกลยุทธ์ใดกันบ้าง
1. ASEO
ASEO หรือ Adaptive Search Engine Optimization คือกลยุทธ์การทำ SEO รูปแบบใหม่ที่มุ่งเน้นการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี โดยเฉพาะในยุคที่ AI เข้ามามีบทบาทสำคัญ แนวคิดหลักของ ASEO คือการพัฒนาเว็บไซต์ให้ติดอันดับได้ดีทั้งบน Search Engine และแพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนด้วย AI พร้อมกับการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้ใช้งาน
- Technical Issues การทำ SEO Audit เพื่อจัดการปัญหาเชิงเทคนิคของเว็บไซต์
- SXO (Search Experience Optimization) การปรับแต่งเว็บไซต์ให้ตอบโจทย์ทั้ง SEO และประสบการณ์ผู้ใช้
- External Signal สัญญาณจากภายนอกที่ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์
- Link Building การสร้างลิงก์ที่มีคุณภาพจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ โดยเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ
- SILO-based Structure การจัดระเบียบเนื้อหาให้เป็นหมวดหมู่ชัดเจน เชื่อมโยงเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกันด้วย Internal Link
- High-quality Content การสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพสูงตามหลัก E-E-A-T Factor
- Keyword Research & Intent การวิจัยคำค้นหาและทำความเข้าใจเจตนาของผู้ใช้ เพื่อสร้างเนื้อหาที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้มากที่สุด
2. Semantic SEO
Semantic SEO คือกลยุทธ์การทำ SEO ที่ให้ความสำคัญกับการสร้างเนื้อหาที่มีความหมายและบริบทที่ครบถ้วน มุ่งเน้นการเข้าใจเจตนาของผู้ใช้งานและสร้างเนื้อหาที่ตอบโจทย์อย่างครอบคลุม ไม่ใช่เพียงแค่การใส่คำค้นหาลงในเนื้อหาเท่านั้น แต่เป็นการพัฒนาเนื้อหาที่มีคุณภาพและเชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ ซึ่ง Semantic SEO จะช่วยให้ Google เข้าใจความหมายและบริบทของเนื้อหาได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้เว็บไซต์มีโอกาสติดอันดับในตำแหน่งที่ดี ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มอันดับการค้นหาเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้ใช้งาน เหมาะสำหรับการทำ SEO ในยุคที่ Google ให้ความสำคัญกับคุณภาพของเนื้อหามากกว่าปริมาณ
- Silo Based Structure การจัดโครงสร้างเนื้อหาที่เกี่ยวข้องให้อยู่ในหมวดหมู่เดียวกัน เชื่อมโยงด้วย Internal Link ตั้งแต่หน้าหลักถึงบทความย่อย
- URL Structured Silo การจัดโครงสร้าง URL ให้สอดคล้องกับหมวดหมู่เนื้อหา
- Topic Clustering การจัดกลุ่มเนื้อหาที่มีหน้าหลัก ครอบคลุมภาพรวมและหน้ารอง เพื่ออธิบายรายละเอียดแต่ละประเด็น
- User intent การเข้าใจเจตนาการค้นหาของผู้ใช้ เพื่อสร้างเนื้อหาที่ตอบโจทย์พวกเขา
- Contextual Relevance การใช้คำที่เกี่ยวข้อง (LSI Keywords) เพื่อให้ Google เข้าใจความหมายและจุดประสงค์ของเนื้อหาได้ชัดเจน
- NLP (Natural Language Processing) การใช้ภาษาที่เป็นธรรมชาติในการเขียนเนื้อหา
- Schema Markup การใช้โค้ดที่ช่วยให้ Google เข้าใจประเภทและความสัมพันธ์ของข้อมูลบนเว็บไซต์
- Google Knowledge Graph การเชื่อมโยงข้อมูลให้สอดคล้องกับฐานความรู้ของ Google เพื่อให้เข้าใจความสัมพันธ์ของข้อมูลได้ดียิ่งขึ้น
Link Building SEO
กลยุทธ์ Link Building เป็นกลยุทธ์ SEO ที่ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ในสายตาของ Google ผ่านการเชื่อมโยงลิงก์ทั้งภายในและภายนอกเว็บไซต์ การทำ Link Building ที่มีคุณภาพไม่เพียงช่วยเพิ่มอันดับการค้นหา แต่ยังช่วยนำทราฟฟิกมาสู่เว็บไซต์และลดอัตราการตีกลับของผู้ใช้งานด้วย
- สร้างเนื้อหาคุณภาพสูง เพื่อดึงดูด Natural Backlink จากเว็บไซต์อื่น
- เพิ่ม Internal Link เชื่อมโยงเนื้อหาภายในเว็บไซต์อย่างเป็นระบบ
- ใช้ Anchor Text ที่มีคีย์เวิร์ดสำคัญแต่เป็นธรรมชาติ
- สร้าง Infographic ที่น่าสนใจเพื่อเพิ่มโอกาสได้รับ Backlink อ้างอิงจากเว็บไซต์อื่น
บทสรุป
กลยุทธ์ SEO เป็นหนึ่งในหนทางในการทำให้เว็บไซต์ขึ้นไปอยู่ในหน้าแรกของ Google ซึ่งก็มีให้เลือกนำไปปรับใช้หลายกลยุทธ์ด้วยกัน โดยกลยุทธ์ SEO ที่น่าสนใจในปี 2025 คือ ASEO, Semantic SEO และ Link Building อย่างไรก็ตามคุณไม่จำเป็นต้องเพียงกลยุทธ์ใดกลยุทธ์หนึ่ง และไม่จำเป็นต้องใช้ครบทุกกลยุทธ์ตามที่กล่าวมา ลองเลือกกลยุทธ์ที่มีแนวคิดและแนวทางตอบโจทย์กับธุรกิจคุณที่สุด สิ่งสำคัญเลยคือคุณต้องมีการวิเคราะห์และวางแผนการทำงานที่เป็นขั้นตอนอย่างชัดเจน ไม่อย่างนั้นคุณอาจจะเลือกใช้บริการดิจิทัลเอเจนซี่ที่เชี่ยวชาญด้านการทำ SEO แทน
บทความที่เกี่ยวข้อง

Organic Traffic คืออะไร พร้อมวิธีเพิ่ม Traffic บนเว็บไซต์
