1. หน้าหลัก
  2. อัปเดตการตลาด
  3. Ahrefs คืออะไร ที่สุดของเครื่องมือ SEO จากประสบการณ์เอเจนซี่
Ahrefs คือ
เผยแพร่เมื่อ: กุมภาพันธ์ 28, 2025

Ahrefs คืออะไร ที่สุดของเครื่องมือ SEO จากประสบการณ์เอเจนซี่

Table Of Contents

Ahrefs คือหนึ่งในเครื่องมือ SEO ตัวสำคัญ ที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล วางกลยุทธ์ และติดตามผล เพื่อให้การทำ SEO (Search Engine Optimization) มีประสิทธิภาพสูงที่สุด จนผลักดันเว็บไซต์สามารถติดอันดับบนหน้าแรกของ Google ได้ ไม่ว่าคุณจะเป็นนักการตลาดออนไลน์ หรือนักทำ SEO มือใหม่ก็ตาม การเรียนรู้และเข้าใจการทำงานของเครื่องมือ SEO เหล่านี้ มีแต่ผลดีที่จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมสถานการณ์ปัจจุบัน เข้าใจจุดแข็งจุดอ่อนของตัวเองและคู่แข่ง รวมถึงรู้ว่าควรปรับปรุงส่วนใดของกลยุทธ์ SEO เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด บทความนี้จาก ANGA จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ Ahrefs อย่างละเอียด ทั้ง Ahrefs คืออะไร, Ahrefs ใช้ทำอะไร, Ahrefs มีฟีเจอร์อะไรบ้าง, วิธีใช้ Ahrefs ฯลฯ

Ahrefs

Ahrefs คืออะไร

Ahrefs คือเครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์และติดตามผลลัพธ์ในการทำ SEO แบบครบจบในเครื่องมือเดียว โดย Ahrefs ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับงาน SEO โดยเฉพาะ มาพร้อมฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่อัปเดตอย่างต่อเนื่อง ช่วยให้คุณสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดออนไลน์และวิเคราะห์คู่แข่งได้แบบเรียลไทม์ ส่วนติดต่อผู้ใช้ถูกออกแบบให้ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน ทำให้ทั้งผู้เริ่มต้นและผู้เชี่ยวชาญสามารถเข้าถึงข้อมูลและใช้งานฟีเจอร์ต่าง ๆ ได้อย่างคล่องตัว และด้วยความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ค้นหาคีย์เวิร์ด ตรวจสอบ Backlink และติดตามอันดับการแสดงผลบน Google อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้นักการตลาดและผู้ดูแลเว็บไซต์สามารถใช้ MarTech ตัวนี้ในการวางแผนกลยุทธ์และพัฒนาเว็บไซต์ได้ตรงเป้าหมายได้

Ahrefs ใช้ทำอะไรได้บ้าง

ความสามารถของ Ahrefs ครอบคลุมงานด้าน SEO อย่างครบถ้วน ทำให้เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการผลักดันเว็บไซต์ให้ประสบความสำเร็จบนโลกออนไลน์ เครื่องมือนี้ช่วยให้คุณวางแผนและพัฒนากลยุทธ์ SEO ได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น 

  • วิเคราะห์เว็บไซต์คู่แข่งแบบครบทุกมิติ
  • ค้นหาและวิเคราะห์คีย์เวิร์ดที่มีศักยภาพ
  • ตรวจสอบและติดตาม Backlink คุณภาพ
  • ติดตามอันดับการแสดงผลบน Google
  • ตรวจสอบปัญหาทางเทคนิคของเว็บไซต์
  • วิเคราะห์และวางแผนกลยุทธ์เนื้อหา

Ahrefs เหมาะสำหรับผู้ใช้งานหลายกลุ่ม ตั้งแต่เจ้าของธุรกิจที่ต้องการผลักดันเว็บไซต์ให้ติดอันดับสูง นักการตลาดดิจิทัลที่ต้องการเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ไปจนถึงนัก SEO มืออาชีพที่ต้องการเครื่องมือประสิทธิภาพสูงในการทำงาน แม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง แต่ความคุ้มค่าที่ได้รับจากฟีเจอร์ที่ครบครันและข้อมูลที่แม่นยำ ทำให้ Ahrefs เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าก็ว่าได้

แนะนำ 5 ฟีเจอร์สำคัญใน Ahrefs

Ahrefs มีฟีเจอร์หลัก ๆ ที่ใช้ในการทำ SEO แบบครบวงจรอยู่ 5 ฟีเจอร์ ดังนี้

Ahrefs Tools

1. Site Explorer

Site Explorer เป็นฟีเจอร์หลักที่ช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมประสิทธิภาพทั้งหมดของเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ Backlink ติดตามการเติบโตของ Organic Traffic หรือตรวจสอบคีย์เวิร์ดที่เว็บไซต์ติดอันดับ นอกจากนี้ยังสามารถใช้วิเคราะห์คู่แข่งเพื่อค้นหาโอกาสในการพัฒนากลยุทธ์ SEO ของคุณให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นได้ด้วย

2. Keyword Explorer

Keyword Explorer ฟีเจอร์ที่ใช้ในการทำ Keyword Research ซึ่งจะช่วยให้คุณค้นพบคีย์เวิร์ดที่มีศักยภาพสำหรับธุรกิจ โดยแสดงข้อมูลทุกอย่างที่คุณควรรู้เกี่ยวกับคีย์เวิร์ดนั้น ๆ ตั้งแต่มีคนค้นหากี่ครั้งต่อเดือน ยากง่ายแค่ไหนที่จะติดอันดับ และมีคนคลิกเข้าเว็บไซต์เท่าไร พร้อมแนะนำคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องอื่นๆ  ที่น่าสนใจ ทำให้คุณวางแผนคอนเทนต์ได้ตรงใจกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น

3. Site Audit

Site Audit ทำหน้าที่ตรวจสอบสุขภาพเว็บไซต์ เพื่อใช้ในการทำ SEO Audit ที่จะช่วยค้นหาปัญหาด้านเทคนิค SEO ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นหน้าเว็บที่โหลดช้า, ลิงก์ที่เสียหาย (Broken Link) หรือเนื้อหาที่ซ้ำซ้อนกัน (Duplicate Content) แถมยังให้คำแนะนำในการแก้ไขแบบเจาะลึกทีละจุด ทำให้คุณรู้ว่าต้องปรับปรุงอะไรบ้างเพื่อให้เว็บไซต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เรียกได้ว่าเป็นฟีเจอร์ที่ขาดไม่ได้สำหรับการดูแลเว็บไซต์ให้แข็งแรงอยู่เสมอ

4. Rank Tracker

Rank Tracker เป็นฟีเจอร์ที่ใช้สำหรับการติดตามอันดับของเว็บไซต์ ซึ่งจะคอยบอกว่าคีย์เวิร์ดที่คุณตั้งเป้าหมายไว้นั้นติดอันดับที่เท่าไรบ้าง ทั้งบนคอมพิวเตอร์และมือถือ คุณสามารถดูการเปลี่ยนแปลงของอันดับได้ทั้งรายวัน รายสัปดาห์ และรายเดือน รวมถึงรู้ด้วยว่าคีย์เวิร์ดไหนได้แสดงผลแบบพิเศษอย่าง Featured Snippet ซึ่งช่วยให้คุณปรับแต่งกลยุทธ์ได้ทันท่วงทีหากพบว่าอันดับเริ่มตกลง

5. Content Explorer

Content Explorer ทำหน้าที่เป็นคลังไอเดียคอนเทนต์ขนาดใหญ่ ที่จะช่วยให้คุณรู้ว่าเนื้อหาแบบไหนที่คนชอบอ่านและแชร์ต่อมากที่สุด เพียงใส่หัวข้อที่คุณสนใจ ระบบจะแสดงบทความยอดนิยมทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง พร้อมข้อมูลการแชร์บน Social Media จำนวน Backlink และยอดเข้าชม ทำให้คุณเห็นแนวทางในการสร้างคอนเทนต์ที่มีโอกาสประสบความสำเร็จสูง แถมยังช่วยประหยัดเวลาในการคิดหัวข้อและวางแผนเนื้อหาได้อีกด้วย

Ahrefs เวอร์ชันฟรี VS เสียเงินต่างกันอย่างไร

Ahrefs มีให้เลือกใช้ทั้งแบบฟรีและแบบเสียเงิน โดยเวอร์ชันฟรีที่เรียกว่า Webmaster Tools จะให้คุณเข้าถึง Site Explorer และ Site Audit ได้แบบจำกัด เหมาะสำหรับเจ้าของเว็บไซต์ที่ต้องการเริ่มต้นทำ SEO หรือต้องการทดลองใช้งานก่อนตัดสินใจซื้อแพ็กเกจเต็มรูปแบบ สำหรับแพ็กเกจแบบเสียเงิน Ahrefs มีให้เลือก 4 ระดับตามความต้องการใช้งาน

Ahrefs Price

เริ่มต้นที่แพ็กเกจ Lite ราคา $129 ต่อเดือน เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็ก ให้คุณสร้างโปรเจกต์ได้ 5 โปรเจกต์ ติดตามคีย์เวิร์ดได้ 750 คำ และดูข้อมูลย้อนหลังได้ 6 เดือน ส่วนแพ็กเกจยอดนิยมคือ Standard ราคา $249 ต่อเดือน ที่เพิ่มจำนวนโปรเจกต์เป็น 20 โปรเจกต์ ติดตามคีย์เวิร์ดได้ 2,000 คำ และมีฟีเจอร์เพิ่มเติมอย่าง Content Explorer มาด้วย

Ahrefs Enterprise

สำหรับทีมการตลาดที่ต้องการฟีเจอร์ขั้นสูง แพ็กเกจ Advanced ราคา $449 ต่อเดือน จะให้คุณสร้างโปรเจกต์ได้มากถึง 50 โปรเจกต์ ติดตามคีย์เวิร์ดได้ 5,000 คำ และดูข้อมูลย้อนหลังได้นานถึง 5 ปี พร้อมฟีเจอร์พิเศษอย่าง Looker Studio integration ส่วนองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการปรับแต่งการใช้งานเฉพาะทีม สามารถเลือกแพ็กเกจ Enterprise ที่เริ่มต้นที่ $1,499 ต่อเดือน ซึ่งมาพร้อมกับฟีเจอร์ครบครันและการสนับสนุนระดับองค์กร

บทสรุป

การทำ SEO ในปัจจุบันจำเป็นต้องมีเครื่องมือที่ช่วยวิเคราะห์และวางแผนกลยุทธ์อย่างแม่นยำ ซึ่ง Ahrefs คือคำตอบที่ดีที่สุด ในฐานะที่แองก้าเป็นเอเจนซี่รับทำ SEO โดยตรง เรายืนยันได้เลยว่า Ahrefs คือเครื่องมือที่เอเจนซี่ใช้งานจริง ด้วยฟีเจอร์ที่ครอบคลุมการทำงานทุกด้าน ตั้งแต่การวิเคราะห์เว็บไซต์ ค้นหาคีย์เวิร์ด ติดตามอันดับ ไปจนถึงการตรวจสอบประสิทธิภาพทางเทคนิค พร้อมทีมสนับสนุนที่พร้อมช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้การทำ SEO ของคุณเป็นเรื่องที่จัดการได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม ลองเริ่มต้นการเวอร์ชันฟรีก่อน ถ้ารู้สึกว่ามันตอบโจทย์ก็สามารถใช้งานเวอร์ชันเสียค่าใช้จ่ายตามแพ็กเกจที่เหมาะสมได้เลย

บทความที่เกี่ยวข้อง

Organic Traffic คืออะไร พร้อมวิธีเพิ่ม Traffic บนเว็บไซต์

Web Traffic คือผู้เข้าชมเว็บไซต์ ที่มีความสำคัญมาในการทำให้เว็บไซต์เติบโตและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่ง Traffic มาได้จากหลายช่องทาง อาทิ Paid, Direct, Social Media, Referral และ Organic Traffic แต่ Traf
50

Breadcrumb Navigation ป้ายนำทางบนเว็บไซต์ ที่ส่งผลดีต่อ SEO

เว็บไซต์ส่วนใหญ่มีหน้าเว็บและข้อมูลเยอะมาก อาจทำให้ผู้ใช้งานเกิดความรู้สึกสับสนและหลงทางได้ การมีตัวช่วยนำทางบนเว็บไซต์หรือ Breadcrumb Navigation ติดตั้งไว้ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับ
46

รู้จัก DeepSeek AI เอไอสัญชาติจีนที่กำลังมาแรงในตอนนี้

ต้องบอกว่าในปี 2025 นี้ แพลตฟอร์ม AI เติบโตอย่างก้าวกระโดด อีกทั้งยังตอบโจทย์การทำงานที่หลากหลายด้านได้อีกด้วย คุณสามารถใช้ AI ในการทำงานแทน อย่างเขียนบทความ สรุปข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล ค้นหาข้อมูล เขี
50
th