1. หน้าหลัก
  2. อัปเดตการตลาด
  3. Google AI Mode ฟีเจอร์ใหม่ที่จะทำให้วงการ SEO สั่นสะเทือน
Google AI Mode
เผยแพร่เมื่อ: พฤษภาคม 23, 2025 | แก้ไขเมื่อ: มิถุนายน 12, 2025

Google AI Mode ฟีเจอร์ใหม่ที่จะทำให้วงการ SEO สั่นสะเทือน

Table Of Contents

งาน Google I/O 2025 ปีนี้ Google ได้นำเปิดตัวเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่น่าสนใจมากมาย แต่สิ่งที่เป็นไฮไลต์เด็ดของงานนี้ก็คือ “Google AI Mode” ฟีเจอร์สุดล้ำที่นำ Gemini 2.5 (โมเดลที่ฉลาดที่สุดของ Google) มาช่วยให้ผู้ใช้ได้คำตอบที่ละเอียดและตรงกับความต้องการมากขึ้น ผ่านการค้นคว้าข้อมูลเชิงลึก วิเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียด และมาพร้อมแหล่งอ้างอิงที่น่าเชื่อถือได้ แต่ความพิเศษของ AI Mode ไม่ได้หมดเพียงเท่านั้น ถ้าอยากรู้ว่า Google AI Mode เจ๋งยังไง และสิ่งนี้จะทำให้ทิศทางการทำ SEO และ SEM เปลี่ยนไปมากแค่ไหน มาหาคำตอบกันในบทความนี้ พร้อมฟังความคิดเห็นและมุมมองจาก SEO Specialist หรือผู้เชี่ยวชาญด้วยการทำ SEO ของ ANGA (แองก้า) กัน

Google AI Mode คืออะไร

ย้อนกลับไปในงาน Google I/O 2024 ที่ Google เปิดตัว AI Overviews หรือฟีเจอร์บน Google Search ที่ใช้เทคโนโลยี AI มาช่วยตอบคำถามของผู้ค้นหาอย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาพฤติกรรมการค้นหาของผู้ใช้ก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไป จากการถามคำถามสั้น ๆ กลายเป็นประโยคยาว ๆ มีความซับซ้อนมากขึ้น หลากหลายมากกว่าเดิม และมีลักษณะเป็น Multimodal Questions (คำถามที่ใช้ข้อมูลหลายรูปแบบร่วมกัน เช่น ข้อความ รูปภาพ หรือเสียง เพื่อให้ AI เข้าใจและตอบได้แม่นยำยิ่งขึ้น) Google จึงได้พัฒนาและเปิดตัว AI Mode ขึ้นมา เพื่อให้ประสบการณ์ในการค้นหาข้อมูลของผู้ใช้ล้ำลึกและตอบโจทย์พวกเขามากขึ้น

Google AI Mode คือโหมดการค้นหาใหม่ล่าสุดบน Google Search ในรูปแบบของ Conversational (เชิงสนทนากับ AI) ที่ถูกยกย่องว่าเป็นฟีเจอร์การค้นหาที่ฉลาดที่สุดของ Google เพราะนำโมเดล Gemini 2.5 มาใช้งาน ซึ่งจะรองรับ Deep Search (การค้นหาเชิงลึก) เข้าใจบริบทของภาษาที่มนุษย์ใช้จริงในชีวิตประจำวัน ทำให้ผู้ใช้ค้นหาข้อมูลด้วยภาษาที่เป็นธรรมชาติได้อย่างต่อเนื่อง แม้คำถามจะมีความยาวและซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็สามารถค้นคว้าและมอบคำตอบที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้งานได้ เหมือนคุณถามข้อมูลกับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านโดยตรง นอกจากนี้ Google AI Mode ยังมีการแสดงข้อมูลที่หลากหลายมากขึ้น ผสมผสานข้อมูลที่เป็นข้อความ รูปภาพ วิดีโอ หรือลิงก์เว็บไซต์แหล่งที่มาของเนื้อหาได้อย่างเหมาะสม

Google AI Mode

Google AI Mode ทำอะไรได้บ้าง? มาดูกัน

นักการตลาดหลาย ๆ คนกล่าวว่า Google AI Mode จะเข้ามาเปลี่ยนอนาคตของการทำ SEO ให้ต่างไปจากเดิม แล้วสิ่งที่ทำให้พวกเขาคิดแบบนี้คืออะไร? คำตอบคือหลังจากที่พวกเขาได้รู้ว่าฟีเจอร์นี้สามารถทำอะไรได้บ้างนั่นเอง มาดูกันว่า Google AI Mode ทำอะไรได้บ้างและมีประโยชน์อย่างไร

1. รองรับการค้นหาเชิงลึกแบบ “บทสนทนา”

ปกติเวลาที่เราต้องการข้อมูลที่ละเอียดและครบถ้วนทุกมุมมอง เราจะใช้ระยะเวลาในการค้นหาและรวบรวมข้อมูลนานมาก ทำให้ Google สร้าง Deep Search ขึ้นมาเป็นส่วนหนึ่งของฟีเจอร์ AI Mode เพื่อการค้นหาข้อมูลฉลาดและลึกซึ้งมากขึ้น โดยใช้เทคนิค Query Fan-out ในการแยกคำถามที่ซับซ้อนออกเป็นหัวข้อย่อย ๆ แล้วส่งคำค้นหาออกไปพร้อมกันได้หลายร้อยคำในครั้งเดียว จากนั้นจะใช้ AI มาช่วยในการรวบรวมและเชื่อมโยงข้อมูลจากทุกแหล่งที่หามาได้ แล้วนำเสนอข้อมูลออกมาเป็นรายงานที่มีหัวข้อต่าง ๆ และแหล่งอ้างอิงอย่างครบถ้วน ทำให้ได้ข้อมูลที่หลากหลาย ครอบคลุม และตรงจุดมากกว่าการค้นหาแบบเดิม ๆ รวมทั้งยังไม่ต้องเสียเวลาค้นหาและรวบรวมข้อมูลเองเป็นชั่วโมงอีกต่อไป

  • แตกคำถามที่ซับซ้อนออกเป็นประเด็นย่อยโดยอัตโนมัติ
  • ค้นหาข้อมูลจากหลายแหล่งพร้อมกันได้จำนวนมาก
  • รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลที่กระจายอยู่ในที่ต่าง ๆ 
  • รองรับการสนทนาโต้ตอบอย่างต่อเนื่อง
Google AI Mode - Deep Search

2. ค้นหาจากสิ่งที่คุณมองเห็นแบบเรียลไทม์

Google ทำให้การค้นหาด้วยภาพล้ำยิ่งขึ้นอีกระดับ จากเดิมที่เราค้นหาผ่าน Google Lens ตอนนี้ Google ได้นำเทคโนโลยีจาก Project Astra มาพัฒนาเป็น Search Live เพื่อให้คุณสามารถค้นหาข้อมูลจากสิ่งที่คุณมองเห็นและสนทนากับ Google Search ได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งจะเปลี่ยนจากการพิมพ์คำถามเป็นการชี้กล้องไปที่สิ่งของ แล้วถามคำถามด้วยการพูดได้เลย โดย Google จะวิเคราะห์สิ่งที่คุณกำลังมองอยู่ แล้วตอบโต้ทันที

Google AI Mode - Live capabilities in Search

3. เปลี่ยนเป็นคำถามยาว ๆ หรือคำสั่งให้หาข้อมูลแทน

ตอนนี้ Google นำเทคโนโลยีจาก Project Mariner มาพัฒนาเป็นความสามารถใหม่ใน AI Mode ที่จะช่วยทำงานแทนเราได้จริง ๆ โดยเฉพาะเรื่องการซื้อตั๋วหรือนัดหมายเพื่อเข้ารับการบริการ แทนที่จะเปิดหลาย ๆ เว็บไซต์เพื่อเปรียบเทียบข้อมูลด้วยตัวเอง เราก็แค่บอก Google AI Mode ว่า “ช่วยหาตั๋วราคาถูกที่สุด 2 ใบ สำหรับการชมภาพยนตร์เรื่อง ABC ในวันเสาร์ที่จะถึงนี้” แล้ว AI ก็จะทำการค้นหาข้อมูล เช็กราคา และจำนวนตั๋วจากหลาย ๆ เว็บไซต์พร้อมกันแบบเรียลไทม์ จากนั้นก็จะนำเสนอตัวเลือกที่ตรงกับความต้องการของเรามาให้เลือก ซึ่งคุณสามารถซื้อตั๋วผ่านเว็บไซต์ที่สนใจได้เลย เห็นไหมว่าฟีเจอร์นี้ช่วยให้คุณประหยัดเวลาไปได้เยอะ แต่คุณก็ยังสามารถตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองได้

Google AI Mode - to do the work for you

4. ประสบการณ์การช้อปปิ้งออนไลน์รูปแบบใหม่

พบกับประสบการณ์การช้อปปิ้งออนไลน์รูปแบบใหม่ เมื่อ Google นำโมเดล Gemini มารวมกับ Shopping Graph ที่มีข้อมูลสินค้ามากกว่า 50 พันล้านรายการทั่วโลก ฟีเจอร์ AI Mode จึงกลายมาเป็นผู้ช่วยส่วนตัวเองคุณในการช้อปปิ้ง เช่น ช่วยเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของสินค้า หรือทำให้คุณเลือกสินค้าที่ใช่ได้ง่ายมากขึ้น

ความพิเศษของฟีเจอร์นี้คือเราสามารถลองใส่เสื้อผ้าแบบเสมือนจริงได้ แค่อัปโหลดรูปตัวเองลงไป ระบบจะสร้างภาพของคุณขณะใส่เสื้อผ้าจากรายการสินค้าที่เลือก คุณก็จะเห็นได้ว่าเสื้อผ้าชิ้นไหนเหมาะกับคุณบ้าง คุณชื่นชอบเสื้อผ้าตัวนั้นจริง ๆ หรือไม่ โดยที่คุณไม่ต้องเสียเงินซื้อมาลองใส่จริง ๆ ช่วยให้คุณตัดสินใจในการช้อปปิ้งได้ง่ายมากขึ้นกว่าเดิม

และเมื่อคุณเจอสินค้าที่ใช่แล้ว ฟีเจอร์ Agentic Checkout ตัวใหม่จะช่วยซื้อสินค้าแทนเราผ่าน Google Pay ได้เลย แต่จะไม่ได้มีการสั่งซื้อสินค้าแบบอัตโนมัติ เพราะระบบต้องได้รับการยืนยันจากคุณก่อนจึงจะสามารถสั่งซื้อสินค้าได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้การช้อปปิ้งสะดวกและปลอดภัยในขณะเดียวกัน

Google AI Mode - AI shopping partne

5. ปรับแต่งบริบทส่วนตัว เพื่อการค้นหาที่ตรงใจ

ในเร็วๆ นี้ AI Mode จะให้คำแนะนำที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น โดยนำประวัติการค้นหาที่ผ่านมาของเรามาใช้ในการวิเคราะห์ นอกจากนี้เรายังสามารถเลือกเชื่อมต่อกับแอป Google อื่น ๆ ได้ โดยเริ่มจาก Gmail เพื่อให้ AI ใช้ข้อมูลส่วนตัวมาช่วยในการค้นหาได้แม่นยำยิ่งขึ้น

ตัวอย่างเช่น ถ้าเราค้นหาว่า “กิจกรรมที่น่าทำตอนไปเที่ยวโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนามในสุดสัปดาห์นี้ กับเพื่อน ๆ ที่ชอบอาหารอร่อย ๆ กับชอบฟังเพลง” AI Mode จะแนะนำร้านอาหารจากประวัติการจองร้านอาหารของเราในอดีต และแนะนำกิจกรรมต่าง ๆ ที่คุณควรทำในเมืองโฮจิมินห์ โดยเฉพาะสถานที่ที่อยู่ใกล้กับที่พักของคุณ ซึ่งระบบจะรู้ข้อมูลตรงนี้ได้จากอีเมลยืนยันการจองตั๋วเครื่องบินและโรงแรมนั่นเอง (สามารถยกเลิกการเชื่อมต่อข้อมูลได้ตลอดเวลา)

Google AI Mode - Personal context

6. เปลี่ยนข้อมูลให้เป็นแผนภูมิและกราฟที่เข้าใจง่าย

เมื่อไหร่ที่คุณอยากให้ข้อมูลที่ยุ่งเหยิงกลายเป็นภาพที่เข้าใจง่าย ก็ให้ Google AI Mode ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลและสร้างเป็นภาพกราฟิกที่เข้าใจง่ายให้ได้เลย โดยแผนภูมิและกราฟจะถูกสร้างขึ้น สำหรับคำถามแต่ละคำถามของเรา เช่น คุณต้องการเปรียบเทียบความได้เปรียบของการเล่นในสนามเหย้าของทีมเบสบอลทั้งสองทีม ระบบจะวิเคราะห์ข้อมูลและสร้างกราฟแบบโต้ตอบได้เพื่อตอบคำถามเฉพาะของเรา โดยใช้ข้อมูลกีฬาแบบเรียลไทม์จาก Google

แทนที่จะต้องไปหาข้อมูลจากหลาย ๆ แหล่ง แล้วมาสร้างกราฟเอง AI Mode จะทำให้เราโดยอัตโนมัติ การแสดงผลข้อมูลแบบนี้ช่วยให้เราเข้าใจข้อมูลที่ซับซ้อนได้ง่ายขึ้น เพราะสามารถมองเห็นแนวโน้ม รูปแบบ และความสัมพันธ์ของข้อมูลได้อย่างชัดเจนผ่านกราฟิกที่ออกแบบมาอย่างสวยงาม

Google AI Mode - Custom charts and graphs

ผลกระทบจาก Google AI Mode

ผลกระทบที่เกิดขึ้นในโลกของ Search Engine Marketing จากการเปิดตัว Google AI Mode จะมีด้วยกันอยู่ 3 เรื่องหลัก ๆ ดังนี้

1. CTR ลดลง

อัตราการคลิกเข้าเว็บไซต์ หรือ CTR (Click Through Rate) ลดลง รวมถึง Clicks, User และ Session ด้วย เพราะ AI Mode จะเข้าเว็บไซต์ไปอ่านเนื้อหาแทนผู้ใช้งาน และเมื่อผู้ใช้เห็นคำตอบผ่าน AI Mode แล้ว พวกเขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องคลิกเข้าเว็บไซต์ต่าง ๆ อีก เว้นเสียแต่ว่าพวกเขาต้องการอ่านข้อมูลเพิ่มเติม

2. การขยายโอกาสของ Google Ads

เราเชื่อว่า Google จะไม่ได้หยุดการใช้งาน AI Mode เอาไว้เพียงแค่ Google Search เท่านั้น อาจจะกำลังพัฒนาหรือสร้างระบบ AI Mode ที่รองรับการรันโฆษณา Google Ads อยู่ ไม่แน่ว่าในอนาคตเราอาจเห็นโฆษณาของธุรกิจต่าง ๆ บน AI Mode ก็เป็นได้

3. Conversion Rate เพิ่มขึ้น

ดูเผิน ๆ AI Mode เหมือนตัวการในการทำธุรกิจที่ทำการตลาดผ่าน Google ได้รับผลลัพธ์ที่ย่ำแย่ลง แต่ในความเป็นจริงแล้ว นี่กลับเป็นโอกาสในการทำให้ธุรกิจได้รับ High-Intent Traffic ที่มี Conversion Rate สูงขึ้น เพราะถึงแม้ว่าจะมีคนเข้าไปอ่านเนื้อหาบนเว็บไซต์น้อยลง แต่คนที่สนใจสินค้าและบริการของธุรกิจยังคงเท่าเดิม เช่น ถ้าคนต้องการซื้อประกันรถยนต์ออนไลน์ ยอดการเข้าชมเว็บไซต์ของคุณจะลดลงอย่างแน่นอน แต่ความต้องการในการซื้อประกันรถยนต์ของยังคงเดิม ไม่ว่าจะซื้อผ่านเว็บไซต์ของคุณหรือคู่แข่งก็ตาม

พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของลูกค้าและผู้ใช้งาน

ในช่วงแรกของการใช้งาน Google AI Mode อาจจะยังไม่ได้มีการใช้อย่างมีประสิทธิภาพมานัก เพราะยังอยู่ในช่วงปรับตัว แต่เราคิดว่าคนจะค้นหาข้อมูลมากขึ้นกว่าเดิมและต้องการคำตอบทันที เนื่องจากการมาของ AI Mode ทำให้การค้นหาข้อมูลง่ายขึ้นกว่าเดิม ผู้ใช้ได้ข้อมูลอย่างรวดเร็ว เข้าใจง่าย และคำที่พิมพ์ลงไปในช่องค้นหาก็จะอยู่ในรูปประโยคคำถามที่ยาวขึ้นกว่าเดิม (คล้ายกับบทสนทนา) ด้วย ซึ่งการที่มีคนค้นหามากขึ้นจะไปช่วยเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจที่ทำการตลาดผ่าน Google Search แต่ในขณะเดียวกันการทำให้ธุรกิจถูกค้นพบบนผลการค้นหาจะยากยิ่งกว่าเดิม และต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้อย่างบริษัทรับทำ SEO เข้ามาช่วยจริง ๆ

นักการตลาดและเจ้าของเว็บไซต์ต้องทำอย่างไร

นักการตลาดออนไลน์ต้องปรับตัวและตามให้ทันโลกดิจิทัลที่เปลี่ยนไปในทุก ๆ วันอยู่แล้ว ดังนั้นสิ่งที่นักการตลาดควรทำคือการทำความเข้าใจ Google AI Mode และปรับตัวในการทำให้เว็บไซต์ของตัวเองเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญที่ถูก AI หยิบไปพูดถึง เรื่องนี้มีความท้าทายอย่างมาก ทั้งในฝั่งของ SEO Specialist เอง และในฝั่งของ Ads Optimizer ซึ่งรวมถึง SEO Content Writer ด้วยเช่นกัน

  • การทำ SEO ไม่ได้เปลี่ยนแบบพลิกกระดาน แต่มีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ SEO ในบางมุมเท่านั้น
  • Schema Markup จะสำคัญขึ้นมาก เพราะเป็นด่านแรกที่ทำให้ AI เข้าใจเนื้อหาบนเว็บไซต์แต่ละหน้า
  • ทักษะใหม่ที่ SEO Content Writer ต้องมี คือเปลี่ยนจากการเขียนให้ติดอันดับ (Ranking) เป็นการเขียนเพื่อให้ AI ยกจุดเด่นสินค้าหรือบริการของธุรกิจมาพูดถึงเหนือคู่แข่ง
  • บทความ SEO มีบทบาทสำคัญในการทำให้เว็บไซต์ถูกพูดถึงใน AI Mode เนื้อหาจึงต้องมีคุณภาพและน่าเชื่อถือจริง ๆ 
  • Long-tail Keywords จะกลายเป็นกลยุทธ์สำคัญ เพราะคนจะค้นหาสิ่งต่าง ๆ ด้วยประโยคที่ยาวและมีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น
  • Ads Optimizer ที่รันโฆษณาบน Google ด้วยคำค้นหา (Keyword) อาจต้องเปลี่ยนจากการทำ Keyword Research ค้นหาคีย์เวิร์ดเป็นคำ ๆ เป็นการ “เข้าใจพฤติกรรมการถามของลูกค้า” ให้มากขึ้น แน่นอนว่าการเซ็ตอัพแคมเปญก็จะเปลี่ยนไปในอนาคตเช่นกัน
  • นักการตลาดต้อง ‘ไม่เอาความคิดของเราเองเป็นที่ตั้ง ในการทำตลาด Search Marketing’ หรือการคิดว่าลูกค้าจะต้องค้นหาคำนี้ เพียงเพราะเค้าใช้คำเหล่านี้ในการค้นหา เพราะในอนาคตลูกค้าจะเจอสินค้าหรือบริการของเราด้วยคำถามหรือบทสนทนากับ AI ซึ่งคุณจินตนาการไม่ออกแน่ ๆ ว่าเค้าจะพูดคุยอะไรกันบ้าง

ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญของ ANGA

  • ผมเชื่อว่า AI Mode จะเปลี่ยน mindset คนทำ SEO ไปตลอดกาล
  • Content ต้องเขียนให้ AI หยิบไปใช้งาน ไม่ใช่แค่เพื่อ Ranking อย่างเดียว
  • Skill ใหม่ของ SEO Content Writer คือ เขียนยังไงให้ AI เลือกเราไป Mention

Sirada Canhe | SEO Specialist at ANGA Bangkok ถึงแม้ว่า CTR ของเว็บไซต์จะลดลง แต่ถ้าเราเขียนได้ดี จน AI Mode หยิบไปใช้งาน เว็บไซต์เราก็ยังถือว่าเป็นเว็บที่ตอบโจทย์การใช้งานของ user นอกจากนี้ user ก็ยังสามารถเห็นเว็บไซต์และธุรกิจของเราได้มากขึ้นอีกด้วย

Piyawat Supsindumrong | SEO Specialist at ANGA Bangkok – “ในมุมมองของผมที่ทำงานด้าน SEO การมาของ AI Mode ถือเป็นความท้าทายใหม่ เพราะจากเดิมที่เรามุ่งเน้นการปรับเว็บไซต์ให้เหมาะกับ Google Search แบบเดิม ตอนนี้เราต้องเริ่มให้ความสำคัญกับการที่ AI จะเข้ามาเก็บข้อมูลจากเว็บ (Crawling) และวิธีที่ AI แสดงผลลัพธ์มากขึ้น เพื่อให้ธุรกิจของลูกค้าได้ไปปรากฏในพื้นที่ใหม่ ๆ ที่ตอบรับกับพฤติกรรมของผู้ใช้งานที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปครับ

บทสรุป

จากข้อมูลทั้งหมด ขอสรุปว่าคนทำ SEO และ SEM ไม่จำเป็นต้องกลัวการมาของ Google AI Mode แต่อย่างใด เพราะทักษะที่เรามีกำลังจะถูกต่อยอดให้มี Value (คุณค่า) มากขึ้นในวงการดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง คนที่ปรับตัวได้เร็วกว่า ย่อมมีโอกาสชนะมากกว่า ซึ่งแนวทางการทำ SEO ที่คุณยังคงต้องยึดมั่นเช่นเดิมคือการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพตามหลัก E-E-A-T พร้อมกับเปลี่ยนความคิดจากการทำ SEO ให้เว็บไซต์ติดอันดับ มาเป็นการทำยังไงให้เนื้อหาของเราเป็น “คำตอบเดียว” ที่ AI เลือกมาบอกผู้ใช้ เพราะเว็บไซต์แบบนี้แหละที่จะครองตลาดในยุค AI Search ได้ อย่างไรก็ตามตอนนี้ Google AI Mode ถูกเปิดใช้งานอย่างเต็มรูปแบบแล้วในสหรัฐอเมริกา ส่วนในประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ ต้องรออัปเดตกันอีกครั้ง

บทความที่เกี่ยวข้อง

Google เผยเอกสาร 8 วิธีทำให้เว็บไซต์คุณติด AI Search ทุกตัว

จาก SEO (Search Engine Optimization) สู่ AI Search Optimization ตอนนี้คุณไม่ต้อง ‘งม’ เองอีกต่อไป ว่าจะต้องปรับตัวยังไงดี เพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้ Google ได้เปิดตัว Google AI Mode และ Gemini โมเดลใหม่ ๆ ข
45

ANGA เปิดรับสมัคร AMC รุ่น 2 (2025)

กลับมาอีกครั้งตามคำเรียกร้องกับโครงการ AMC (ANGA Management Candidates) รุ่น 2 ที่ใคร ๆ หลายคนต่างรอคอย หลังจากที่โครงการ AMC รุ่น 1 ประสบความสำเร็จและได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างมาก  เพราะเป็นโครง
144

Demand Gen คือโฆษณารูปแบบใหม่ที่ใช้ AI เพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญ

เพิ่มประสิทธิภาพให้กับแคมเปญโฆษณา Google Ads พร้อมเพิ่มโอกาสในการขยายฐานลูกค้าด้วย Demand Gen คือรูปแบบโฆษณาที่พัฒนาต่อยอดมาจาก Discovery Ads โดยการดึงเอาเทคโนโลยี AI และ Machine Learning มาใช้งาน พร้
137
th