1. หน้าหลัก
  2. อัปเดตการตลาด
  3. 5 วิธีวิเคราะห์ SEO เว็บไซต์คู่แข่ง เพิ่มอันดับให้เหนือกว่า
5 วิธีวิเคราะห์ SEO เว็บไซต์คู่แข่ง เพิ่มอันดับให้เหนือกว่า
เผยแพร่เมื่อ: มกราคม 5, 2025

5 วิธีวิเคราะห์ SEO เว็บไซต์คู่แข่ง เพิ่มอันดับให้เหนือกว่า

Table Of Contents

ตอนนี้คนส่วนใหญ่รู้จักการทำ SEO (Search Engine Optimization) ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้มีการแข่งขันสูงในหลาย ๆ ธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ E-Commerce, ธุรกิจค้าปลีก, ธุรกิจคลินิก หรือบริษัทรับทำ SEO อย่าง ANGA เองก็ตาม ดังนั้น การรู้เขารู้เราจึงเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่จะทำให้คุณสามารถเอาชนะคู่แข่งบน Search Engine ที่ทรงประสิทธิภาพอย่าง Google ได้นั่นเอง ซึ่งคุณสามารถเรียนรู้วิธีวิเคราะห์ SEO เว็บไซต์คู่แข่ง (SEO Competitor Analysis) ผ่านบทความนี้ได้เลย

SEO Competitor Analysis คืออะไร

SEO Competitor Analysis คือการตรวจสอบและวิเคราะห์ SEO เว็บไซต์คู่แข่งอย่างครอบคลุมในทุก ๆ ด้าน เพื่อให้คุณรู้จุดแข็งที่คู่แข่งเหนือกว่า เห็นข้อผิดพลาดที่คู่แข่งกำลังเผชิญอยู่ และมองหาช่องโหว่บนเว็บไซต์ของคู่แข่งที่คุณสามารถเอาชนะได้ จากนั้นก็สามารถนำข้อมูลมาเปรียบเทียบและวิเคราะห์ SEO ระหว่างคุณกับคู่แข่งได้ ดีกว่าไม่รู้อะไรเลยและปล่อยให้คู่แข่งอยู่อันดับที่ดีกว่าคุณต่อไป เพราะนั่นหมายถึงการยอมให้คู่แข่งครองตลาดและดึงลูกค้าไปด้วย

ซึ่งคุณไม่รู้ว่าคู่แข่งกำลังใช้กลยุทธ์ใดในการทำ SEO อยู่, จับแนวทางการทำ SEO ของคู่แข่งไม่ได้, ไม่รู้ว่าจุดอ่อน-จุดแข็งของเว็บไซต์คู่แข่งคืออะไร หรือไม่รู้ว่าคุณมีดีกว่าคู่แข่งอย่างไร อาจทำให้คุณเสียเปรียบคู่แข่งได้มากกว่าที่คิด ซึ่งรวมไปถึงยอดขายและโอกาสในการเติบโตของธุรกิจด้วยเช่นกัน

“การทำ SEO ต้องวิเคราะห์คู่แข่งอยู่เสมอ เคล็ดลับในการวิเคราะห์ SEO คู่แข่งแบบเบื้องต้นคือการดูว่าเขาเล่นคีย์เวิร์ดคำไหนอยู่, เนื้อหาในเว็บไซต์เป็นแบบไหน, ใช้ Strategy อะไร, ติดอันดับในกลุ่มสินค้าไหนมากที่สุด, เขาทำ PR เว็บไซต์ไหนบ้าง, ความถี่ในการอัปเดตเนื้อหา, เน้นเนื้อหาในด้านไหน และคาดการ Conversion ของคู่แข่งด้วยก็จะช่วยได้มาก ๆ ครับ” – Piyawat Supsindumrong | Senior SEO Specialist at ANGA Bangkok

ทำไมถึงควรวิเคราะห์ SEO เว็บไซต์คู่แข่ง

  • รู้ว่าคู่แข่งใช้กลยุทธ์ใดในการทำ SEO ซึ่งรวมถึงคีย์เวิร์ดที่ใช้, เทคนิคในการเขียนบทความ, โครงสร้างเนื้อหา, การทำ Internal Link, การสร้าง Backlink ฯลฯ
  • รู้เหตุผลเบื้องต้นว่าทำไมอันดับเว็บไซต์ของเราถึงสู้คู่แข่งไม่ได้ จากการดูสิ่งต่าง ๆ อย่างโครงสร้างเนื้อหา, คุณภาพของเนื้อหา, ความละเอียดของข้อมูลในเนื้อหา, Search Intent ของคีย์เวิร์ด ฯลฯ
  • รู้ว่าควรทำคีย์เวิร์ดอะไรสู้คู่แข่ง เขียนเนื้อหาให้ละเอียดและลึกกว่าคู่แข่ง เพื่อดึง Traffic ให้เข้ามาสู่เว็บไซต์
  • รู้ประสิทธิภาพการใช้งานของเว็บไซต์คู่แข่ง เช่น ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บไซต์, ความสะดวกในการใช้งาน, การแสดงผลบนอุปกรณ์ต่าง ๆ ฯลฯ
  • ติดตามความคืบหน้าของ SEO บนเว็บไซต์คู่แข่ง อย่างอันดับคีย์เวิร์ดที่แข่งกับเราสูงขึ้นหรือต่ำลง, ความถี่ในการอัปโหลดเนื้อหา, ประเภทของคีย์เวิร์ดที่ใช้ในการทำ SEO ฯลฯ
  • พบข้อแตกต่างระหว่างเว็บไซต์ของคุณและเว็บไซต์ของคู่แข่ง เช่น การออกแบบประสบการณ์ผู้ใช้งาน (User Experience), การจัดวางเนื้อหา, ฟังก์ชันการใช้งาน หรืออื่น ๆ 

5 วิธีวิเคราะห์ SEO เว็บไซต์คู่แข่ง

5 วิธีวิเคราะห์ SEO เว็บไซต์คู่แข่ง

การวิเคราะห์ SEO เว็บไซต์คู่แข่งมีอยู่หลายจุดที่คุณต้องให้ความสนใจ โดยคุณสามารถวิเคราะห์ SEO ของคู่แข่งได้ด้วยการใช้เครื่องมือทำ SEO ที่เห็นเป็นประจำอย่าง SimilarWeb, Ubersuggest, Ahrefs, SEMrush, Moz, Lighthouse, Alexa Traffic Rank ฯลฯ ได้เลย

1. ค้นหาว่าคู่แข่งที่คุณกำลังสู้อยู่เป็นใคร

อย่างแรกเลย คุณจะต้องรู้ว่าคู่แข่งของคุณคือใครก่อน นั่นก็คือการค้นหาคู่แข่ง (Competitor Research) นั่นเอง โดยคู่แข่งในการทำ SEO จะมีอยู่ 2 ประเภทหลัก ๆ คือคู่แข่งทางตรง (ธุรกิจเดียวกัน สินค้าและบริการเหมือนกัน) และคู่แข่งทางอ้อม (คนละธุรกิจ หรือมีสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกัน) 

วิธีการค้นหาคู่แข่งเพื่อนำมาวิเคราะห์ SEO สามารถทำได้โดยการเข้าไปที่ Google และค้นหาคีย์เวิร์ดที่คุณใช้ในการทำ SEO หลังจากนั้นคุณก็จะพบเว็บไซต์ขึ้นมามากมาย เว็บไซต์ที่อยู่ในอันดับต้น ๆ และเว็บไซต์ที่อยู่ในตำแหน่งใกล้เคียงกับเว็บไซต์ของคุณ นี่แหละคือคู่แข่งที่คุณควรนำมาวิเคราะห์ SEO และปรับกลยุทธ์ให้ดีกว่า

2. วิเคราะห์ภาพรวมของเว็บไซต์คู่แข่ง

ต่อมาคือการวิเคราะห์ภาพรวมของเว็บไซต์คู่แข่ง เพราะเว็บไซต์ที่ดีจะช่วยให้ประสิทธิภาพของ SEO ดีตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บไซต์, วิเคราะห์การแสดงผลเว็บไซต์บนอุปกรณ์มือถือ (Mobile Friendly) หรือการแสดงผลได้ดีบนทุกอุปกรณ์ (Responsive Web Design), วิเคราะห์โครงสร้างเว็บไซต์ว่าซับซ้อนหรือไม่, วิเคราะห์โครงสร้างของเนื้อหา, วิเคราะห์องค์ประกอบในเว็บไซต์ (Call to Action, เนื้อหา, รูปภาพ ฯลฯ) และยังรวมไปถึงการวิเคราะห์ Social Media ของคู่แข่งด้วย

3. วิเคราะห์การทำ On-Page SEO ของคู่แข่ง

On-Page SEO คือการปรับแต่งเนื้อหาและองค์ประกอบบนเว็บไซต์ ให้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานและตรงตามเกณฑ์การชี้วัดของ Google มากที่สุด บอกได้เลยว่า On-Page SEO มีความสำคัญในระดับต้น ๆ จากเทคนิคทำ SEO ทั้งหมดเลยทีเดียว ซึ่งคุณสามารถวิเคราะห์ On-Page SEO ของคู่แข่งเพื่อหาช่องโหว่ และนำมาปรับแต่งเพิ่มเติมบนเว็บไซต์ของคุณได้ เช่น การวิเคราะห์ URL, เนื้อหา, Meta Title, Meta Description, Keyword, การจัดวางโครงสร้างเนื้อหา (Heading), Schema Markup, รูปภาพหรือวิดีโอ, Call to Action หรือ Internal Link เป็นต้น

4. วิเคราะห์คีย์เวิร์ด (Keyword) ที่คู่แข่งใช้

Keyword คือ กุญแจสำคัญในการทำ SEO เพราะเราจะใช้คีย์เวิร์ดในการเขียนบทความ ทำ SEO และเปิดเส้นทางให้ลูกค้าเข้ามาเจอกับธุรกิจของคุณผ่านการค้นหาบน Google ซึ่งการวิเคราะห์ SEO Keyword ของคู่แข่ง จะทำให้คุณรู้ว่าคู่แข่งกำลังใช้กลยุทธ์คีย์เวิร์ดแบบใด ใช้คีย์เวิร์ดหลักตรงกับเราหรือไม่ หรือตอนนี้กำลังใช้คีย์เวิร์ดประเภทไหนอยู่ เนื่องจากคีย์เวิร์ดมีอยู่หลายประเภท แต่ละประเภทก็จะมีความยากง่ายในการติดอันดับต่างกัน รวมทั้งยังสามารถนำมาประเมินปริมาณ Web Traffic ที่อาจจะได้รับจากการใช้คีย์เวิร์ดดังกล่าวด้วยเช่นกัน (อ่านเพิ่มเติม : ประเภทของ Keyword)

5. วิเคราะห์ SEO Backlink ของเว็บไซต์คู่แข่ง

ถึงแม้ว่า Backlink ไม่ใช่ 1 ใน 3 ปัจจัยแรกที่ Google ใช้ในการจัดอันดับเว็บไซต์อีกต่อไป แต่ก็ยังเป็นสิ่งที่ทุกเว็บไซต์ควรทำต่อไป เพราะการมีลิงก์ส่งกลับมายังเว็บไซต์เรา (Backlink) เปรียบเสมือนผลโหวตและการได้รับการยอมรับจากเว็บไซต์อื่น ๆ จึงทำให้ Backlink มีส่วนช่วยในการทำ SEO ไม่น้อยเลย แนะนำให้ใช้ Ubersuggest ในการวิเคราะห์และมีแนวทางการวิเคราะห์ SEO Backlink ของเว็บไซต์คู่แข่ง ดังนี้

  • จำนวน Backlink (ยิ่งมีจำนวน Backlink สูง ยิ่งดูน่าเชื่อถือ แต่ทั้งนี้ Google ก็พิจารณาความถี่ในการเกิด Backlink และคุณภาพของแหล่งที่มาด้วยนะ)
  • คุณภาพของเว็บไซต์ที่ส่ง Backlink มา (ความเกี่ยวข้องของเนื้อหาภายในเว็บไซต์, คะแนน Page Authority, คะแนน Domain Authority)
  • แหล่งที่มาของ Backlink (ความหลากหลายขอเว็บไซต์ที่ทำ Backlink)
  • Spam Score (ถ้าคะแนนในส่วนนี้สูง แปลว่าเว็บไซต์ดังกล่าวการทำ Spam Backlink จึงมีโอกาสที่ Google จะลดคะแนนความน่าเชื่อถือและลดอันดับ SEO ลง)

โดยปกติเว็บไซต์ที่มี Backlink เยอะ มักจะมีอันดับที่สูงกว่าเว็บไซต์ที่ไม่มี Backlink ส่งมาเลย แต่เราก็ต้องวิเคราะห์คุณภาพของ Backlink ต่อด้วย เพราะบางเว็บไซต์มีการทำ Spam Backlink หรือการทำ Backlink จำนวนมาก แต่ไม่มีคุณภาพใด ๆ เลย นอกจากนี้ ยังแนะนำให้มองลึกลงไปในเนื้อหาของ Backlink ด้วยว่าเป็นอย่างไร เช่น ประเภทของเนื้อหา, ภาษาที่ใช้, คีย์เวิร์ด, URL ที่คู่แข่งใช้ทำ Backlink, เนื้อหาถูกเขียนใหม่หรือก๊อบปี้มา ฯลฯ

บทสรุป

ใครที่รู้สึกว่าทำ SEO เอาชนะคู่แข่งไม่ได้เสียที Organic Traffic ก็ไม่เพิ่มขึ้นตามเป้าที่ต้องการ ลองตรวจสอบ SEO บนเว็บไซต์ของตัวเอง และวิเคราะห์ SEO เว็บไซต์คู่แข่ง (SEO Competitor Analysis) ตามที่เราได้แนะนำไปในบทความนี้ก่อนได้เลย เพราะวิธีวิเคราะห์ SEO ที่เราได้เอามาฝากกันนี้สามารถทำได้จริง มีประโยชน์ และจะทำให้คุณสามารถปรับกลยุทธ์ SEO เพื่อก้าวตามคู่แข่งให้ทันในปี 2025 ได้อย่างแน่นอน

บทความที่เกี่ยวข้อง

30 วิธีทำ SEO WordPress 2025 ที่ถูกต้อง จากประสบการณ์เอเจนซี่

อยากให้เว็บไซต์ติดหน้าแรกบน Google ให้คนมองเห็นเยอะ ๆ เพื่อสร้างโอกาสให้แก่ธุรกิจ บอกเลยว่าไม่ง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่คุณไม่สามารถทำได้เลย หากคุณเลือกใช้กลยุทธ์การตลาดได้อย่างเหมาะสมและรู้เทคนิคล่
20

TikTok Seller คืออะไร ช่องทางสร้างรายได้ ขยายธุรกิจให้เติบโต

TikTok Seller คือผู้ขายบนแพลตฟอร์ม TikTok ที่กำลังได้รับความนิยมสูงสุดในปี 2025 นี้ ซึ่ง ANGA มองเห็นว่านี่คือโอกาสทองของผู้ประกอบการและแบรนด์ต่าง ๆ ในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่และสร้างรายได้ให้แก่ธุรก
18

Search Intent คือตัวช่วยสำคัญในการทำ SEO ให้โดนใจผู้ใช้งาน

ระหว่าง ‘การค้นหาข้อมูลและเจอกับสิ่งที่ต้องการทันที’ กับ ‘การค้นหาข้อมูลและไม่เจอกับสิ่งที่เราต้องการ’ แน่นอนว่าร้อยทั้งร้อยจะต้องเลือกอย่างแรกอยู่แล้ว นี่แหละคือสิ่งที่ Google ต้องการจากคนทำ SEO (SEO
17
th