1. หน้าหลัก
  2. อัปเดตการตลาด
  3. Call To Action หรือ CTA คืออะไร? เทคนิคการเขียนปุ่มให้ลูกค้าอยากคลิก
Call To Action หรือ CTA คืออะไร
เผยแพร่เมื่อ: มีนาคม 13, 2023 | แก้ไขเมื่อ: กรกฎาคม 30, 2024

Call To Action หรือ CTA คืออะไร? เทคนิคการเขียนปุ่มให้ลูกค้าอยากคลิก

Table Of Contents

“อัปเดตความรู้ที่นักการตลาดไม่ควรพลาด!”

ประโยคข้างต้นหากคุณไม่ใช่นักการตลาดก็คงอ่านผ่าน ๆ แล้วข้ามไป แต่ถ้าคุณเป็นนักการตลาดที่ผ่านมาเห็นก็อาจจะเรียกความสนใจได้ไม่น้อย ซึ่งนี่ก็คือหนึ่งในเทคนิค Call To Action ที่เรากำลังแนะนำให้คุณได้รู้จัก

สำหรับ Call To Action หรือ CTA คือการกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจ ไม่ว่าจะมาอยู่รูปแบบของการไลก์ การคลิก การซื้อ หรือการกระทำใด ๆ ตามที่คุณได้กำหนดเป้าหมายเอาไว้ ซึ่ง  Call To Action หรือ CTA คือส่วนสำคัญเป็นอย่างมากในการทำการตลาดออนไลน์ เพราะสิ่งนี้สามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจหรืออาจทำให้แคมเปญทางการตลาดของเอเจนซี่โฆษณาประสบความสำเร็จเลยก็เป็นได้ 

CTA คือปุ่มสำคัญที่เปลี่ยนผู้ชมเป็นลูกค้า 

Call To Action หรือคำเรียกสั้น ๆ ว่า CTA คือ คำที่สามารถกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจ เพื่อนำไปใช้ในแคมเปญทางการตลาด ซึ่งการทำ Call To Action หรือ CTA มีหลายรูปแบบด้วยกันขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ทางการตลาด อาทิ การลงทะเบียน การสมัครสมาชิก การคลิกลิงก์ และการซื้อสินค้า

นอกจากนี้ รูปแบบของ CTA อาจเปลี่ยนแปลงไปตามแต่ละแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ อย่างบนโซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ และอีคอมเมิร์ช หรือจะเป็นสื่อออฟไลน์อื่น ๆ อาทิ แผ่นป้าย โบรชัวร์ ก็สามารถใช้ CTA เพื่อกระตุ้นให้การตัดสินใจตามที่นักการตลาดได้วางเป้าหมายเอาไว้ 

องค์ประกอบหลักของ CTA

องค์ประกอบหลักของ CTA 

Call To Action หรือ CTA คือหากใช้เพียงแค่ปุ่มเดียวไม่สามารถกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายสนใจจนอยากคลิก หรือได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการได้ จำเป็นต้องมีองค์ประกอบที่ช่วยกระตุ้นและส่งเสริมให้ CTA มีความน่าสนใจ โดยมีองค์ประกอบสำคัญดังนี้ 

การเขียน Copywriting

หรือการเขียนคำโฆษณาที่ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเป็นการดึงดูดให้กลุ่มเป้าหมายสนใจในเนื้อหาคอนเทนต์ที่ต้องการสื่อสาร โดยมักเป็นการเขียนคำโฆษณาที่กลุ่มเป้าหมายกำลังมองหา หรือตรงกับ Painpoint ของกลุ่มเป้าหมาย

การสร้างปุ่ม Call To Action

เป็นคำกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายเห็นแล้วอย่างคลิกในทันที หากกลุ่มเป้าหมายคลิกปุ่ม CTA คือเท่ากับว่า นักการตลาดบรรลุวัตถุประสงค์ในการทำแคมเปญโฆษณาชิ้นดังกล่าว 

การจัดวาง Layout ของปุ่ม Call To Action

การจัดวาง Layout ก็มีความสำคัญเช่นกัน เนื่องจากการกำหนดตำแหน่งของปุ่ม CTA ให้โดดเด่นและดึงดูดก็ทำให้กลุ่มเป้าหมายมีความสนใจที่อยากคลิกมากกว่าปกติ 

เทคนิคการสร้าง CTA

7 เทคนิคการสร้าง CTA ที่เห็นแล้วต้องคลิก 

การกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายเห็นแล้วต้องคลิก มีเทคนิคการสร้างปุ่ม CTA ที่ทำได้ง่าย ๆ โดยแองก้าได้รวบรวมมาให้ 7 วิธีที่สามารถนำไปใช้ได้จริงได้ ดังนี้

เทคนิค FOMO (Fear of Missing Out)

เป็นเทคนิคทางจิตวิทยาที่กระตุ้นให้คนรู้สึกกลัวว่าจะพลาดบางสิ่งบางอย่างไป จึงเร่งให้คนตัดสินใจได้ในทันที โดยปัจจุบันเทคนิคนี้นำมาใช้ในแวดวงการตลาดค่อนข้างเยอะ สำหรับรูปแบบการใช้คำตามเทคนิค FOMO คือการใช้คำที่ทำให้คนรู้สึกกลัวว่าจะพลาดสิ่งนี้ไป อาทิ เวลาจำกัด  จำกัดจำนวนคน แสดงจำนวนคนซื้อสินค้าชิ้นนี้ แสดงจำนวนสินค้าที่เหลืออยู่ เป็นต้น 

เทคนิคใช้คำ “ท้าทาย” เพื่อกระชากความสนใจ 

ตามหลักแล้วเมื่อคนเราถูกท้าทาย ก็จะทำให้อยากทำสิ่งนั้นมากขึ้น ตัวอย่างเช่น คอนเทนต์ที่เผยแพร่ในโซเชียลมีเดียหลายปี 

‘เชื่อไหม? มนุษย์ไม่สามารถเลียข้อศอกตัวเองได้’ 

เมื่ออ่านจบพบว่ามีหลายคนรีบลองทำตามดูทันทีว่าจริงหรอไม่ ซึ่งเราก็สามารถนำมาปรับใช้กับการทำ CTA ได้เช่นกัน เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกว่ากำลังโดนท้าทายจากบางสิ่งก็จะกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายทำตามได้ในทันทีเช่นกัน

สร้างสรรค์คำใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มความน่าสนใจ 

ลืมคำกระตุ้นแบบเดิม ๆ ที่เห็นปุ๊บเลื่อนผ่านไปเลยอย่าง ‘สั่งซื้อสินค้า’ ‘สินค้าลดราคา’ ‘ลงทะเบียน’ โดยเราสามารถเปลี่ยนคำเดิมเหล่านั้นให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น อาทิ  สั่งซื้อสินค้า ลองเปลี่ยนเป็น ช้าหมดช้อปด่วน หรือ สินค้าลดราคา เปลี่ยนเป็น ยิ่งช้อปยิ่งลดเป็นต้น 

เลี่ยงศัพท์เทคนิค

การเลือกใช้คำสำคัญเป็นอย่างมาก โดยเน้นคำที่ทำให้คนอ่านสามารถเข้าใจได้ในทันที โดยพยายามไม่ใช้คำที่เป็นความรู้เฉพาะด้าน หรือศัพท์เทคนิคทางวิชาชีพ เพราะจะทำให้กลุ่มเป้าหมายใช้เวลานานกว่าตัดสินใจคลิก และอาจไม่สนใจในเนื้อหานี้เลยก็ได้จนทำให้เสียลูกค้าไปในที่สุด 

เลือกใช้คำที่ตรงกับ Painpoint ของกลุ่มเป้าหมาย

คำที่เลือกใช้สำหรับทำ CTA นั้นต้องเป็นคำที่ทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกว่าสามารถเข้ามาแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับกลุ่มเป้าหมายได้ อาทิ สั่งซื้อตอนนี้ เห็นผลใน 14 วัน, ทดลองฟรี 1 เดือน เป็นต้น ซึ่งหากเนื้อหาที่เผยแพร่เป็นเรื่องที่กลุ่มเป้าหมายได้ประโยชน์ก็จะทำให้เกิด Call To Action ขึ้นทันที 

การใช้สีต้องมีความโดดเด่น 

การเลือกใช้สีสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับการทำปุ่ม CTA โดยต้องทำให้ดูโดดเด่นออกมา เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายเห็นชัดเจนว่าต้องคลิกที่ตรงไหน โดยต้องมีกรอบแยกชัดเจน มีขอบเขตของปุ่ม และสีสันต้องตัดกับพื้นหลัง 

ดึงดูดความสนใจด้วยการตั้งคำถาม 

โดยคำถามนั้นต้องเป็นคำถามที่กลุ่มเป้าหมายให้ความสนใจอยู่ โดยเทคนิคนี้มักถูกใช้อยู่บ่อยครั้ง เมื่อเราอยากให้กลุ่มเป้าหมายกรอกรายละเอียด หรือกรอกข้อมูลบางอย่าง เพื่อแลกกับความตอบ อาทิ คุณอยากอัปสกิล Digital Marketing ใช่หรือไม่ ? กรุณากรอกอีเมลเพื่อรับคำตอบ ก็เป็นหนึ่งวิธีการที่มีความน่าสนใจเช่นกัน  

ตัวอย่าง CTA ที่ใช้แล้ว Click เลย 

โดยตัวอย่างคำ CTA ที่ดีมี 3 รูปแบบด้วยกัน โดยส่วนใหญ่คำเหล่านี้จะใช้แล้วได้ผลจริง ดังนี้

การยื่นข้อเสนอ

ลงทะเบียนฟรี ทดลองใช้ฟรี 30 วัน คลิกรับคูปองส่วนลด กดเพื่อรับสิทธิ์ กรอกโค้ดลดเพิ่ม เป็นต้น 

การกระตุ้นยอดขาย

ช้อปด่วน ที่นั่งสุดท้ายจองเลย สั่งซื้อตอนนี้ เป็นต้น 

การเชิญชวน

ดาวน์โหลด ดูข้อมูลเพิ่มเติม สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ปรึกษาแพทย์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นต้น 

บทสรุปของ CTA เขียนคำให้คนคลิก

จากที่ได้กล่าวไปทั้งหมด  CTA คือ การสร้างองค์ประกอบโดยรวมของคอนเทนต์เพื่อให้คนคลิก โดยใช้ Copy Writing ที่เชิญชวน การทำกราฟิกให้มีความน่าสนใจ เพื่อส่งเสริมปุ่ม Call To Action โดดเด่นน่ากดคลิก พร้อมกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายปฏิบัติตามวัตถุประสงค์ที่เราได้กำหนดเอาไว้ ดังนั้นแม้ว่า CTA จะแลดูเหมือนองค์ประกอบเล็ก ๆ แต่องค์ประกอบนี้กลับมีความหมายสำคัญในการสร้างโอกาสทางธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้ 

บทความที่เกี่ยวข้อง

30 วิธีทำ SEO WordPress 2025 ที่ถูกต้อง จากประสบการณ์เอเจนซี่

อยากให้เว็บไซต์ติดหน้าแรกบน Google ให้คนมองเห็นเยอะ ๆ เพื่อสร้างโอกาสให้แก่ธุรกิจ บอกเลยว่าไม่ง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่คุณไม่สามารถทำได้เลย หากคุณเลือกใช้กลยุทธ์การตลาดได้อย่างเหมาะสมและรู้เทคนิคล่
17

TikTok Seller คืออะไร ช่องทางสร้างรายได้ ขยายธุรกิจให้เติบโต

TikTok Seller คือผู้ขายบนแพลตฟอร์ม TikTok ที่กำลังได้รับความนิยมสูงสุดในปี 2025 นี้ ซึ่ง ANGA มองเห็นว่านี่คือโอกาสทองของผู้ประกอบการและแบรนด์ต่าง ๆ ในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่และสร้างรายได้ให้แก่ธุรก
16

Search Intent คือตัวช่วยสำคัญในการทำ SEO ให้โดนใจผู้ใช้งาน

ระหว่าง ‘การค้นหาข้อมูลและเจอกับสิ่งที่ต้องการทันที’ กับ ‘การค้นหาข้อมูลและไม่เจอกับสิ่งที่เราต้องการ’ แน่นอนว่าร้อยทั้งร้อยจะต้องเลือกอย่างแรกอยู่แล้ว นี่แหละคือสิ่งที่ Google ต้องการจากคนทำ SEO (SEO
16
th