1. หน้าหลัก
  2. อัปเดตการตลาด
  3. สรุปเนื้อหาจากงาน Google Search Central Live 2024
ANGA-Google Search Central Live 2024_11zon
เผยแพร่เมื่อ: สิงหาคม 9, 2024 | แก้ไขเมื่อ: สิงหาคม 21, 2024

สรุปเนื้อหาจากงาน Google Search Central Live 2024

Table Of Contents

Google Search Central Live 2024 คืองานสัมมนาที่ทาง Google จัดขึ้นมาเพื่ออัปเดตข้อมูลด้าน Google Search โดยเฉพาะ จัดเต็มไปด้วยเนื้อหาเรื่องการทำ SEO (Search Engine Optimization), Search Engine, Search Console และ Google Trends ซึ่งงานนี้ได้ถูกจัดขึ้นในวันที่ 9 สิงหาคม 2024 ณ โรงแรมคาร์ลตัน กรุงเทพ สุขุมวิท มีทั้งเจ้าของเว็บไซต์ นักพัฒนาเว็บไซต์ ผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO และนักการตลาดดิจิทัลจากองค์กรต่าง ๆ มาเข้าร่วมมากมาย แน่นอนว่า ANGA Bangkok ก็ได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานสัมมนาในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน

Google Search Central Live 2024 หรือชื่อเดิมคือ Webmaster Conference เป็นงานที่คนในแวดวง SEO ต่างเฝ้ารอคอยมาตลอด หลังจากที่ห่างหายไปเป็นระยะเวลากว่า 5 ปี (ครั้งล่าสุดจัดขึ้นเมื่อปี 2019 ช่วงก่อนการระบาดของโควิด) และในครั้งนี้ทาง Google ก็ยกขบวนขนทัพข้อมูลใหม่ ๆ มาอัปเดตให้เราทราบกันเพียบ ใครที่มีปัญหาเรื่องอันดับเว็บไซต์ร่วง ยอดทราฟฟิกตก หรือกำลังสงสัยเรื่องการทำ SEO ในปี 2024 อยู่ ต้องตามมาหาคำตอบในบทความนี้ บอกเลยว่าไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

Google Search Central Live 2024

มีอะไรใหม่ใน Google Search บ้าง?

What’s New in Search?” โดย Gary Illyes (Search Advocate Google) ที่พูดถึงเรื่องการปรับปรุงระบบ Google Search ที่ช่วงผ่านมา ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้

  • ในปี 2021 Google มีการทดสอบระบบการค้นหามากกว่า 800,000 ครั้ง
  • มีการเปิดเผยเรื่องการทดสอบประมาณ 4,300 ครั้ง
  • ประเด็นเอกสารของ Google ที่หลุดออกมาเป็นเอกสารเก่าที่ไม่ได้มีผลกับปัจจุบันแล้ว
  • อัปเดต SEO Start Guide ให้โฟกัสเฉพาะเรื่องสำคัญและเนื้อหาล่าสุดสำหรับนักการตลาด SEO
  • อย่ากังวลกับ Google Core Updates มาก แนะนำให้ปรับปรุงเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แล้วเว็บไซต์จะถูกดึงไปจัดอันดับในตำแหน่งที่ดีขึ้นเอง
  • Google SGE (Search Generative Experience) หรือ AI Overview จะเป็นประโยชน์ต่อคนทำ SEO อย่างมาก เพราะเปลี่ยนจากการจัดอันดับไปเป็นการถูกกล่าวถึงในคำตอบที่สรุปโดย AI เพราะผู้ใช้งานจะมองเห็นคุณง่ายขึ้นและยังสามารถคลิกเข้าไปที่เว็บไซต์ของคุณเพื่ออ่านข้อมูลต่อได้อีกด้วย

การทำงานของ Google Search ในปี 2024

How Search Works?” โดย Cherry Prommawin (Search Advocate Google) เกี่ยวกับกลไกการทำงานของ Google Search ที่แบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนหลักเช่นเดิม แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือแทนที่ Ranking ด้วย Serving นั่นเอง (Crawling > Indexing > Serving) ซึ่งเหตุผลที่เปลี่ยนจาก Ranking เป็น Serving ก็เพราะว่า Google ต้องการเตรียมแพลนสำหรับการค้นหารูปแบบใหม่ในอนาคต

Google Crawling

Crawling

Crawling คือสัญญาณที่ใช้ในการตัดสินใจว่า Google Bot จะเข้าไปอ่านข้อมูลบนเว็บไซต์คุณบ่อยแค่ไหน

  • How Fast the site reacts : เว็บไซต์มีการตอบสนองต่อผู้ใช้งานและโหลดเร็วแค่ไหน
  • Quality of content in general : คุณภาพของเนื้อหาบนเว็บไซต์เป็นประโยชน์และมีความสำคัญกับผู้ใช้งาน ซึ่งไม่ใช่แค่หน้าใดหน้าหนึ่ง แต่จะต้องมีคุณภาพทั้งเว็บไซต์
  • Any potential server errors : เมื่อเว็บไซต์มีปัญหาเชิงเทคนิค Google Bot จะเข้าไปอ่านเว็บไซต์น้อยลง เช่น HTTP error 503 หรือ Error Code 429 เป็นต้น
  • การที่เว็บไซต์ถูก Google Bot เข้ามาตรวจสอบบ่อย ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการจัดอันดับบน Google
  • Google ใช้อัลกอริทึมเดียวกับ Google Chrome เวอร์ชันล่าสุดในการประมวลผลเว็บไซต์ของคุณ เพราะฉะนั้นหากต้องการตรวจสอบคุณภาพเว็บไซต์ของคุณ ก็สามารถใช้ Google Chrome ได้เลย

Indexing

ระบบ Index ของ Google เปรียบเสมือนคลังข้อมูลขนาดใหญ่ที่สามารถเก็บข้อมูลเว็บไซต์ได้จำนวนมหาศาล หากนำข้อมูลต่าง ๆ มาพิมพ์และพรินต์เป็นกระดาษออกมา บอกเลยว่าสามารถส่งไปถึงดวงจันทร์ได้ 12 ครั้งเลยทีเดียว

  • Google พยายามทำความเข้าใจหน้าต่าง ๆ บนเว็บไซต์อย่างเต็มที่ โดยมีการประมวลผลจาก Attribute และ Signal ต่าง ๆ เช่น ลิงก์ที่ถูกส่งเข้ามายังหน้าเว็บไซต์นี้, อายุของหน้าเว็บไซต์นี้, ชื่อของรูปภาพ และรวมไปถึงการตั้ง Alt Text ในรูปภาพด้วย
  • Meta Keywords ไม่เคยเป็นสิ่งสำคัญที่ Google ให้ค่าเลย แต่หลายเว็บไซต์ก็ยังมีความเชื่อผิด ๆ ในเรื่องนี้อยู่
  • Google สามารถทำความเข้าใจรูปภาพที่ปรากฏขึ้นบนเว็บไซต์ได้ โดยที่ไม่ต้องอ่านชื่อไฟล์หรือ Alt Text เลย
  • Canonical Tag (rel=“canonical”) ยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรทำ เพื่อแจ้ง Google ให้ทราบว่าคุณต้องการส่งพลังไปที่หน้าใด ในกรณีที่มีเนื้อหาซ้ำกันหรือใกล้เคียงกันมากกว่า 2 หน้าขึ้นไป
  • Index Selection คือกระบวนการจัดเก็บข้อมูลแต่ละหน้าบนเว็บไซต์และนำมาเข้าสู่ระบบ Index ของ Google โดย Google จะคัดเลือกเฉพาะหน้าเว็บไซต์ที่มีคุณภาพสูงเท่านั้น

หากคุณสงสัยว่าหน้าเว็บของคุณถูกเก็บข้อมูลไปหรือยัง สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยการพิมพ์ “site:ลิงก์หน้าที่ต้องการตรวจสอบ” บน Google Search Bar ถ้าเก็บข้อมูลหรือจัดทำดัชนี (Index) แล้ว หน้าดังกล่าวจะปรากฏขึ้นมาให้คุณเห็นและคลิกเข้าไปอ่านต่อได้ แต่ถ้า Google ระบุว่าหน้าเพจของคุณ Discovered – Not Index แปลว่าหน้าดังกล่าวยังไม่ผ่านกระบวนการ Index Selection อาจจะเกิดได้จากหลาย ๆ ปัจจัยประกอบกัน

Serving

Serving ที่เข้ามาแทนที่ Ranking คือการที่ Google จะแสดงผลการค้นหาที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานมากที่สุด โดยการตีความคำถามหรือข้อความที่ถูกพิมพ์มาบน Google Search Bar (Interpreting the query) ซึ่งจะโฟกัสไปที่คำหลัก ๆ และไม่ได้สนใจ Stop Words อย่าง a, an, the, also, just หรือพวกคำฟุ่มเฟือยที่ไม่ได้มีความหมายอะไรเป็นพิเศษ

  • ตัวอย่างคำค้นหา : ย่างไก่ให้อร่อย
  • ทำที่ Google โฟกัส คือ “ไก่” และ “อร่อย” 

อย่างไรก็ตามก็ยังมีข้อยกเว้นสำหรับคำค้นหายอดฮิต อย่างชื่อภาพยนตร์ ซึ่ง Google อาจจะใช้วิธีการจัดอันดับที่แตกต่างออกไปได้ เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ออกมาตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานมากที่สุด

Google Serving

ข้อมูลเพิ่มเติม

  • ปัจจุบันนี้มี URLs มากกว่าหนึ่งล้านล้านที่ถูกค้นพบโดย Google จึงอาจส่งผลทำให้ Google URL Discovery ค้นหาหลาย ๆ เว็บไซต์ไม่เจอ
  • Google สามารถค้นพบหน้าใหม่ ๆ ผ่าน Internal Link ที่เชื่อมต่อกันบนเว็บไซต์เดียวกัน ถ้าคุณไม่มีการทำ Internal Link เลย Google อาจจะใช้เวลานานกว่าปกติในการค้นพบ URL ใหม่ ๆ เพราะฉะนั้น ถ้าคุณอยากให้ Google พบหน้าใหม่ ๆ ที่คุณอัปโหลดขึ้นไปอย่างรวดเร็ว ก็อย่าลืมใส่ Internal Link ด้วยล่ะ

จะทำอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นหลัง Core Updates

Quality & Updates” โดย Nut Janekitiworapong (Analyst, Trust & Safety Search Google) ต้องบอกว่าหลังจากที่มีการปล่อย Google March Core Updates 2024 ออกมา หลาย ๆ เว็บไซต์น่าจะมีปัญหาเรื่อง Traffic ตกลง เพราะอันดับของเว็บไซต์มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นนี้มีสาเหตุมาจากอะไรและเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันแน่? คำตอบคือเป็นเพราะว่าในแต่ละวัน Google มีการตรวจพบหน้าที่เป็นสแปมไม่ต่ำกว่า 40,000 ล้านหน้า พอมีการปรับปรุงอัลกอริทึมใน Core Updates จึงทำให้อันดับเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่การโดนลงโทษจาก Google แต่อย่างใด และสิ่งที่คุณต้องทำต่อไปมีดังนี้

 1. เข้าใจความแตกต่างของการ Updates แต่ละแบบ

  • Spam Updates : เกิดขึ้นเมื่อ Google ตรวจพบการทำผิดกฎ จากนั้นจะแจ้งเตือนผ่าน Google Search Console
  • Core Updates : การอัปเดตใหญ่ที่ส่งผลโดยรวม ไม่ได้เจาะจงไปที่เว็บไซต์ใดเว็บไซต์หนึ่ง
  • Special Updates อย่าง HCU : การอัปเดตที่เน้นการปรับปรุงเฉพาะด้าน อย่างเช่น คุณภาพของเนื้อหา เป็นต้น

2. วิเคราะห์สาเหตุที่อาจทำให้อันดับลดลง

  • Spam Content : เนื้อหาที่คุณภาพต่ำไร้ประโยชน์ หรือมีการใส่คีย์เวิร์ดมากเกินไป
  • Cloaking : การแสดงเนื้อหาที่แตกต่างกัน ระหว่าง Google กับผู้ใช้งาน 
  • Doorway Pages : การสร้างหน้าเว็บที่มีแต่ข้อความเดิม ๆ หรือคีย์เวิร์ดจำนวนมาก เพื่อหลอก Search Engine
  • Scraped Content : การคัดลอกเนื้อหาจากเว็บไซต์อื่นมาเผยแพร่ โดยที่ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรจากเดิม หรือสร้างคุณค่าเพิ่มเติมเลย
  • Link Spam : การสร้างลิงก์ที่ไม่มีคุณภาพจำนวนมาก
  • Hacked Content : เนื้อหาที่ถูกบุคคลภายนอก (แฮ็กเกอร์) เข้ามาแก้ไขหรือปรับเปลี่ยนเป็นเนื้อหาอื่น ๆ โดยที่ไม่ได้รับอนุญาต

3. ตรวจสอบและปรับปรุง

เมื่อมีความผิดปกติเกิดขึ้นกับเว็บไซต์ให้เข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ goo.gle/spam-policy

4. 5 เช็กลิสต์ในการประเมินเว็บไซต์ตัวเอง

  1. People-first Content : เนื้อหาที่คุณทำขึ้นมา เน้นสร้างประโยชน์ต่อผู้ใช้งานเป็นอันดับแรกหรือเปล่า?
  2. Expertise Questions : เนื้อหาบนเว็บไซต์แสดงถึงความเชี่ยวชาญ ความรู้ลึกรู้จริง และความน่าเชื่อถือของผู้เขียนหรือไม่ อย่างการมีข้อมูลทุกอย่างครบถ้วน ทั้งข้อความ รูปภาพ วิดีโอ คำอธิบาย และคำตอบของคำถามที่คนสงสัย โดยที่ผู้ใช้งานไม่ต้องไปค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งอื่น ๆ ต่อ
  3. Content and Quality : เนื้อหาคุณภาพสูงที่ให้ข้อมูลอย่างครบถ้วน ครอบคลุมทุกหัวข้อที่เกี่ยวกับเรื่องนั้น ๆ และเป็นเนื้อหาที่มีการอัปเดตสดใหม่ คุ้มค่ากับการที่ผู้ใช้งานจะกดอ่าน ซึ่งคอนเทนต์สั้น ๆ อาจไม่ตอบโจทย์กับ Google และไม่เพียงพอกับผู้ใช้งานอีกต่อไป

ตัวอย่าง : เว็บไซต์รีวิว TV

  • เว็บไซต์ที่ 1 : เจ้าของเว็บไซต์เขียนรีวิว TV จากประสบการณ์ที่ใช้งานเอง มีการให้คะแนน TV อย่างตรงไปตรงมา
  • เว็บไซต์ที่ 2 : เว็บไซต์ที่เอาข้อมูลการรีวิว TV จากหลาย ๆ เว็บไซต์มาประกอบกัน หรือเขียนสรุปจากข้อมูลเว็บไซต์ของแบรนด์ TV โดยตรง ไม่ได้มีการอ้างถึงประสบการณ์ส่วนตัวหรือความคิดเห็นส่วนตัวใด ๆ 
  • ผลลัพธ์ : Google ชื่นชอบเว็บไซต์ที่ 1 มากกว่าและนำไปจัดอันดับ

*Search Quality Rater Guidelines คือคู่มือของ Google จำนวน 170 หน้า ที่จะมาแนะนำแนวทางในการทำ SEO สำหรับเว็บไซต์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

  1. Presentation & Production : การออกแบบเว็บไซต์ของคุณเอื้ออำนวยต่อการใช้งานของผู้ใช้มากแค่ไหน? เว็บไซต์ใช้งานง่าย ตัวหนังสืออ่านง่าย ใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายไหม ไม่มีโฆษณาเด้งขึ้นมากวนระหว่างการใช้งานใช่ไหม?
  2. Avoid Creating Search Engine-first Content : หลีกเลี่ยงการเขียนบทความ SEO ที่มุ่งเน้นแต่การทำให้ติดอันดับ โดยที่ไม่คำนึงถึงผู้ใช้งาน ควรหันไปเขียนบทความที่เป็นประโยชน์กับผู้อ่านเป็นหลัก

Google Search ในยุค AI จะเป็นอย่างไร?

LLM หรือ Large Language Mode เป็นโมเดลอัลกอรึทึมของ Google ที่มีการเรียนรู้ข้อมูลจำนวนมหาศาล เพื่อให้ทราบรูปแบบของภาษาและความหมายของคำที่เป็นภาษาตามธรรมชาติของมนุษย์ โดยสามารถใช้ในการประมวลผลข้อมูล วิเคราะห์ และทำนายสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ LLM สามารถแยกแยะเนื้อหาคุณภาพกับเนื้อหาสแปมออกจากกันได้ ไม่เพียงเท่านั้น LLM ยังเป็นอัลกอริทึมที่ได้รับการอัปเดตอย่างต่อเนื่องอีกด้วย ตรงนี้เป็นผลทำให้การวิเคราะห์ข้อมูลและแสดงผลการค้นหาของ Google มีความแม่นยำมากขึ้นเรื่อย ๆ นั่นเอง

Google แยกเนื้อหาที่เขียนโดยมนุษย์กับ AI ได้ไหม?

ทาง Google ยังคงยืนยันว่าไม่ได้สนใจเท่าไหร่ว่าเนื้อหาถูกสร้างขึ้นมาอย่างไรและด้วยวิธีการใด ตราบใดที่คุณภาพของเนื้อหาดี มีประโยชน์ และตอบโจทย์ผู้อ่าน ก็มีโอกาสที่จะติดอันดับบน Google Search ได้ทั้งสิ้น ดังนั้น สิ่งสำคัญในการสร้างเนื้อหาที่คุณควรยึดมั่นเอาไว้คือการสร้างเนื้อหาด้วยการคำนึงถึงผู้ใช้งานเป็นอันดับแรก ไม่ใช่การมุ่งมั่นที่จะทำให้ติดอันดับบน Google 

“AI Overviews” กำลังจะปรากฏบน Google Search เร็ว ๆ นี้

AI Overviews เป็นชื่อใหม่ที่ถูกประกาศออกมาจาก Google ไม่มีทางคุ้นหูคุ้นตามาก่อนแน่นอน แต่ถ้าพูดถึง SGE ล่ะก็ คุณก็คงคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ซึ่ง AI Overviews นี้ไม่เชิงว่าเป็นฟีเจอร์ใหม่ เพราะมันถูกพัฒนาต่อยอดมาจาก SGE ซึ่งคุณคงจะได้เห็นกันในอนาคตอันใกล้นี้ โดยจะบอกว่า AI Overviews เป็นชื่อใหม่ของ SGE ก็ว่าได้

AI Overviews ที่จะปรากฏขึ้นบนการค้นหาของ Google จะช่วยสรุปเนื้อหาของข้อมูลบนหน้าเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่ถูกคัดมาแล้วว่ามีคุณภาพและเป็นประโยชน์ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและสามารถทำความเข้าใจได้อย่างง่ายดาย โดยที่ไม่ต้องเปิดอ่านจากหลาย ๆ เว็บไซต์ พร้อมกับแสดงแหล่งที่มาของข้อมูลด้วย จึงเป็นเหตุให้ Google เคลมว่า AI Overviews จะเข้ามาช่วยเพิ่มยอด Click และ Traffic ให้แก่เว็บไซต์ที่ถูกนำข้อมูลไปแสดงผลบน AI Overviews นั่นเอง อย่างไรก็ตามการทำงานของ LLM ทั้งในฝั่งของ Gemini และ AI Overviews ยังคงมีข้อจำกัดในการแสดงผลข้อมูลอยู่

คำเตือนจาก Google ถึงทุกเว็บไซต์

Google เตือนให้ทุกเว็บไซต์ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่มาจาก AI (Generated Content) ก่อนเผยแพร่เสมอ ไม่ว่าคุณจะใช้ AI ตัวไหนในการหาข้อมูลหรือเขียนบทความให้ก็ตาม เพราะข้อมูลที่ได้จาก AI เป็นข้อมูลที่มาจากหลากหลายแหล่ง ไม่ได้มีการยืนยันจากผู้พัฒนาว่าข้อมูลที่แสดงออกมาเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง 100% เพื่อป้องกันปัญหาเรื่องการให้ข้อมูลที่ผิดพลาด จึงอาจจะทำให้เกิดปัญหาต่อผู้อ่านในอนาคตได้

บทสรุป

สรุปเนื้อหาจากงานสัมมนา Google Search Central Live 2024 ได้ว่าในภาพรวมนั้น ทาง Google มุ่งเน้นไปที่การให้ความสำคัญกับเนื้อหาที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์ผู้ใช้งาน เขียนโดยผู้เชี่ยวชาญ และมีความสดใหม่ไม่ซ้ำใคร ซึ่งภาษาที่ใช้จะต้องเป็นภาษาที่อ่านแล้วเข้าใจง่าย รวมทั้งอย่าลืมตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลก่อนเผยแพร่ด้วย โดยเฉพาะเนื้อหาและข้อมูลที่ได้มาจากการ การ Generate ของ AI

นอกเหนือจากประเด็นต่าง ๆ ในบทความนี้แล้ว ยังมีเรื่องอื่น ๆ ที่ทางแองก้าจะมาอัปเดตให้ทุกท่านทราบด้วย ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคการดูกราฟ Google Search Console, แชร์เคล็ดลับใช้ Google Trends สำหรับคนทำ SEO จาก Google, เทคนิคดันอันดับ Video ให้อยู่เหนือคู่แข่ง และเคล็ดลับทำ SEO สำหรับเว็บไซต์หลายภาษา เป็นต้น ถ้าอยากรู้อย่าลืมไปติดตามอ่านกันได้ที่ https://anga.co.th/blog/ เร็ว ๆ นี้!

บทความที่เกี่ยวข้อง

Google กลับลำไม่ยกเลิก Third-Party Cookies แล้ว!

ย้อนกลับไปในปี 2019 ได้มีประกาศสำคัญที่ว่า Google ยกเลิก Cookies บน Chrome และคาดว่าจะเลิกใช้ Third-Party Cookies ทั้งหมดได้ภายในปี 2024 เพราะ Google ต้องการปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน พร้อมทั้ง
158

Search Engine คืออะไร มีอะไรบ้าง และแบ่งออกเป็นกี่ประเภท?

หลาย ๆ คนคงจะเคยเห็นคำว่า “Search Engine (เสิร์ชเอนจิน)” ผ่านตามาบ้างแล้ว จากการอ่านบทความหรือฟังพอดแคสต์ที่พูดถึงการทำ SEO (Search Engine Optimization) ซึ่งเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่มุ่งเน้นการเพิ่ม Or
125

ทำ SEO Facebook ดันเพจให้ติดอันดับ เพิ่ม Conversion รัว ๆ

ในตอนนี้การทำ SEO ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่บนเว็บไซต์เท่านั้น แพลตฟอร์ม Social Media อย่าง Facebook, Lemon8, Twitter, Instagram ฯลฯ ก็สามารถติดอันดับการค้นหาบนหน้าการค้นหาของ Google หรือ SERP ( Search Eng
104
th