การตลาด SEO (SEO Marketing) คืออะไร ต่างกับ SEM อย่างไร
ณ ตอนนี้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงธุรกิจผ่านโลกออนไลน์ได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าพวกเขาต้องการซื้อสินค้าหรือกำลังมองหาคำตอบเรื่องอะไร เพียงแค่เข้าไปใน Google พิมพ์สิ่งที่ต้องการลงไป ก็พบกับคำตอบและสินค้าที่ต้องการได้แล้ว เราจะเห็นได้ว่า Google เป็นเหมือนพื้นที่ส่วนกลางที่ทำให้เราในฐานะธุรกิจและผู้บริโภคมาเจอกัน รู้ไหมว่าเหล่าสินค้าและเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่ปรากฏขึ้นมานั่นแหละ เรียกว่า SEO Marketing หรือการตลาด SEO ที่เราจะมาพูดคุยกันในบทความนี้นั่นเอง
ANGA (ดิจิทัลเอเจนซี่การตลาดออนไลน์) จะพาคุณไปทำความเข้าใจว่าการตลาด SEO คืออะไร มันมีประโยชน์ต่อธุรกิจอย่างไร ทำไมทุกธุรกิจถึงควรหันมาทำการตลาด SEO ได้แล้ว รวมไปถึงการอธิบายขยายความคำถามยอดฮิตอย่าง “SEO SEM คืออะไร?“ กับ “SEO กับ SEM ต่างกันอย่างไร?” พร้อมกับเปิดกลยุทธ์ทำการตลาด SEO ให้รุ่งในปี 2025 ด้วยเช่นกัน หากพร้อมแล้ว เราไปลุยกันได้เลย!
การตลาด SEO คืออะไร
การตลาด SEO หรือ SEO Marketing คือการทำการตลาดบนเว็บไซต์ เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับการค้นหาบน Search Engine (เครื่องมือค้นหา) อย่าง Google แบบ Organic (ติดอันดับแบบธรรมชาติ จากการคัดสรรของอัลกอริทึมของ Search Engine โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการทำโฆษณา) ซึ่งคำว่า SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization นั่นหมายความว่าคุณจะต้องปรับปรุงเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพและเอื้ออำนวยต่อการทำ SEO มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นด้านการแสดงผล, ความเร็วในการแสดงผล, คุณภาพของเนื้อหา หรือจะเป็นการมอบประสบการณ์การใช้งานให้แก่ User ก็ตาม
การทำงานของ SEO Marketing
ปกติแล้ว SEO Marketing จะมีขั้นตอนการทำงานอยู่ 3 ขั้นตอนหลัก คือ Crawling (การสำรวจและเก็บรวบรวมข้อมูลโดย Googlebot), Indexing (การจัดทำดัชนีหรือเก็บข้อมูลเว็บไซต์เข้าสู่ฐานระบบของ Google) และ Rangking (การวิเคราะห์ประสิทธิภาพของหน้าเว็บไซต์ของคีย์เวิร์ดต่าง ๆ และแสดงผลออกมาเป็นลำดับ)
แต่ Google ได้มีการอัปเดตขั้นตอนการทำงานตรงนี้ใหม่ ภายในงาน Google Search Central Live 2024 ว่าต่อไปนี้ Serving จะเข้ามาแทนที่ Rangking เพราะ Google ต้องการเตรียมแพลนสำหรับการค้นหารูปแบบใหม่ในอนาคต ซึ่ง Serving เป็นการแสดงผลที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานแต่ละคนมากที่สุด จากการตีความคำค้นหาให้ละเอียดมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
การตลาด SEO แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
องค์ประกอบหรือประเภทของการตลาด SEO จะแบ่งออกได้เป็น 3 ส่วนหลัก ซึ่งคุณจะต้องทำทั้ง 3 ส่วนนี้ให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพควบคู่กันไป เพราะถ้า 2 ส่วนดี แต่ 1 ส่วนไม่ดี ก็อาจทำให้เว็บไซต์ของคุณพลาดโอกาสในการติดอันดับเหนือเว็บไซต์คู่แข่งได้ อย่างไรก็ตามแนะนำให้เน้นไปที่ส่วนแรก หรือการทำ On-Page SEO มากที่สุด
- On-page SEO คือการทำ SEO บนหน้าเว็บไซต์ของเราเอง
- Off-page SEO คือการทำ SEO จากเว็บไซต์อื่น ๆ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่เว็บไซต์เรา
- Technical SEO คือการปรับปรุงเว็บไซต์และประสิทธิภาพของ SEO ในเชิงเทคนิคหลังบ้าน
ประโยชน์ของการทำ SEO Marketing คืออะไร
- ทำให้ผู้ใช้งานมองเห็นเว็บไซต์มากขึ้น เข้าถึงลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้น ทำให้มีโอกาสปิดการขายได้สูงขึ้น
- เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ตรงกับธุรกิจ จากการค้นหาคีย์เวิร์ดที่มีความเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการของธุรกิจคุณ
- SEO เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่เห็นผลจริงและยั่งยืน โดยที่ไม่ต้องลงทุนหรือใช้งบการตลาดเพิ่ม
- ทำให้แบรนด์มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น จากการมีชื่อเสียงบนโลกออนไลน์และการที่เว็บไซต์อยู่ในอันดับที่สูงกว่าคู่แข่ง
- ผู้ใช้งานเว็บไซต์พึงพอใจกับประสบการณ์การใช้งาน ซึ่งอาจทำให้พวกเขากลับเข้ามาใช้งานซ้ำ หรือตัดสินใจซื้อสินค้าบนเว็บไซต์ไปเลย เพราะใช้งานง่ายและซื้อสินค้าสะดวก ทำให้ Coversion Rate สูงขึ้นและอันดับเว็บไซต์บน Search Engine สูงขึ้นได้
- ช่วยขยายฐานลูกค้าของธุรกิจได้ดี ทั้งลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่เดียวกัน (ผ่านการทำ Local SEO) หรือลูกค้าที่อยู่ต่างประเทศ (ผ่านการทำเว็บไซต์หลายภาษา)
SEM กับ SEO ต่างกันอย่างไร
“SEO SEM Marketing คืออะไร ต่างกันไหม ทำไมชื่อคล้ายกันจัง?” คำตอบคือ SEO เป็นส่วนหนึ่งของ SEM ที่ย่อมาจาก Search Engine Marketing คือการทำการตลาดผ่านเครื่องมือการค้นหา โดย SEM จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ 1. การตลาด SEO ที่มุ่งเน้นผลลัพธ์แบบค่อยเป็นค่อยไปจาก Organic Search และ 2. Pay Per Click (PPC) ที่มุ่งเน้นผลลัพธ์อย่างรวดเร็วจากการยิงโฆษณา ทั้งนี้บางคนอาจจะบอกว่า SEM คือการยิงโฆษณาผ่าน Google Ads ไปเลยก็มีเช่นกัน
เปิดกลยุทธ์ทำการตลาด SEO ให้รุ่งในปี 2025
จากประสบการณ์ในการทำ SEO ให้แก่ธุรกิจของลูกค้ามาหลายร้อยเว็บไซต์ ทำให้เราได้เข้าใจวิธีและเทคนิค SEO ในแต่ละประเภทธุรกิจอย่างลึกซึ้ง จึงได้สรุปออกมาเป็น “ASEO (Adaptive Search Engine Optimization)” กลยุทธ์ทำการตลาด SEO ด้วยแนวคิดใหม่ เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับอย่างยั่งยืนบน Organic Search กับ AI-powered platforms (เพิ่มโอกาสให้เครื่องมือ AI อย่าง Gemini หรือ ChatGPT ดึงเนื้อหาบนเว็บไซต์ของคุณไปตอบคำถามผู้ใช้งาน) ควบคู่กันไปในปี 2025 และองค์ประกอบของ ASEO มีอยู่ 7 ข้อ ดังนี้
- Technical Issues คือการปรับปรุงแก้ไขปัญหาเชิงเทคนิคให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
- SXO (Search Experience Optimization) คือ การปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้งานให้สอดคล้องกับการทำ SEO
- External Signal คือสัญญาณจากภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์เรา
- Link Building หรือการสร้าง Backlink โดยให้เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ
- SILO-based Structure คือการจัดระเบียบเนื้อหาบนเว็บไซต์ให้เป็นหมวดหมู่ชัดเจน
- High-quality Content คือการสร้างเนื้อหาคุณภาพสูงด้วย E-E-A-T Factor
- Keyword Research & Intent คือการค้นหาคีย์เวิร์ดและทำความเข้าใจเจตนาในการค้นหาของ User
บทสรุปเรื่องการตลาด SEO (SEO Marketing)
การตลาด SEO คือกลยุทธ์สำคัญที่คนทำธุรกิจออนไลน์ไม่ควรมองข้าม โดย SEO Marketing จะมุ่งเน้นไปที่การปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับบน Search Engine แบบ Organic โดยไม่เสียค่าโฆษณา ต่างจาก SEM หรือ PPC ที่ต้องเสียค่าโฆษณาให้กับ Search Engine ทุกวัน แม้การทำ SEO จะใช้เวลาเห็นผลช้ากว่า แต่ผลลัพธ์ที่ได้ถือว่าคุ้มค่าต่อธุรกิจอย่างมาก ทั้งนี้ การตลาด SEO จะสำเร็จหรือไม่ ขึ้นอยู่กับเทคนิคและกลยุทธ์ในการทำ หากคุณมองหาเอเจนซี่รับทำ SEO อยู่ แนะนำให้เลือกเอเจนซี่ที่ทำ SEO สายขาว และหลีกเลี่ยงเอเจนซี่ที่ทำ SEO สายดำ เพราะ SEO สายขาวจะทำให้เว็บไซต์ของคุณปลอดภัย เห็นผลดี และไม่เสี่ยงโดน Google แบน (SEO สายขาว สายเทา สายดำ คืออะไร ต่างกันอย่างไรมาดูกัน!)