1. หน้าหลัก
  2. อัปเดตการตลาด
  3. SEO Marketing คืออะไร ดีต่อธุรกิจอย่างไร สรุปครบในบทความเดียว
การตลาด SEO
เผยแพร่เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2024 | แก้ไขเมื่อ: พฤษภาคม 15, 2025

SEO Marketing คืออะไร ดีต่อธุรกิจอย่างไร สรุปครบในบทความเดียว

Table Of Contents

ณ ตอนนี้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงธุรกิจผ่านโลกออนไลน์ได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าพวกเขาต้องการซื้อสินค้าหรือกำลังมองหาคำตอบเรื่องอะไร เพียงแค่เข้าไปในเครื่องมือค้นหาอย่าง Google และพิมพ์สิ่งที่ต้องการลงไป ก็พบกับคำตอบและสินค้าที่ต้องการได้แล้ว ซึ่งเราจะเห็นได้ว่า Google เป็นเหมือนพื้นที่ส่วนกลางที่ทำให้ธุรกิจและแบรนด์อย่างเรา ได้มาเจอกับเหล่าผู้บริโภค โดยเว็บไซต์ที่ปรากฏขึ้นมาบน Google เป็นส่วนหนึ่งของการทำ “SEO Marketing” หรือ “การตลาด SEO” นั่นเอง

ANGA (ดิจิทัลเอเจนซี่ที่เชี่ยวชาญด้านบริการรับทำ SEO และ Performance Marketing) จะพาคุณไปทำความเข้าใจว่า SEO Marketing คืออะไร มีความสำคัญและมีประโยชน์ต่อธุรกิจอย่างไร ทำไมทุกธุรกิจถึงควรหันมาทำการตลาด SEO ? พร้อมแนะนำกลยุทธ์ในการทำการตลาด SEO 2025 บอกต่อเครื่องมือทำ SEO และตอบคำถามยอดฮิตอย่าง “SEO SEM คืออะไร?“ กับ “SEO กับ SEM ต่างกันอย่างไร?” ให้ทราบกันด้วย

การตลาด SEO

SEO Marketing คืออะไร

SEO Marketing หรือการตลาด SEO คือกลยุทธ์การทำการตลาดผ่านเว็บไซต์ เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับการค้นหาบน Search Engine (เครื่องมือค้นหา) อย่าง Google แบบ Organic (ติดอันดับแบบธรรมชาติ จากการคัดสรรของอัลกอริทึมของ Search Engine โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการทำโฆษณา) ซึ่งคำว่า SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization นั่นหมายความว่าคุณจะต้องปรับปรุงเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพ เอื้ออำนวยต่อการทำ SEO (Search Engine Optimization) และเป็นมิตรกับ Search Engine มากที่สุด เพื่อรองรับการติดอันดับสูงและดึงดูดผู้ใช้งาน (User) ให้ใช้เวลาอยู่บนเว็บไซต์นาน ๆ  ไม่ว่าจะเป็นความเร็วในการโหลดหน้าเว็บไซต์, การแสดงผลที่มีคุณภาพ, คุณภาพของเนื้อหา, ความสวยงาม หรือจะเป็นการมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้แก่ผู้ใช้ก็ตาม

SEO Marketing สำคัญและมีประโยชน์ต่อธุรกิจอย่างไร

SEO Marketing มีความสำคัญและประโยชน์ต่อธุรกิจอย่างมากในปัจจุบันนี้ โดยเฉพาะธุรกิจที่ต้องการเติบโตและสร้างยอดขายบนโลกออนไลน์ แต่ธุรกิจออฟไลน์ที่มีแค่หน้าร้านก็สามารถใช้ประโยชน์จากการทำการตลาด SEO ได้เช่นกัน เมื่อคุณทำ SEO แล้วเว็บไซต์ไปติดอันดับบนหน้าแรกของ Google โอกาสทางธุรกิจของคุณจะเพิ่มขึ้น ทั้งในด้านของการเป็นที่รู้จัก การมองเห็นสินค้าและบริการ ความน่าเชื่อถือ ยอดขาย และการขยับขยายธุรกิจ

เพิ่มโอกาสให้ลูกค้าเห็นเว็บไซต์คุณมากขึ้น

การทำ SEO Marketing ช่วยดันเว็บไซต์ของคุณให้อยู่ในตำแหน่งที่ดีบนหน้าผลการค้นหาของ Google เมื่อลูกค้าค้นหาสิ่งที่คุณขาย คนส่วนใหญ่มักจะคลิกแค่ผลการค้นหาในหน้าแรก ทำให้โอกาสที่ลูกค้าจะเข้ามาที่เว็บของคุณสูงขึ้นมาก

ลงทุนครั้งเดียว ได้ผลยาวนาน

เมื่อเว็บไซต์ติดอันดับดีแล้ว มันสามารถอยู่ในตำแหน่งนั้นได้ในระยะยาว โดยไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มทุกวันเหมือนการทำโฆษณา Google Ads

สร้างความน่าเชื่อถือให้ธุรกิจของคุณ

เว็บไซต์ที่อยู่อันดับต้น ๆ บน Google มักได้รับความเชื่อถือจากผู้ใช้งานมากกว่า ลูกค้ามักคิดว่าเว็บที่ติดหน้าแรกเป็นผู้รู้จริงในเรื่องนั้น ๆ และมีการจดจำแบรนด์ได้ดีขึ้น

ทำให้ลูกค้าประทับใจและกลับมาซื้อซ้ำ

การทำ SEO Marketing รวมถึงการปรับปรุงเว็บให้ใช้งานง่ายและน่าพอใจ เมื่อลูกค้าเข้ามาแล้วรู้สึกดี พวกเขาจะมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้ามากขึ้น และอาจกลับมาซื้อซ้ำในอนาคตได้

ขยายตลาดทั้งในพื้นที่ใกล้ตัวและต่างประเทศ

คุณสามารถเข้าถึงลูกค้าในพื้นที่ใกล้เคียงผ่านการทำ Local SEO และขยายไปยังลูกค้าต่างประเทศด้วยการทำเว็บไซต์หลายภาษา ช่วยเปิดตลาดใหม่ ๆ ให้กับธุรกิจของคุณ

เข้าใจพฤติกรรมลูกค้าและปรับกลยุทธ์ธุรกิจได้ดีขึ้น

คุณจะรู้ว่าลูกค้าค้นหาอะไรเพื่อเจอเว็บคุณ และสนใจอะไรบนเว็บไซต์ ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้คุณปรับปรุงสินค้าและบริการให้ตรงใจลูกค้ามากขึ้น

ธุรกิจเล็กก็สู้ธุรกิจใหญ่ได้

Google ไม่ได้จัดอันดับตามขนาดของบริษัทหรืองบโฆษณา แต่ดูที่คุณภาพของเว็บไซต์และเนื้อหาเป็นหลัก ธุรกิจขนาดเล็กที่มีข้อมูลดีก็มีโอกาสติดอันดับสูงได้โดยไม่ต้องใช้งบทำการตลาดสูง ๆ ได้

SEO Marketing มีการทำงานอย่างไร

โดยปกติแล้ว SEO Marketing จะมีขั้นตอนการทำงานอยู่ 3 ขั้นตอนหลัก คือ Crawling (การสำรวจและเก็บรวบรวมข้อมูลโดย  Googlebot), Indexing (การจัดทำดัชนีหรือเก็บข้อมูลเว็บไซต์เข้าสู่ฐานระบบของ Google) และ Rangking (การวิเคราะห์ประสิทธิภาพของหน้าเว็บไซต์ของคีย์เวิร์ดต่าง ๆ และแสดงผลออกมาเป็นลำดับ) แต่ Google ได้มีการอัปเดตขั้นตอนการทำงานตรงนี้ใหม่ ภายในงาน Google Search Central Live 2024 ว่าต่อไปนี้ Serving จะเข้ามาแทนที่ Rangking เพราะ Google ต้องการเตรียมแพลนสำหรับการค้นหารูปแบบใหม่ในอนาคต ซึ่ง Serving เป็นการแสดงผลที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานแต่ละคนมากที่สุด จากการตีความคำค้นหาให้ละเอียดมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

Google Serving

Crawling

Crawling คือขั้นตอนที่ Googlebot เข้ามาสำรวจและอ่านข้อมูลบนเว็บไซต์ของคุณ โดยความถี่ในการเข้ามาขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ทั้งความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ คุณภาพของเนื้อหาโดยรวม และปัญหาเชิงเทคนิคต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น การที่เว็บไซต์ถูก Crawl บ่อยไม่ได้หมายความว่าจะติดอันดับดี แต่เป็นเพียงขั้นตอนแรกที่ทำให้ Google รู้จักเว็บของคุณ

Indexing

Indexing เป็นกระบวนการที่ Google จัดเก็บและทำความเข้าใจข้อมูลจากหน้าเว็บที่ถูก Crawl มาแล้ว ในขั้นตอนนี้ Google จะประมวลผลสัญญาณต่าง ๆ ทั้งลิงก์ที่ชี้มายังหน้าเว็บ (Backlink) อายุของหน้าเว็บ ข้อมูลของรูปภาพรวมถึง Alt Text ด้วย คุณสามารถตรวจสอบว่าหน้าเว็บของคุณถูกเก็บในดัชนีแล้วหรือยังด้วยการพิมพ์ “site:ลิงก์หน้าที่ต้องการตรวจสอบ” บน Google ถ้าหน้านั้นปรากฏในผลการค้นหา แสดงว่าถูก Index แล้ว

Serving

Serving เป็นขั้นตอนที่ Google แสดงผลการค้นหาให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ โดยจะตีความคำค้นหาและโฟกัสที่คำสำคัญ ไม่สนใจคำฟุ่มเฟือย เช่น ถ้าค้นหาว่า “ย่างไก่ให้อร่อย” Google จะโฟกัสที่คำว่า “ไก่” และ “อร่อย” เป็นหลัก แล้วแสดงผลการค้นหาที่เกี่ยวกับวิธีย่างไก่ให้อร่อย ทั้งสูตรอาหาร เทคนิคการย่าง หรือร้านไก่ย่างที่อร่อย ขึ้นอยู่กับว่า Google คิดว่าอะไรจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้มากที่สุด

กลยุทธ์การตลาด SEO มีกี่ประเภท

“SEO มีกี่ประเภท?” และ “การทำ SEO มีกี่รูปแบบ?” เป็นอีกหนึ่งคำถามที่พบได้บ่อยในคนที่เพิ่งเริ่มศึกษาด้านการทำ SEO โดยการตลาด SEO แบ่งออกได้เป็น 3 รูปแบบ ได้แก่ On-page SEO, Off-page SEO และ Technical SEO ซึ่งคุณจะต้องทำทั้ง 3 ส่วนนี้ให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพควบคู่กันไป เพราะถ้า 2 ส่วนดี แต่ 1 ส่วนไม่ดี ก็อาจทำให้เว็บไซต์ของคุณพลาดโอกาสในการติดอันดับเหนือเว็บไซต์คู่แข่งได้ อย่างไรก็ตามแนะนำให้เน้นไปที่ส่วนแรก หรือการทำ On-Page SEO มากที่สุด

ประเภทของ SEO

1. On-Page SEO

On-Page SEO คือการปรับแต่งองค์ประกอบต่าง ๆ ภายในเว็บไซต์ของคุณเอง เพื่อให้ทั้งผู้ใช้งานและ Search Engine เข้าใจได้ง่ายว่าเนื้อหาของคุณเกี่ยวกับอะไร การทำ On-Page SEO ครอบคลุมตั้งแต่การเลือกใช้คีย์เวิร์ด, การกำหนด Title และ Meta Description, การสร้างเนื้อหา, การตั้งชื่อ URL ไปจนถึงการใส่ Alt Text ให้กับรูปภาพ

2. Off-Page SEO

Off-Page SEO เป็นการทำ SEO จากภายนอกเว็บไซต์ของคุณ เน้นการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ในสายตาของ Google วิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือการทำ Link Building หรือการสร้าง Backlink บนเว็บอื่นและเชื่อมโยงมายังเว็บไซต์ของคุณ นอกจากนี้ การที่ชื่อธุรกิจถูกพูดถึงบ่อย ๆ บนโลกออนไลน์ก็ช่วยได้

3. Technical SEO

Technical SEO คือการปรับแต่งโครงสร้างและเทคนิคเบื้องหลังของเว็บไซต์ให้ Googlebot เข้ามาเก็บข้อมูลและจัดอันดับได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการปรับปรุงความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ การทำให้เว็บไซต์รองรับอุปกรณ์มือถือ การสร้าง Sitemap การตั้งค่า Robots.txt การทำให้เว็บไซต์มีความปลอดภัยด้วย HTTPS ฯลฯ ซึ่งไม่ได้ช่วยให้ Search Engine เข้าใจเว็บไซต์ของคุณได้ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งานอีกด้วย

SEO กับ SEM ต่างกันอย่างไร

SEO SEM Marketing คืออะไร แตกต่างกันอย่างไร? SEO คือส่วนหนึ่งของ SEM คือการทำการตลาดผ่านเครื่องมือการค้นหา ซึ่งย่อมาจาก Search Engine Marketing  โดย SEM สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วน คือ SEO และ PPC โดยสังเกตความแตกต่างได้จากเว็บไซต์ที่ปรากฏอยู่บนผลการค้นหา หากเป็นโฆษณาจะมีคำว่า “Sponsored” ข้างบนชื่อเว็บไซต์ หรือดูตัวอย่างได้จากภาพด้านล่างนี้เลย

SEO SEM ต่างกันยังไง

1. SEO Marketing

SEO Marketing คือกระบวนการปรับแต่งเว็บไซต์เพื่อให้ติดอันดับสูงในผลการค้นหาแบบธรรมชาติ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการลงโฆษณาแบบรายวัน การทำ SEO ต้องอาศัยความเข้าใจในอัลกอริทึมของ Google และการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ จุดเด่นของ SEO คือผลลัพธ์ที่ยั่งยืนในระยะยาว แต่ต้องใช้ระยะเวลาและความสม่ำเสมอในการทำสูง

2. Pay Per Click (PPC)

Pay Per Click (PPC) หรือ Google Ads เป็นรูปแบบการโฆษณาออนไลน์ที่จะคุณจ่ายเงินเฉพาะเมื่อมีคนคลิกที่โฆษณาของคุณ ซึ่งส่วนใหญ่จะปรากฏบนหน้าผลการค้นหาของ Google หรือเว็บไซต์พันธมิตร จุดเด่นของ PPC คือเห็นผลลัพธ์ทันที สามารถกำหนดงบประมาณได้ตามต้องการ และวัดผลได้แม่นยำ แต่ข้อเสียคือต้องจ่ายเงินทุกครั้งที่มีคนคลิก และเมื่อหยุดจ่าย โฆษณาก็จะหายไปทันที ต่างจาก SEO ที่ยังคงติดอันดับต่อไปแม้ไม่ได้ทำอะไรเพิ่ม

เปิดกลยุทธ์ทำการตลาด SEO ให้รุ่งในปี 2025

จากประสบการณ์ในการทำ SEO ให้แก่ธุรกิจของลูกค้ามาหลายร้อยเว็บไซต์ ทำให้เราได้เข้าใจวิธีและเทคนิค SEO ในแต่ละประเภทธุรกิจอย่างลึกซึ้ง จึงได้สรุปออกมาเป็น “ASEO (Adaptive Search Engine Optimization)” กลยุทธ์ทำการตลาด SEO ด้วยแนวคิดใหม่ เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับอย่างยั่งยืนบน Organic Search กับ AI-powered platforms (เพิ่มโอกาสให้เครื่องมือ AI อย่าง Gemini หรือ ChatGPT ดึงเนื้อหาบนเว็บไซต์ของคุณไปตอบคำถามผู้ใช้งาน) ควบคู่กันไปในปี 2025 และองค์ประกอบของ ASEO มีอยู่ 7 ข้อ ดังนี้

ASEO (Adaptive Search Engine Optimization)
  1. Technical Issues คือการปรับปรุงแก้ไขปัญหาเชิงเทคนิคให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
  2. SXO (Search Experience Optimization) คือ การปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้งานให้สอดคล้องกับการทำ SEO
  3. External Signal คือสัญญาณจากภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์เรา
  4. Link Building หรือการสร้าง Backlink โดยให้เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ
  5. SILO-based Structure คือการจัดระเบียบเนื้อหาบนเว็บไซต์ให้เป็นหมวดหมู่ชัดเจน
  6. High-quality Content คือการสร้างเนื้อหาคุณภาพสูงด้วย E-E-A-T Factor
  7. Keyword Research & Intent คือการค้นหาคีย์เวิร์ดและทำความเข้าใจเจตนาในการค้นหาของ User

บทสรุปเรื่อง SEO Marketing หรือการตลาด SEO

ผลลัพธ์ของการทำ SEO Marketing หรือการตลาด SEO นั้น มีความยั่งยืนและดีต่อธุรกิจในระยะยาว โดยจะมุ่งเน้นไปที่การปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับบน Search Engine แบบธรรมชาติ โดยไม่เสียค่าโฆษณา จึงมีความน่าเชื่อถือมากกว่าการทำโฆษณา Google Ads หรือ PPC ทั้งนี้ การทำ SEO Marketing จะสำเร็จหรือไม่ ขึ้นอยู่กับเทคนิคและกลยุทธ์ในการทำ หากคุณมองหาบริษัทรับทำ SEO อยู่ แนะนำให้เลือกบริษัทที่มีบริการรับทำ SEO สายขาวและหลีกเลี่ยงบริษัทที่ทำ SEO สายดำ เพราะ SEO สายขาวจะทำให้เว็บไซต์ของคุณปลอดภัย เห็นผลดี และไม่เสี่ยงโดน Google แบน

บทความที่เกี่ยวข้อง

Google เผยเอกสาร 8 วิธีทำให้เว็บไซต์คุณติด AI Search ทุกตัว

จาก SEO (Search Engine Optimization) สู่ AI Search Optimization ตอนนี้คุณไม่ต้อง ‘งม’ เองอีกต่อไป ว่าจะต้องปรับตัวยังไงดี เพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้ Google ได้เปิดตัว Google AI Mode และ Gemini โมเดลใหม่ ๆ ข
44

Google AI Mode ฟีเจอร์ใหม่ที่จะทำให้วงการ SEO สั่นสะเทือน

งาน Google I/O 2025 ปีนี้ Google ได้นำเปิดตัวเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่น่าสนใจมากมาย แต่สิ่งที่เป็นไฮไลต์เด็ดของงานนี้ก็คือ “Google AI Mode” ฟีเจอร์สุดล้ำที่นำ Gemini 2.5 (โมเดลที่ฉลาดที่สุดของ Google) ม
152

ANGA เปิดรับสมัคร AMC รุ่น 2 (2025)

กลับมาอีกครั้งตามคำเรียกร้องกับโครงการ AMC (ANGA Management Candidates) รุ่น 2 ที่ใคร ๆ หลายคนต่างรอคอย หลังจากที่โครงการ AMC รุ่น 1 ประสบความสำเร็จและได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างมาก  เพราะเป็นโครง
141
th