อัปเดต! การทำโฆษณา PPC ในปี 2024 กำลังจะเปลี่ยนไปจากเดิม
การทำโฆษณาแบบ PPC (Pay Per Click) ในปี 2024 กำลังจะเปลี่ยนไปจากปีที่ผ่านมา เพราะ Google ตัดสินใจยกเลิก Third-Party Cookie ทำให้คุณไม่สามารถใช้ข้อมูลจากแหล่งอื่น ๆ ได้อีกต่อไป ต้องการวิธีการวัดผลและทำแคมเปญใหม่ แถมยังให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานมากขึ้นด้วย! แต่ในเมื่อมีข่าวร้ายก็ย่อมมีข่าวดีด้วยเช่นกัน นั่นก็คือบทบาทที่เพิ่มขึ้นของ Generative AI ในอุตสาหกรรมโฆษณานั่นเอง และทิศทางในการทำโฆษณา PPC ให้รุ่งในปี 2024 นี้จะไปอย่างไร แองก้าได้สรุป 7 ประเด็นสำคัญมาให้ในบทความนี้แล้ว ตามไปอ่านกันต่อได้เลย!
1. พัฒนาการวัดผลของคุณ
เนื่องจาก Third-Party Cookie หรือข้อมูลที่ถูกเก็บรวบรวมมาจากแหล่งภายนอกกำลังจะถูกยกเลิกไป เราจึงต้องเปลี่ยนวิธีการวัดผลใหม่ โดยนำข้อมูล First-party data (ข้อมูลที่เราเก็บรวบรวมเอง) มาใช้งานแทน ไม่เพียงเท่านั้นเรายังแนะนำให้ปรับปรุง Conversions ให้แม่นยำขึ้น และนำข้อมูลจาก Google Analytics มาวิเคราะห์และใช้ประโยชน์ด้วย
2. เริ่มใช้ Value-based bidding ได้แล้ว
Value-based bidding เป็นกลยุทธ์การประมูลอัตโนมัติบน Google Ads ที่ใช้ Conversion Value เป็นตัวกำหนดราคาประมูล แทนที่จะใช้ Click หรือ Impression เหมือนกลยุทธ์แบบเดิม ๆ ทำให้คุณสามารถควบคุมงบประมาณในการยิงโฆษณาได้ดียิ่งขึ้น! ไม่ต้องเสียเวลาในการขึ้นแคมเปญนาน ๆ และยังเพิ่ม ROI (Return on Investment) ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย ดังนั้น คุณควรเริ่มใช้ Value-based bidding และโฟกัสไปที่กลุ่ม Keyword ที่ทำให้เกิดยอดขายได้แล้ว
3. หันมาใช้ Broad Match
แนะนำให้ใช้ Broad Match กับ Value-based bidding และ Negative คีย์เวิร์ดที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของแคมเปญ เพราะระบบจะนำส่งโฆษณาของคุณไปยังกลุ่มคนที่มีแนวโน้มในการซื้อสินค้ามากที่สุด ซึ่งจะช่วยกระตุ้นยอดขายได้เป็นอย่างดี
4. ควบคุม Performance Max ให้มากขึ้น
เนื่องจากการจำกัดของ Third-Party Cookie จึงทำให้เราทำโฆษณา Performance Max ยากขึ้น เราจึงต้องควบคุมและมอนิเตอร์ Performance Max ให้ละเอียดมากกว่าเดิมในปีนี้
5. ทดลองใช้ Demand Gen
Discovery Campaign กำลังจะถูกเปลี่ยนไปเป็น Demand Gen ภายในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ ซึ่ง Demand Gen มีความคล้ายคลึงกับ Performance Max อย่างมาก แต่จะแตกต่างกันที่วิธีการเท่านั้น ดังนั้น คุณจึงควรลองใช้ Demand Gen เพื่อหาว่าอะไรดีกว่ากัน แต่ Lookalike Audience จะแย่ลง เพราะปัญหาเรื่อง Cookie ตามที่กล่าวไปข้างต้น
6. ใช้ประโยชน์จาก Generative AI
Generative AI อย่าง Bard หรือ ChatGPT เป็นเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่โด่งดังมาก ๆ ในปัจจุบันนี้ ด้วยความสามารถที่หลากหลายสามารถสร้างได้ทั้งภาพกราฟิก วาดภาพ แปลภาษา เสียง ฯลฯ จึงถูกนำมาใช้ประโยชน์ในหลาย ๆ อุตสาหกรรม รวมถึงอุตสาหกรรมโฆษณาด้วยเช่นกัน อาทิ นำมาใช้ในการ Creative Ads หรือเขียน Ad Copy (ภาษาอังกฤษ) เพื่อลดขั้นตอนในการทำงานและลดระยะเวลาในการขึ้นแคมเปญโฆษณา เป็นต้น
Generative AI ตัวไหนดี?
ไปอ่านกันต่อได้ที่ : เปรียบเทียบ Bard VS ChatGPT
7. ทีม Paid และ Organic ต้องทำงานร่วมกัน
เดิมที SGE (Search Generative Experience) หรือฟีเจอร์ใหม่จาก Google ที่นำ Generative AI มาใช้งานจะแสดงผลในฝั่ง Organic Search เท่านั้น แต่ต่อจากนี้ไป SGE จะแสดงผลบน Shopping Ads และช่องทางอื่น ๆ ด้วย ดังนั้น ทีม Paid และ Organic จะต้องทำงานรวมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับปรุงกลยุทธ์ของทั้งสองฝั่งให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น
บทสรุป
และทั้งหมดนี้ก็เป็น 7 ทิศทางในการทำโฆษณา PPC ในปี 2024 ที่เราอยากให้คุณลองลงมือทำ! ต้องบอกเลยว่าเรื่องของการยิงโฆษณาและการตลาดออนไลน์เป็นเรื่องที่มีการอัปเดตอยู่แทบจะตลอดเวลา ถ้าคุณรู้และลงมือทำก่อนใคร โอกาสที่คุณจะนำหน้าคู่แข่งก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น และจากแนวทางการทำโฆษณาในบทความนี้ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณจะได้สนุกกับการทดลองอะไรใหม่ ๆ พร้อมกับได้รับผลลัพธ์ที่เยี่ยมยอดกว่าเดิมกลับไป
สำหรับท่านใดที่สนใจบริการรับทำโฆษณา บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ อย่าง Google Ads, Facebook Ads, Instagram Ads, YouTube Ads, TikTok Ads หรือแม้แต่บริการรับทำ SEO จากแองก้า เพื่อให้ธุรกิจเติบโตขึ้นในปี 2024 นี้ สามารถติดต่อเข้ามาปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญของเราได้เลย!
ขอบคุณข้อมูลจาก Search Engine Land และภาพจาก Google