Google Performance Max คืออะไร ทำไมเพิ่มยอดขายให้คุณได้?
Google Performance Max คือสิ่งที่คนยิงโฆษณา Google Ads ไม่ควรพลาด! เพราะสิ่งนี้ จะช่วยให้แคมเปญโฆษณาของคุณมีประสิทธิภาพแบบเต็มพิกัด เข้าถึงจัดเต็มทุกช่องทางของ Google เลยทีเดียว
อย่างที่เราทราบกันว่าคนไทยส่วนมากใช้งาน Google Search เป็นหลัก ช่องทางนี้จึงเป็นช่องทางทำเงินยอดนิยมที่แบรนด์ต่าง ๆ หันมาลงทุนทำโฆษณากัน และเมื่อไม่นานมานี้ ทาง Google ก็ได้เปิดตัวเครื่องมือใหม่ “Performance Max” ออกมา เพื่อให้คุณได้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายจำนวนมาก ในทุกช่องทาง ภายในคลิกเดียว! แค่นี้ก็น่าสนใจไม่น้อยแล้ว แต่ข้อดีของเครื่องมือดังกล่าวไม่ได้มีอยู่เพียงเท่านี้
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปทำความรู้จักว่า Google Performance Max คืออะไร ช่วยเพิ่มยอดขายทางเว็บไซต์ได้อย่างไร และมีประโยชน์ต่อธุรกิจคุณอย่างไร? กับ ANGA (แองก้า) ดิจิตอลเอเจนซี่การตลาดออนไลน์กันได้เลย!
Google Performance Max คืออะไร?
Google Performance Max คือเครื่องมือที่จะช่วยให้คุณเข้าถึงทุกพื้นที่โฆษณาของ Google Ads ทั้งหมด ภายในแคมเปญเดียวอย่างไร้พรมแดน ซึ่งจะเป็นการสร้างแคมเปญโฆษณาเพียง 1 แคมเปญเท่านั้น แต่โฆษณาของคุณจะไปปรากฏอยู่บนทุกช่องทางในเครือข่ายของ Google คือ YouTube, Google Display, Google Search, Gmail และ Google Maps เพื่อให้ประสิทธิภาพโฆษณาของคุณอยู่ในระดับสูงที่สุด เท่าที่จะสามารถเป็นไปได้
เคสความสำเร็จจากการใช้งาน Performance Max
ตัวอย่างเคสความสำเร็จจากการใช้งาน Performance Max ที่ทาง Google นำมาแนะนำ คือ Estee Lauder แบรนด์ผลิตภัณฑ์เสริมความงามชั้นนำแนวหน้าของโลก ได้รับผลตอบแทนการค่าโฆษณา (ROAS) เพิ่มขึ้นถึง 45% หลังจากการใช้งานแคมเปญ Google Performance Max
ย้อนกลับไปในที่ช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทาง Estee Lauder ได้ร่วมมือกับ Zenith สร้างแคมเปญ Performance Max ขึ้น โดยมุ่งเน้นไปที่การปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมของผู้บริโภคในขณะนั้นมากที่สุด ส่งผลให้ยอดขายของ Estee Lauder ผ่านเว็บไซต์ e-Commerce เติบโตขึ้นอย่างยั่งยืน จนกลายเป็นเครื่องมือหลักที่ใช้ในการทำแคมเปญเลยทีเดียว
“เราเห็นความเป็นไปได้ครั้งสำคัญจากการใช้แคมเปญ Performance Max ซึ่งผลตอบรับดีมาก ช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้เร็วยิ่งขึ้นตามคาด” – Kerry Lee, (ผู้จัดการฝ่ายการสร้างความผูกพันกับผู้บริโภคของ Estee Lauder Taiwan) กล่าว
จุดเด่นและประโยชน์ของ Google Performance Max
- ช่วยขยายกลุ่มลูกค้า
Google Performance Max เป็นแคมเปญที่เข้าถึงช่องทางทั้งหมดของ Google ทำให้สามารถเข้าถึงผู้คนจำนวนมากได้เป็นวงกว้าง โอกาสที่คุณจะพบกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ ก็จะมากขึ้นด้วย
- เจอกลุ่มเป้าหมายที่มีคุณภาพ
เพียงแค่ใส่ Asset ลงไป Google Performance Max ก็จะค้นหากลุ่มเป้าหมายที่มีคุณภาพ ให้กับคุณแบบอัตโนมัติ
- กระตุ้นยอดขาย
เมื่อคุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีคุณภาพได้แล้ว สิ่งที่ตามมาคือ Conversion ที่สูงขึ้น ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถกอบโกยยอดขายได้จากหลากหลายช่องทาง
- โฆษณามีประสิทธิภาพมากขึ้น
Google Performance Max จะมีการนำ Machine Learning มาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลและรันแคมเปญ จึงช่วยให้แคมเปญของคุณบรรลุจุดประสงค์เร็วขึ้น ไม่ว่าจุดประสงค์ของคุณจะเป็นการทำ Lead Generation, การเพิ่มยอดขาย หรือการเพิ่ม Traffic เข้าเว็บไซต์ก็ตาม นอกจากนี้ Google Performance Max ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรันแคมเปญโฆษณาลงได้อีกด้วย
- รู้ข้อมูลเชิงลึก
Google Performance Max จะบอกให้คุณทราบว่าโฆษณาชิ้นใดมีประสิทธิภาพมากที่สุด กลุ่มเป้าหมายชื่นชอบโฆษณาตัวไหนมากที่สุด รวมทั้งบอกประสิทธิภาพของโฆษณาแต่ละชิ้นอย่างละเอียดให้คุณทราบด้วย เพื่อให้คุณนำโฆษณาที่ผลตอบรับไม่ดี ไปปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น
แนะนำฟังก์ชันการใช้งานของ Performance Max
Google Performance Max มาพร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่จะช่วยให้โฆษณาของคุณมีศักยภาพที่ดีขึ้น ได้แก่ Campaige Objective & Goal, Asset Group & Ads Strength, Audience Signals และ Performance Max Results ซึ่งจะพาคุณไปหากลุ่มเป้าหมายที่ “ใช่” ได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง
Campaign Objective & Goal
การกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่อยากให้เห็นแคมเปญโฆษณานี้ และตั้งวัตถุประสงค์ของการลงแคมเปญโฆษณา อาทิ ต้องการเพิ่มยอดการเข้าชมเว็บไซต์ ต้องการสร้างโอกาสในการขาย หรือต้องการสร้างยอดขาย เป็นต้น ซึ่งตรงนี้จะช่วยนำพาให้แคมเปญของเรา ไปพบกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ
Asset Group & Ads Strength
การใส่ Asset ลงไป (ข้อความ รูปภาพ หรือวิดีโอ) เพื่อบอกให้ Google Performance Max ส่ง Asset เหล่านี้ ไปยังแพลตฟอร์มต่าง ๆ ของ Google อย่างครอบคลุมทุกช่องทาง ซึ่ง Ads Strength จะเป็นตัวชี้วัดว่า Asset Group นั้น เหมาะกับการนำไปสร้างแคมเปญโฆษณาที่มีประสิทธิภาพแล้วหรือยัง
Audience Signals
การกำหนดกลุ่มเป้าหมายด้วยการระบุ Audience Signals ที่จะมาช่วยให้โฆษณาของคุณ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีคุณภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
Performance Max Results
การวิเคราะห์ภาพรวมของแคมเปญโฆษณา และสรุปผลออกมาให้คุณเห็นกันชัด ๆ ว่า แคมเปญโฆษณาแต่ละตัวให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันมากน้อยเพียงใด ซึ่งคุณสามารถนำข้อมูลที่ได้ ไปต่อยอดและปรับปรุงการทำโฆษณาในอนาคตได้
สิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนใช้งาน Performance Max
คุณไม่สามารถเลือก Placement หรือช่องทางเผยแพร่แคมเปญได้ เพราะ Google Performance Max จะเป็นแบบ Cross Chanel จึงมีการเผยแพร่บนทุกแพลตฟอร์มของ Google ทั้ง YouTube, Google Display, Google Search, Gmail และ Google Maps หากคุณไม่ดวกหรือติดข้อจำกัดบางประการ แนะนำให้ผ่านแคมเปญนี้ไปก่อน
และการรายงานผล (Report) จะไม่ได้ละเอียดและครอบคลุมมากนัก เมื่อเทียบกับแคมเปญอื่น ๆ สามารถดูได้ถึง Conversion Impression และ Conversion Rate เท่านั้น ไม่สามารถเจาะลึกลงไปถึงงบประมาณที่ใช้ได้
แนวทางในการรันแคมเปญโฆษณา
ก่อนที่จะจากกันไป แองก้าขอแนะนำแนวทางในการรันแคมเปญโฆษณา Performance Max กันสักนิด หากคุณอยากให้ประสิทธิภาพของแคมเปญของคุณดีที่สุด ต้องทำตามคำแนวทางเหล่านี้เลย!
การสร้างแคมเปญ Performance Max
- ตั้งงบประมาณ (Budget) ไว้ที่ประมาณ 3-10 เท่าของ CPA ที่ทำได้ หรือขึ้นอยู่กับประเภทธุรกิจ
- ติดตั้ง Conversion Tracking ไว้ติดตามผลของแคมเปญว่ามี Conversion เกิดขึ้นหรือไม่
- Asset จะต้องมีความสวยงาม, ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย, มี Key Message ที่ชัดเจน และ ใส่ Call-to-Action เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจด้วย
- ใส่ Remarketing List เข้าไปในฟังก์ชัน Audience Signals เพื่อให้แคมเปญมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- กำหนด Location หรือพื้นที่ของกลุ่มเป้าหมายที่คุณอยากได้มาเป็นลูกค้า
- Product Feed จะมีหรือไม่มีก็ได้
องค์ประกอบของ Asset ที่เป็นข้อความ
- Headline ต้องมีความยาวไม่เกิน 30 ตัวอักษร อย่างน้อย 3 รายการ แต่ไม่เกิน 5 รายการ
- Long Headline มีความยาวไม่เกิน 90 ตัวอักษร จำนวน 1-5 รายการ
- Description (คำอธิบายเนื้อหา) มีความยาวระหว่าง 60-90 ตัวอักษร จำนวน 2-5 รายการ
- Business Name (ชื่อธุรกิจ) ความยาวไม่เกิน 35 ตัวอักษร
- Call-to-Action (CTA) จำนวน 1 รายการ
- Display URL มีความยาวไม่เกิน 15 ตัวอักษร ไม่เกิน 2 รายการ
ขนาดของ Asset ที่เป็นรูปภาพ
- ใช้รูปภาพที่มีความใหญ่ไม่เกิน 5.12 MB
- Square (1:1) : 300 x 300 px หรือ 1200 x 1200 px (จำนวน 1-20 ภาพ)
- Landscape (1.91:1) : 600 x 314 px หรือ 1200 x 628 px (จำนวน 1-20 ภาพ)
- Portrait (4:5) : 480 x 600 px หรือ 960 x 1200 px (จำนวน 0-20 ภาพ)
ขนาดของ Logo ที่แนะนำ
- ใช้รูปภาพที่มีความใหญ่ไม่เกิน 5.12 MB
- Square : 128 x 128 px หรือ 1200 x 1200 px (จำนวน 1-5 ภาพ)
- Landscape : 512 x 128 px หรือ 1200 x 300 px (จำนวน 0-5 ภาพ)
ข้อกำหนดของ Asset ที่เป็นวิดีโอ
- วิดีโอจะมีหรือไม่มีก็ได้ หากไม่มีทาง Performance Max จะสร้างให้แบบอัตโนมัติ
- สามารถเพิ่มวิดีโอได้ถึง 5 รายการ แต่แนะนำให้วิดีโอแต่ละตัวมีเนื้อหาแตกต่างกัน
- ความยาววิดีโอตั้งแต่ 10 วินาทีขึ้นไป
- สามารถเลือกอัตราส่วนของวิดีโอได้ตามต้องการ ทั้งแนวตั้ง (9:16), แนวนอน (16:9) และจัตุรัส (1:1)
บทสรุป Google Performance Max คืออะไร?
สรุปว่า Google Performance Max คือเครื่องมือทำแคมเปญโฆษณาที่เข้าถึงทุกช่องทางของ Google เพื่อเพิ่มจำนวน Lead สร้างยอดขาย และกระตุ้นให้ Traffic เว็บไซต์สูงขึ้น ซึ่งจะทำให้แคมเปญของคุณมีความแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นเอง ซึ่งก่อนหน้านี้ทาง Google จำกัดการใช้งาน Performance Max กับบางบัญชีเท่านั้น แต่ตอนนี้ทุกบัญชีสามารถเข้าไปใช้งานกันได้แล้ว
หากคุณยังไม่แน่ใจว่า Google Performance Max นั้นดีและเหมาะสมกับธุรกิจของคุณหรือไม่ ANGA ขอแนะนำให้คุณลองใช้งานก่อน ไม่แน่ว่าบางที Google Performance Max นี้ อาจจะสร้างยอดขายอันมหาศาล และทำให้ธุรกิจของคุณบรรลุเป้าหมายเร็วขึ้นก็เป็นได้!