
สรุป Learning ปั้น SEO เว็บไซต์ให้คนเข้าถึงหลักล้าน 2023
สรุป Learning ปั้น SEO เว็บไซต์ให้คนเข้าถึงหลักล้าน 2023 แบบฉบับแองก้า อ่านง่าย รู้เรื่อง เข้าใจไม่ยาก และปรับใช้ได้กับทุกธุรกิจ! จากประสบการณ์ของทีม SEO แองก้าในปีนี้ เราพบว่าการทำ SEO นั้นมีความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในทุกปี ไม่ว่าจะด้วย Algorithms ใหม่ ๆ หรือเทรนด์ AI ที่จะเข้ามาเปลี่ยนโลกให้ต่างไปจากเดิม ทุกอย่างล้วนส่งผลต่อการทำ SEO ทุกขั้นตอน ตั้งแต่การวางกลยุทธ์ > วิเคราะห์คู่แข่ง > วางแผนคีย์เวิร์ด > คอนเทนต์ที่เขียนด้วยความรู้เชิงลึก > สร้าง Reputation ด้วย Backlink และ Social Media > จนไปถึงการวัดผลลัพธ์
จึงขอสรุปมาเป็น 5 ข้อ ดังต่อไปนี้!
- เว็บไซต์แต่ละประเภทไม่เหมือนกัน อย่าทำ SEO เหมือนกันแบบเทมเพลต
- สิ่งที่ต้องเตือนคนเข้าใจผิดเกี่ยวกับ Backlink คืออย่าเน้นจำนวน ให้เน้นคุณภาพ
- สิ่งที่คนทำ SEO ส่วนน้อยจะทำได้ในเชิงลึกคือ Technical Audit
- Content Writers กับ SEO Content Writers ไม่เหมือนกัน
- สิ่งใหม่ที่เราเจอคือ Brand Reputation บนโลกออนไลน์ผ่าน Social Media จะมีผลต่อการติดอันดับบน Google ด้วย โดยเฉพาะธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง
1. เว็บไซต์แต่ละประเภท ไม่เหมือนกัน อย่าทำ SEO เหมือนกันแบบเทมเพลต
เว็บไซต์แต่ละประเภท ไม่ว่าจะเป็น E-commerce, Corporate, B2B หรือ Publishers จะมีโครงสร้างที่แตกต่างกัน ทั้งหน้าสินค้า บริการ บทความ และอื่น ๆ รวมถึงการวางแผนเรื่อง Internal Linking ก็จำเป็นมาก ๆ สำหรับเว็บไซต์ SEO ทุกประเภท ดังนั้น คุณจึงไม่ควรทำ SEO ด้วยวิธีการและขั้นตอนเดียวกันเหมือนเทมเพลต
เว็บไซต์ที่ซับซ้อนอย่าง E-commerce จะต้องเริ่มจากการแบ่ง Category และ Sub-cateogry ตามความคุ้นชินของกลุ่มฐานลูกค้า ว่ามีพฤติกรรมการค้นหาอย่างไร เริ่มจากสี เริ่มจากรุ่น หรือราคา แล้วค่อยแบ่งโครงสร้างเว็บไซต์ตามนั้น
ส่วนเว็บไซต์อย่าง B2B และ Corporate ที่มีบริการเป็นโมเดลธุรกิจ รวมถึง OEM ก็จะมีโครงสร้างที่ซับซ้อนน้อยกว่า แต่ก็จะมีความท้าทายในเรื่องของข้อมูลเชิงลึกของแต่ละบริการ ที่จะต้องเขียนให้ลึก รู้จริง และคงความเข้าใจง่ายเอาไว้ด้วย ยิ่งมีบทความรายเดือนพร้อม Internal Linking ก็จะยิ่งส่งเสริมความสำคัญของธุรกิจเราต่อ Google เช่นกัน
2. สิ่งที่ต้องเตือนคนเข้าใจผิดเกี่ยวกับ Backlinks คืออย่าเน้นจำนวน ให้เน้นคุณภาพ
ให้ความสำคัญกับ Backlinks ที่มีคุณภาพและน่าเชื่อถือเท่านั้น ที่สำคัญต้องเป็น Local Websites หรือเว็บที่มีเนื้อหาเป็นภาษาเดียวกับเว็บไซต์เราด้วยจึงจะมีประสิทธิภาพมากที่สุด
Backlinks ที่มีคุณภาพสูง ถึงแม้จะทำเพียงเล็กน้อยต่อเดือน แต่จะมีค่ามากกว่าการทำ Backlinks คุณภาพต่ำจำนวนมาก และคุณควรหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะใช้เว็บไซต์ต่างประเทศ โดยเฉพาะ Guest Posts ด้วย เพราะยิ่งทำ ก็จะยิ่งลดความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์คุณลงไปเรื่อย ๆ
เรามีเคสตัวอย่างของปีนี้จาก Ahrefs 3-4 เว็บไซต์ ที่จ้างคนทำ Backlinks เพียงเพราะหวังให้ DR ดีขึ้น แต่ภายในระยะเวลาไม่กี่เดือนหลังจากนั้น เว็บไซต์เหล่านั้นถูกลดการมองเห็นลงและอันดับบน Google ก็แย่ลงด้วย เพราะคู่แข่งใช้ Backlinks ที่มีคุณภาพสูงกว่า ถึงแม้จะมี DR ต่ำกว่าก็ตาม แต่สุดท้ายก็สามารถเอาชนะได้ เราจึงขอแนะนำให้คุณเลิกสนใจค่า DR/DA ได้แล้ว
3. สิ่งที่คนทำ SEO ส่วนน้อยจะทำได้ในเชิงลึกคือ Technical Audit
น้อยคนนักที่จะเข้าใจหลักการของ SEO Technical Audits ว่าทำไปเพื่ออะไรและทำอย่างไร? เราขอแนะนำง่าย ๆ ว่า Google นั้นให้ความสำคัญกับตัวชี้วัดทางเทคนิคที่ส่งผลกับ User Experience เช่น
- Mobile friendliness
- Core Web Vitals : Site speed, Images, Layout, and user experiences
- Structured data
- XML sitemap (Sitemap คืออะไร?)
- Redirects / Canonical / Pagination
- Intenal linking & broken 404 pages
- Tags
ถ้าพูดให้ลึกจริง ๆ ก็จะมีเรื่อง Hosting / Server / Cloudflare / CDN / Caching / Server-side Rendering และอื่น ๆ อีกมากมายที่ไม่ใช่คนทำ SEO จะเข้าใจได้ง่าย ๆ
ดังนั้น หากคุณขาดทักษะในส่วนของ Technical SEO แนะนำว่าให้หาเอเจนซี่ที่เชี่ยวชาญมาช่วยดูแล เพราะเชื่อไหมว่าการแก้ที่ตรงจุดเพียงนิดเดียว ทำให้ Traffic พุ่งจากเดือนละหลักร้อยไปเป็นหลักหมื่นได้เลย ซึ่งเป็นเคสจริงที่เกิดขึ้นในปี 2023 ที่ใช้ JavaScript แทน HTML และนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความสำคัญของ Technical Audit ที่เราหยิบยกมาให้คุณดูเท่านั้น
4. Content Writers กับ SEO Content Writers ไม่เหมือนกัน
หลาย ๆ ธุรกิจเข้าใจว่านักเขียนทุกคน สามารถเขียนเนื้อหาเพื่อติดอันดับบน Google ได้ แต่พวกเขาอาจคิดผิด เพราะนักเขียนที่สามารถสร้างผลลัพธ์ SEO ให้ธุรกิจได้ ต้องเข้าใจกลไกของ Algorithms ที่ชื่อว่า Google E-E-A-T ด้วย
โดยรวมคือการเขียนการเขียนจากความรู้ความเข้าใจจริง ๆ ในธุรกิจนั้น ๆ ผ่านตัวอักษรและบทความบนเว็บไซต์ เพื่อสะท้อนความน่าเชื่อถือให้แก่ธุรกิจ อย่างเช่น เว็บไซต์คลินิกและโรงพยาบาลที่เด่น ๆ บน Google มักจะเป็นการเขียนหรือให้ความเห็นโดยแพทย์ โดยมี Content Editor เป็นผู้เรียบเรียงและใส่ Keywords ที่สำคัญลงไปตามแนวทางของการทำ SEO
รวมทั้งยังต้องเขียนบทความ SEO ให้เอื้อต่อหลักการ Crawl ของ Google เช่น Meta Elements ที่ถูกต้อง, มีความยาวเหมาะสม, Headlines ที่ถูกจัดโครงสร้างมาอย่างดี และอื่น ๆ พร้อม หัวข้อย่อยในบทความที่ตอบโจทย์ Google FAQs (คำถามที่คนมักถามกัน) อย่างครบถ้วน สิ่งเหล่านี้เป็นอะไรที่ Google ชอบมาก ๆ และจะทำให้เว็บไซต์เหล่านั้นจะติดอันดับได้ดี
5. Brand Reputation มีผลต่อการติดอันดับบน Google
สิ่งใหม่ที่เราเจอคือ Brand Reputation บนโลกออนไลน์ผ่าน Social Media จะมีผลต่อการติดอันดับบน Google ด้วย โดยเฉพาะธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง ๆ ถึงสิ่งนี้จะไม่ถูกพูดถึงใน SEO Algorithm แต่ Google เคยพูดเองว่า การสร้างความเชื่อมั่นและการสร้างตัวตนของแบรนด์บน Social Media ของคุณมีผลต่อการจัดอันดับด้วย
Google มีการพิจารณาเว็บไซต์ที่ถูกพูดถึงบน Social Media อยู่บ่อย ๆ นี่ถือเป็นสัญญาณ (signal) ประเภทหนึ่ง ที่ไม่ต่างจากการทำ Backlinks เลย โดยในทางอ้อมนั้น การที่ธุรกิจของเรามีตัวตนเป็นที่รู้จัก ส่งผลกับการคลิกเข้าเว็บไซต์ของคุณ เมื่อมีคนค้นหาสิ่งต่าง ๆ และพบคุณบน Google อีกด้วย
นอกจากนี้ Engagements ที่เกิดขึ้นบน Social Media ไม่ว่าจะเป็นการกดไลก์ แชร์ คอมเมนต์ ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ส่งไปให้ Google รู้ว่าคุณมีตัวตนอยู่จริง และเป็นที่รู้จักมากน้อยแค่ไหน เพราะฉะนั้นการทำ Social Media Presence จึงส่งผลอย่างลับ ๆ กับ SEO ด้วย
ANGA บริษัทรับทำ SEO การันตีผลลัพธ์ใน 90 วัน
ANGA (แองก้า) เราคือบริษัทรับทำ SEO ที่ได้รับรางวัลยืนยันการันตีความเชี่ยวชาญมากแล้วหลายรางวัล เช่น รางวัลชนะเลิศอันดับ 1 SEO Agency of the Year 2022 จาก Search Engine และให้บริการด้านการตลาดออนไลน์ครบวงจร หากคุณกำลังมองหาเอเจนซี่ในการช่วยปั้นธุรกิจของคุณให้ยั่งยืนบนโลกออนไลน์ สามารถติดต่อเรามาได้เลย! ที่ LINE : @ANGA
บทความที่เกี่ยวข้อง

Organic Traffic คืออะไร พร้อมวิธีเพิ่ม Traffic บนเว็บไซต์
