Impression คืออะไร รู้จักตัวชี้วัดสำคัญในการทำการตลาดออนไลน์
การตลาดออนไลน์ (Online Marketing) เป็นสิ่งสำคัญที่ทุกธุรกิจควรให้ความสำคัญ ถ้าธุรกิจใดไม่ได้ลงมาทำการตลาดบนโลกออนไลน์ก็ยากที่จะอยู่รอดในยุคนี้ ซึ่งการวัดผลแคมเปญการตลาดต่าง ๆ ที่ได้ทำลงไปเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะถ้าคุณไม่วัดผล คุณก็จะไม่มีทางรู้เลยว่าสิ่งที่คุณทุ่มเทลงไปนั้นเห็นผลจริงหรือไม่ และ Impression ก็เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดหลักที่นักการตลาดทุกคนต้องให้ความสนใจ ไม่ว่าคุณจะยิงโฆษณา Facebook Ads, ทำ SEO บนเว็บไซต์ หรือจะทำการตลาดแบบ Organic อื่น ๆ ก็ตาม
ถ้าคุณสงสัยว่า Impression คืออะไร สำคัญมากแค่ไหน? อิมเพรสชั่น แปลว่าอะไร? Impression Facebook คืออะไร? Impression แตกต่างกับ Reach อย่างไร? และอื่นหลากหลายสารพัดคำถามเกี่ยวกับ Impression ต้องมาอ่านทำความเข้าใจในบทความนี้ เพราะ ANGA รวบรวมข้อมูลมาให้คุณแล้ว
Impression คืออะไร
Impression คือจำนวนครั้งที่โฆษณาหรือเนื้อหาของคุณปรากฏบนหน้าจอของผู้ใช้งาน (กลุ่มเป้าหมาย) ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook, Instagram, TikTok, Lemon8, X (Twitter) หรือจะเป็นการมองเห็นเว็บไซต์บนหน้า SERPs (Search Engine Results Page) อย่าง Google Search ก็ตาม เพียงแค่มีการมองเห็นก็จะถูกนับว่าเป็น 1 Impression โดยที่ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องคลิกหรือมีปฏิสัมพันธ์ใด ๆ กับเนื้อหาเลย
- ถึงแม้ผู้ใช้จะเห็นเนื้อหาเดิมซ้ำ ก็จะนับเป็น Impression ใหม่ทุกครั้ง (เห็น 1 ครั้ง = 1 ImPression)
- เพียงแค่เนื้อหาปรากฏบนหน้าจอของผู้ใช้ ก็นับเป็น 1 Impression แล้ว (ไม่จำเป็นต้องมีการคลิกหรือมีส่วนร่วม)
ตัวอย่างการชี้วัดด้วย Impression
เพื่อให้คุณเข้าใจและเห็นภาพชัด ๆ ว่า Impression คืออะไร เราก็มีตัวอย่าง Impression บน Facebook และ Impression บน Google Search มาฝากกัน
ตัวอย่าง Impression บน Facebook
Impression Facebook คือจำนวนครั้งที่ผู้ใช้งานมองเห็นคอนเทนต์บน Facebook ไม่ว่าจะเป็น Organic Post, Facebook Ads, Facebook Stories หรือ Reels ก็ตาม ซึ่งถ้าผู้ใช้งานมีการ Refresh หน้าจอ แล้วเจอคอนเทนต์เดิมซ้ำ ก็จะถูกนับเป็น 2 Impressions
- ถ้าผู้ใช้เลื่อนผ่านฟีดข่าวและเห็นโฆษณาของคุณ = 1 Impression
- ถ้าผู้ใช้คนเดิมเลื่อนกลับขึ้นมาและเห็นโฆษณาของคุณอีกครั้ง = 2 Impressions
ตัวอย่าง Impression บน Google Search
Impression Google Search คือจำนวนครั้งที่เว็บไซต์ของคุณแสดงอยู่บนหน้าจอของผู้ใช้ เมื่อพวกเค้าค้นหาข้อมูลด้วย Keyword บน Google Search Bar (การแสดงผลนี้เป็นการแสดงผลแบบ Organic จากการทำ SEO) ซึ่งถ้าคุณสามารถปรับปรุงเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพที่ดี เลือกใช้คีย์เวิร์ดได้เหมาะสม และใช้เทคนิค SEO ที่ตรงกับอัลกอริทึมของ Google จนทำให้เว็บไซต์ติดอันดับในตำแหน่งที่ดี (Top 3) ก็จะทำให้ผู้ใช้มองเห็นเว็บไซต์ของคุณเยอะมาก ๆ ซึ่งหมายความว่ายอด Impression ก็จะพุ่งไปด้วยนั่นเอง
Impression มีกี่ประเภท
Impression แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท คือ Served Impression, Viewable Impression และ Verified Impressions ซึ่ง Impression แต่ละประเภทจะช่วยให้นักการตลาดสามารถวิเคราะห์และปรับปรุงแคมเปญได้อย่างแม่นยำมากขึ้น มาดูกันว่า Impression แต่ละประเภทมีความแตกต่างกันอย่างไร
1. Served Impression
Served Impression คือจำนวนครั้งที่โฆษณาถูกส่งไปยังเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันเพื่อแสดงผล โดยไม่คำนึงว่าโฆษณานั้นจะปรากฏบนหน้าจอของผู้ใช้จริงหรือไม่ ซึ่งประเภทนี้เป็นการวัดผลแบบพื้นฐานที่สุด แต่อาจให้ตัวเลขที่สูงกว่าความเป็นจริงได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น Served Impression ก็ยังคงมีประโยชน์ในการวัดปริมาณการส่งโฆษณาโดยรวมอยู่
2. Viewable Impression
Viewable Impression เป็นการวัด Impression ที่ละเอียดขึ้นกว่าเดิม โดยจะนับเฉพาะครั้งที่โฆษณาปรากฏบนหน้าจอผู้ใช้จริง ๆ เท่านั้น โดยจะต้องมีพื้นที่อย่างน้อย 50% ของโฆษณาปรากฏบนหน้าจอเป็นเวลาอย่างน้อย 1 วินาที สำหรับภาพนิ่ง หรือ 2 วินาทีสำหรับวิดีโอ ซึ่งวิธีนี้ให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำมากกว่า เพราะมันแสดงจำนวนครั้งที่ผู้ใช้มีโอกาสเห็นโฆษณาจริง
3. Verified Impressions
Verified Impressions คือการวัด Impression ที่แม่นยำที่สุด เพราะไม่ได้วัดแค่ว่าโฆษณาปรากฏบนหน้าจอหรือไม่ แต่ยังตรวจสอบด้วยว่าการแสดงผลนั้นเกิดจากการดูของมนุษย์จริงไหม (ไม่นับการแสดงผลจากการปั่นยอดและบอท) วิธีนี้ช่วยให้นักการตลาดมั่นใจได้ว่าโฆษณาถูกเห็นโดยกลุ่มเป้าหมายที่จริง ๆ
Impression แตกต่างกับ Reach อย่างไร
Impression และ Reach เป็นตัวชี้วัดสำคัญในการทำการตลาดออนไลน์เหมือนกัน แต่มีความแตกต่างกันตรงที่ Impression คือจำนวนครั้งที่เนื้อหาหรือโฆษณาปรากฏบนหน้าจอผู้ใช้ โดยนับทุกครั้งแม้จะเป็นการแสดงซ้ำให้กับคนเดิมก็ตาม ส่วน Reach คือจำนวนผู้ใช้ที่เห็นเนื้อหาหรือโฆษณาของคุณโดยไม่นับซ้ำแบบ Impression สรุปง่าย ๆ ว่า Reach จะนับเฉพาะจำนวนคนที่เห็นเนื้อหาของคุณ ไม่ว่าพวกเขาจะเห็นกี่ครั้งก็ตาม
โดย Impression จะบอกถึงความถี่ในการแสดงเนื้อหา ส่วน Reach จะบอกข้อมูลเกี่ยวกับขนาดของกลุ่มเป้าหมายที่เนื้อหาของคุณเข้าถึง ถ้าพบว่า Reach ต่ำ แต่ Impression สูง แปลว่าคุณกำลังนำเสนอเนื้อหาซ้ำ ๆ ให้กับคนกลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มเดิม ๆ อยู่ อาจจะต้องพิจารณาแก้ไขปรับปรุงและขยายกลุ่มเป้าหมายให้กว้างขึ้น
ตัวอย่าง
สมมติว่าคุณยิงโฆษณา Facebook Ads และมีคนเห็นโฆษณานี้ 1,000 คน แต่ละคนจะเห็นโฆษณาดังกล่าว 3 ครั้ง ดังนั้น Impression = 3,000 (1,000 คน x 3 ครั้ง) และ Reach = 1,000 (จำนวนคนที่เห็นโฆษณา) แน่นอนว่า Impression จะสูงกว่า Reach เสมอในทุก ๆ แคมเปญเป็นปกติ
สรุปบทความเรื่อง Impression
Impression คือตัวชี้วัดสำคัญในการทำการตลาดออนไลน์ที่บ่งบอกถึงจำนวนครั้งที่โฆษณาหรือเนื้อหาถูกแสดงผลบนหน้าจอของผู้ใช้งาน ถึงแม้ว่า Impression จะแตกต่างจาก Reach ที่วัดจำนวนผู้ชมที่ไม่ซ้ำกัน แต่ทั้งตัวชี้วัดนี้ก็มีความสำคัญในการนำไปวัดผลและปรับปรุงกลยุทธ์การตลาดไม่แพ้กัน นักการตลาดควรวิเคราะห์ตัวเลขจากสองตัวชี้วัดนี้ ควบคู่ไปกับตัวชี้วัดอื่น ๆ ด้วย เพื่อที่จะได้วิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญออกมาได้แม่นยำมากที่สุดนั่นเอง