แนะนำวิธีจัดกลุ่ม Keyword เพิ่ม CTR บน Google Ads
การทำโฆษณา Google Ads เป็นการตลาดเชิงรุกที่ได้รับความนิยมในทุกธุรกิจ เพราะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ สามารถปรับแต่งแคมเปญได้ตามที่ต้องการ และยังช่วยสร้างยอดขายให้แก่ธุรกิจจำนวนมากด้วย และหนึ่งในตัวชี้วัดความสำเร็จที่ธุรกิจต่าง ๆ มองหาจากบริษัทรับทำ Google Ads คือ “CTR” หรือ อัตราคลิกต่อการแสดงผลนั่นเอง เพราะสิ่งนี้จะเป็นตัวบ่งบอกคุณภาพของแคมเปญ และทำให้รู้ว่าผู้ยิงโฆษณามีความเชี่ยวชาญมากน้อยแค่ไหน มีฝีมือในการ Optimize ไหม หรือสามารถจัดกลุ่ม Keyword ได้อย่างเหมาะสมหรือไม่ เป็นต้น
ดังนั้น ถ้าคุณอยากยิงโฆษณาแบบมือโปร ที่สามารถกระตุ้นยอดขาย เพิ่ม CTR บน Google Ads ได้ตาม KPI ที่ลูกค้าต้องการล่ะก็ ลองมาดูวิธีจัดกลุ่ม Keyword จากแองก้าในบทความนี้และนำไปปรับใช้กับการยิงโฆษณาด้วย Google Ads ในปี 2024 นี้เลย
4 วิธีจัดกลุ่ม Keyword เพิ่ม CTR บน Google Ads
Keyword (คีย์เวิร์ด) เป็นกุญแจสำคัญในทางทำให้แบรนด์และลูกค้ามาเจอกัน เพราะคีย์เวิร์ดที่ถูกนำมายิ่งโฆษณาล้วนเป็นเหล่าวลีหรือคำที่กลุ่มเป้าหมายทำการค้นหาจริงบนช่องทางต่าง ๆ โดยเฉพาะบน Google ด้วยเหตุนี้การเลือก Keyword และการจัดกลุ่ม Keyword จึงเป็นเรื่องที่คุณควรให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ
แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าควรใช้ Keyword คำไหนมายิงโฆษณา? จะรู้ได้อย่างไรว่ากลุ่มเป้าหมายค้นหาคำว่าอะไร? คุณก็ต้องค้นหา Keyword ที่เกี่ยวข้องด้วยการใช้เครื่องมือ Keyword Research อย่าง Google Keyword Planner, Ahrefs หรือ SEMrush ก่อน เมื่อได้ Keyword มาแล้ว อันดับต่อไปก็มาจัดกลุ่ม Keyword ตามวิธีที่เราเอามาฝากกันได้เลย
1. จัดกลุ่มตามประเภทของสินค้า/บริการ
การจัดกลุ่ม Keyword ตามประเภทของสินค้าหรือบริการ ดีกับธุรกิจที่ขายสินค้าหลากหลายหรือมีบริการมากมายอย่างมาก เช่น คลินิกเสริมความงาม, ร้านขายเสื้อผ้า, ร้านขายสินค้าเกี่ยวกับความงาม หรือร้านค้าขายสินค้าเพื่อสุขภาพ เป็นต้น เพราะการจัดกลุ่ม Keyword ตามประเภทของสินค้า จะทำให้แคมเปญเข้าถึงลูกค้าได้อย่างถูกกลุ่ม แสดงโฆษณาตรงกับความสนใจของพวกเขา และมีโอกาสที่ CTR และยอดขายจะสูงขึ้นได้
ตัวอย่าง
- ธุรกิจคลินิกเสริมความงามที่ต้องการโฟกัสไปที่บริการ “ฟิลเลอร์”
- Keyword ที่แนะนำ : ฟิลเลอร์คือ, ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี, ฟิลเลอร์ ราคา, ฟิลเลอร์เจ็บไหม, ฟิลเลอร์คาง, ฟิลเลอร์ใต้ตา, ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ฯลฯ
2. จัดกลุ่มตามความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
วิธีที่ 2 คือการจัดกลุ่ม Keyword ตามพฤติกรรม ความสนใจ และความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย เช่น คุณเปิดร้านขายกางเกงผู้ชาย กลุ่มเป้าหมายของคุณคือพนักงานออฟฟิศและนักศึกษา กลุ่ม Keyword ที่คุณควรใช้คือ กางเกงทำงาน, กางเกงขายาวสีดำ, กางเกงชิโน, กางเกงผ้าลินิน, กางเกงขาสั้นผู้ชาย, กางเกงผู้ชาย, กางเกงนักศึกษา, กางเกงผู้ชายยี่ห้อไหนดี, กางเกงผู้ชายเอวสูง ฯลฯ ซึ่งวิธีจัดกลุ่ม Keyword แบบนี้ จะช่วยให้คุณสามารถนำเสนอโฆษณาที่ตรงกับสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายกำลังมองหาได้อย่างตรงจุด และจะนำมาซึ่งโอกาสในการคลิกโฆษณากับยอดขายตามที่คุณต้องการ
3. จัดกลุ่มตามสถานที่
การจัดกลุ่ม Keyword ตามสถานที่เป็นการนำ Keyword เกี่ยวกับสินค้า, บริการ หรือประเภทของธุรกิจมาผสานกับชื่อสถานที่ เช่น เลเซอร์รักแร้ สยาม, ตรวจร่างกาย ทองหล่อ, ร้านอาหารญี่ปุ่น สีลม, ล้างแอร์ นนทบุรี, ที่พัก เชียงใหม่, คาเฟ่ รัชโยธิน, ร้านขายลูกบอล เจริญกรุง ฯลฯ ซึ่งเหมาะกับธุรกิจที่มีการเปิดหน้าร้าน (สาขา) ในหลาย ๆ พื้นที่ หรือทำแคมเปญที่ต้องการเข้าถึงเป้าหมายที่อยู่ในพื้นที่นั้น ๆ อย่างเฉพาะเจาะจง
โดยการจัดกลุ่ม Keyword ตามสถานที่นี้ จะช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ดังกล่าวได้ง่ายขึ้น เมื่อกลุ่มเป้าหมายรู้ว่าใกล้ ๆ กับพื้นที่ที่พวกเขาอาศัยอยู่มีสินค้าหรือบริการที่พวกเขาสนใจ แนวโน้มที่คนจะคลิกและทำให้ CTR จึงสูงขึ้น นอกจากนี้ ยังกระตุ้นยอดขายได้เป็นอย่างดีด้วย
4. จัดกลุ่มตามเนื้อหาใน Landing Page
ถึงแม้ว่า Landing Page จะไม่ได้จำเป็นกับการทำ Google Ads จนขาดไม่ได้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า Landing Page มีประโยชน์อย่างยิ่ง ในการเพิ่มประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา เนื่องจาก Landing Page จะเป็นตัวดึงดูดความสนใจของผู้คน ทำให้กลุ่มเป้าหมายคลิกเข้ามาใช้งานบนเว็บไซต์ เพิ่มโอกาสในการทำ Conversion และสามารถใช้ในการเก็บข้อมูลของลูกค้าได้อย่างดีเยี่ยม
การจัดกลุ่ม Keyword ตามเนื้อหาใน Landing Page หมายถึงการเลือกใช้ที่มีความเกี่ยวข้องและสอดคล้องกับเนื้อหาที่ปรากฏขึ้นในหน้า Landing Page เช่น Landing Page เรื่อง “รับทำ SEO” ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการทำ SEO อย่างครอบคลุม เพื่อต้องการให้ผู้ใช้งานสนใจและตัดสินใจรับบริการกับคุณ ตัวอย่าง Keyword ที่แนะนำได้แก่ รับทำ SEO, บริษัทรับทำ SEO, รับจ้างทำ SEO, เอเจนซี่ทำ SEO, บริการทำ SEO, บริษัททำ SEO ครบวงจร, รับทำ Technical SEO, รับทำ SEO Audit ฯลฯ
บทสรุป
การเพิ่ม CTR บน Google Ads สามารถทำได้หลายวิธี ซึ่งการจัดกลุ่ม Keyword ก็เป็นวิธีที่ให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพอีกวิธีหนึ่ง ทั้งนี้ คุณไม่จำเป็นต้องจัดกลุ่ม Keyword ให้ครบทุกแบบในบทความนี้ แนะนำให้เลือกการจัดกลุ่มที่เหมาะกับประเภทของธุรกิจ สินค้า หรือกลุ่มเป้าหมายจะดีกว่า หรือไม่เช่นนั้นคุณอาจจะใช้การจัดกลุ่ม Keyword เหล่านี้ ในการทดสอบแคมเปญโฆษณาของคุณ เพื่อหาว่าการจัดกลุ่มแบบไหนเหมาะกับเป้าหมายและธุรกิจของคุณมากที่สุดก็ได้เช่นกัน