1. หน้าหลัก
  2. อัปเดตการตลาด
  3. HTML คืออะไร? โครงสร้างพื้นฐานในเว็บไซต์ที่สำคัญต่อการทำ SEO
HTML คืออะไร
เผยแพร่เมื่อ: พฤศจิกายน 28, 2024

HTML คืออะไร? โครงสร้างพื้นฐานในเว็บไซต์ที่สำคัญต่อการทำ SEO

Table Of Contents

เว็บไซต์คือเครื่องมือที่สำคัญในการสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ เพราะเปรียบเสมือนหน้าร้านที่เอาไว้รองรับลูกค้าที่เข้ามาผ่านการค้นหาบน Google หากเจาะลึกลงไปในองค์ประกอบของการสร้างเว็บไซต์ละก็ มันก็มีหลายอย่างมากที่สำคัญ และหนึ่งในสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย แม้ว่าคุณจะใช้ WordPress ก็ตามแต่ นั่นก็คือ”HTML” นั่นเอง เรามาทำความเข้าใจและทำความรู้จักกันว่า HTML คืออะไร? HTML ย่อมาจากอะไร? และทำไมถึงเป็นสิ่งสำคัญในการทำเว็บไซต์และ SEO (Search Engine Optimization) ผ่านบทความนี้กับ ANGA กันได้เลย

HTML คืออะไร HTML ย่อมาจากอะไร

HTML คือภาษามาร์คอัพพื้นฐานที่ใช้สร้างและกำหนดโครงสร้างของเว็บเพจ (Web Page) ที่ย่อมาจาก Hypertext Markup Language โดย HTML ได้รับการพัฒนาและกำหนดมาตรฐานจากองค์กร World Wide Web Consortium (W3C) เว็บไซต์ทั่วโลกกว่า 99% ใช้ HTML ในการแสดงผลหน้าเว็บ ร่วมกับ CSS ที่ช่วยจัดการด้านการแสดงผลและ JavaScript ที่เพิ่มการโต้ตอบกับผู้ใช้งาน

การทำงานของ HTML จะอาศัยระบบ “แท็ก” (Tags) ในการกำหนดโครงสร้างและรูปแบบการแสดงผลของเนื้อหา เช่น การกำหนดหัวข้อด้วยแท็ก <h1>, การแบ่งย่อหน้าด้วยแท็ก <p> หรือการแสดงรูปภาพด้วยแท็ก <img> โดยแท็กส่วนใหญ่จะมีทั้งแท็กเปิดและแท็กปิด เพื่อกำหนดขอบเขตของเนื้อหาที่ต้องการจัดรูปแบบ

โครงสร้างหลักของ HTML มีอยู่ 2 ส่วน ได้แก่

  1. ส่วน Head : เป็นส่วนหัวของหน้าเว็บไซต์ที่เก็บข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับหน้าเว็บ เช่น ชื่อเรื่อง (Title), Meta Tags และการเชื่อมโยงกับไฟล์ CSS หรือ JavaScript
  2. ส่วน Body :  เป็นส่วนที่เก็บเนื้อหาทั้งหมดที่จะแสดงผลบนหน้าเว็บ ไม่ว่าจะเป็นข้อความ รูปภาพ วิดีโอ หรือองค์ประกอบอื่น ๆ

HTML มีความสำคัญอย่างไรต่อเว็บไซต์ที่ทำ SEO

  • HTML คือโครงสร้างพื้นฐานที่ทำให้เว็บเบราว์เซอร์เข้าใจวิธีแสดงผลเนื้อหา
  • ช่วยจัดระเบียบเนื้อหาให้เป็นหมวดหมู่ผ่านการใช้แท็กต่าง ๆ 
  • ทำให้สามารถแก้ไขและปรับแต่งส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้อย่างแม่นยำ
  • การใช้แท็ก HTML อย่างถูกต้อง (เช่น <h1>, <title>, <meta>) มีผลต่อการจัดอันดับเว็บไซต์
  • ช่วยกำหนด Meta Description และ Title Tags ที่มีผลต่อการแสดงผลในหน้า SERP
  • รองรับการทำงานร่วมกับ CSS และ JavaScript เพื่อสร้างเว็บไซต์ที่สมบูรณ์ 
  • ช่วยให้ Google เข้าใจโครงสร้างและลำดับความสำคัญของเนื้อหา
  • ทำให้สามารถเพิ่ม Alt Text ให้รูปภาพเพื่อให้ Google เข้าใจเนื้อหาภาพได้ดีขึ้น

HTML Tags ที่ได้รับความนิยมและใช้งานบ่อย ๆ มีอะไรบ้าง

HTML Tags มีบทบาทสำคัญในการกำหนดโครงสร้างและรูปแบบการแสดงผลของเว็บไซต์ โดยทั่วไป Tags จะประกอบด้วยแท็กเปิด (<tag>) และแท็กปิด (</tag>) เพื่อกำหนดขอบเขตของเนื้อหา แต่บางแท็กก็เป็นแบบเดี่ยวที่ไม่ต้องมีแท็กปิด เช่น <img> หรือ <br> สำหรับ Tags ที่ได้รับความนิยมหรือถูกนำไปใช้งานบ่อย ๆ มีดังนี้

Tags สำหรับโครงสร้างหลัก

  • <html> – แท็กหลักที่ครอบคลุมทั้งหน้าเว็บ
  • <head> – ส่วนหัวของเอกสารที่เก็บข้อมูลสำคัญ
  • <body> – ส่วนเนื้อหาที่แสดงผลบนหน้าเว็บ

Tags สำหรับหัวข้อและข้อความ (เนื้อหา)

  • <h1> ถึง <h6> – กำหนดขนาดหัวข้อจากใหญ่ไปเล็ก
  • <p> – กำหนดย่อหน้า
  • <br> – ขึ้นบรรทัดใหม่
  • <strong> หรือ <b> – ตัวหนา
  • <em> หรือ <i> – ตัวเอียง
  • <u> – ขีดเส้นใต้

Tags สำหรับลิงก์และรูปภาพ

  • <a href=”URL”> – สร้างลิงก์ไปยัง URL อื่น
  • <img src=”path” alt=”text”> – แสดงรูปภาพพร้อมข้อความทดแทน

Tags สำหรับจัดรูปแบบเนื้อหา

  • <div> – จัดกลุ่มเนื้อหาเป็นบล็อก
  • <span> – จัดกลุ่มเนื้อหาแบบอินไลน์
  • <ul> และ <li> – สร้างรายการแบบไม่เรียงลำดับ
  • <ol> และ <li> – สร้างรายการแบบเรียงลำดับ

Tags สำหรับ SEO และ Meta Data

  • <title> – กำหนดชื่อหน้าเว็บ
  • <meta> – กำหนดข้อมูล meta ต่างๆ
  • <link> – เชื่อมโยงไฟล์ CSS หรือไอคอน

Tags สำหรับฟอร์ม

  • <form> – สร้างฟอร์ม
  • <input> – สร้างช่องกรอกข้อมูล
  • <textarea> – สร้างกล่องข้อความหลายบรรทัด
  • <button> – สร้างปุ่มกด
  • <select> และ <option> – สร้างเมนูแบบเลือก

แนะนำคำศัพท์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ HTML

  • Web Page – หน้าเอกสารแต่ละหน้าที่แสดงผลบนเว็บเบราว์เซอร์
  • Website – กลุ่มของหน้าเว็บเพจหลาย ๆ หน้าที่เชื่อมโยงกัน ภายใต้โดเมนเดียวกัน
  • Browser – โปรแกรมที่ใช้ในการเปิดดูเว็บไซต์ เช่น Chrome, Firefox, Safari
  • Domain Name – ชื่อเว็บไซต์ที่ใช้ในการเข้าถึง เช่น www. example .com
  • Web Hosting – พื้นที่เก็บไฟล์เว็บไซต์บนเซิร์ฟเวอร์
  • Cache – หน่วยความจำชั่วคราวที่เก็บข้อมูลเว็บไซต์เพื่อโหลดเร็วขึ้น
  • URL (Uniform Resource Locator) – ที่อยู่เฉพาะของแต่ละหน้าเว็บ
  • Meta Tags – แท็กพิเศษที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับหน้าเว็บแก่เสิร์ชเอนจิน
  • SEO (Search Engine Optimization) – การปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับการค้นหา
  • Responsive Design – การออกแบบเว็บให้แสดงผลได้ดีบนทุกอุปกรณ์
  • CSS (Cascading Style Sheets) – ภาษาที่ใช้จัดการรูปแบบการแสดงผลของเว็บ
  • JavaScript – ภาษาโปรแกรมมิ่งที่ใช้สร้างการโต้ตอบบนหน้าเว็บ
  • CMS (Content Management System) – ระบบจัดการเนื้อหาเว็บไซต์ เช่น WordPress
  • Sitemap – แผนผังแสดงโครงสร้างและการเชื่อมโยงของหน้าต่างๆ ในเว็บไซต์
  • HTTP/HTTPS – โปรโตคอลที่ใช้ในการส่งข้อมูลระหว่างเบราว์เซอร์กับเซิร์ฟเวอร์

บทสรุป

หลังจากที่ได้ทำความเข้าใจไปแล้วว่า HTML คืออะไร พร้อมกับรู้จักโครงสร้างและความสำคัญ จะเห็นได้ว่า HTML คือภาษามาร์คอัพที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างและพัฒนาเว็บไซต์อย่างมาก ด้วยเหตุนี้ การเข้าใจ HTML จึงเป็นเรื่องพื้นฐานที่คุณไม่ควรพลาด โดยเฉพาะกับผู้ที่ทำงานในสายการตลาดและผู้ที่ต้องการทำอาชีพที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์โดยตรง ไม่ว่าจะเป็นนักพัฒนาเว็บไซต์ คนทำ SEO หรือบริษัทรับทำ SEO ก็ตาม และอย่าลืมว่าถึงคุณจะเลือกใช้ระบบ CMS ที่มีความครบครันอย่าง WordPress การรู้จัก HTML Tags ก็เป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ เพราะยังไงคุณก็ต้องได้ใช้มันอย่างแน่นอน อาจจะอยู่ในรูปแบบของการอ่าน HTML หรือการกำหนดตั้งค่าเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ได้

บทความที่เกี่ยวข้อง

Organic Traffic คืออะไร พร้อมวิธีเพิ่ม Traffic บนเว็บไซต์

Web Traffic คือผู้เข้าชมเว็บไซต์ ที่มีความสำคัญมาในการทำให้เว็บไซต์เติบโตและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่ง Traffic มาได้จากหลายช่องทาง อาทิ Paid, Direct, Social Media, Referral และ Organic Traffic แต่ Traf
50

Breadcrumb Navigation ป้ายนำทางบนเว็บไซต์ ที่ส่งผลดีต่อ SEO

เว็บไซต์ส่วนใหญ่มีหน้าเว็บและข้อมูลเยอะมาก อาจทำให้ผู้ใช้งานเกิดความรู้สึกสับสนและหลงทางได้ การมีตัวช่วยนำทางบนเว็บไซต์หรือ Breadcrumb Navigation ติดตั้งไว้ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับ
46

รู้จัก DeepSeek AI เอไอสัญชาติจีนที่กำลังมาแรงในตอนนี้

ต้องบอกว่าในปี 2025 นี้ แพลตฟอร์ม AI เติบโตอย่างก้าวกระโดด อีกทั้งยังตอบโจทย์การทำงานที่หลากหลายด้านได้อีกด้วย คุณสามารถใช้ AI ในการทำงานแทน อย่างเขียนบทความ สรุปข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล ค้นหาข้อมูล เขี
50
th