
4 ขั้นตอนการ Migrate Website (ย้ายเว็บไซต์) อย่างถูกต้อง
Migrate Website หรือการย้ายเว็บไซต์เป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่ใช่ใครก็ทำได้ แต่ต้องอาศัย Web Developer ที่เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์มากพอ จึงจะทำให้การย้ายเว็บไซต์นั้นสำเร็จ เพราะไม่อย่างนั้น อาจจะเกิดปัญหาตามมาได้ ทั้งในส่วนของความผิดพลาดในการแสดงผลข้อมูล, ข้อมูลบนเว็บไซต์ขาดหาย, อันดับ SEO เว็บไซต์บน Google ถูกลดฮวบ, Traffic หาย และรวมไปถึงเรื่องของ Conversion Rate ที่น้อยลงจากเดิมด้วย ในฐานะที่ ANGA เป็นดิจิทัลเอเจนซี่ที่เชี่ยวชาญด้านเว็บไซต์และการทำ SEO (Search Engine Optimization) เราจึงจะมาแชร์เช็กลิสต์ที่คุณต้องรู้ พร้อมวิธีการย้ายเว็บไซต์ที่ถูกต้องให้คุณรู้กันในบทความนี้

เช็กลิสต์ 4 ขั้นตอนในการ Migrate Website
1. Planning
- กำหนดเวลาในการย้ายโดเมน (Migration Domain)
- กำหนด URL ที่ต้องการย้าย ไปยังโดเมนใหม่ (ถ้ามีหน้าเว็บไซต์น้อยกว่า 1,000 หน้า แนะนำให้ย้ายทั้งเว็บไซต์, ถ้ามีหน้าเว็บไซต์มากกว่า 1,000 หน้า แนะนำให้เลือกเฉพาะหน้าที่มี Traffic สูง ๆ หรือหน้าที่เป็น Top Page ไปยังโดเมนใหม่ และถ้าเป็นเว็บไซต์ E-Commerce ควรย้ายสินค้าไปให้ครบทุกชิ้น)
- กำหนด Website Structure อย่าง Sitemap, Category และ URL path (หาก Structure เดิมดีอยู่แล้ว แนะนำให้ใช้เหมือนเดิม)
- เตรียมทำ GSC Submission สำหรับโดเมนใหม่
2. Setup new website
- เลือก Web Stack ในการทำเว็บไซต์ (แนะนำให้เลือก Web Stack ที่เขียนให้เหมาะกับการทำ SEO (SEO friendly), ดูว่าเป็น SSG หรือ SSR, มี robots.txt และ Sitemap ไหม)
- สร้างหน้าเว็บไซต์ตาม URL ที่กำหนดไว้ในขั้นตอนการ Planning
- ปรับโครงสร้างคอนเทนต์ให้เหมือนเว็บไซต์เก่า (Title, Description, URL (ถ้าเป็นไปได้), Heading Tag, Internal Link, Canonical (ให้ทำเฉพาะกรณีที่ไม่ได้ self canonical) และ Schema Markup
- ตั้งค่า URL ให้เหมือนกับเว็บไซต์เก่า (URL Matching)
3. Website Migration (ควรทำพร้อมกันในวันเดียว)
- ทำ 301 redirect หน้าที่ Match เอาไว้
- Submit ตัว Change of address ใน GSC (Google Search Console) และเก็บไฟล์ในโฮสไว้อย่างน้อย 180 วัน
- Re-submit Sitemap to GSC
4. Check & monitor
- Indexing Page
- Ranking
สิ่งที่ต้องทำในการ Migrate Website แต่ละแบบ
Domain | CMS | Design (wordpress) | |
Backup | ✅ | ✅ | ✅ |
รวบรวม URL ที่ต้องการย้าย | ✅ | ✅ | |
Content Structure | ✅ | ✅ | ✅ |
URL Matching | ✅ | ✅ | |
301 Redirect | ✅ | ✅ | |
GSC Submission | ✅ | ||
เก็บโดเมนและโฮสติ้งเก่าไว้ | ✅ | ||
เช็กหน้าเว็บว่าย้ายมาครบทุกหน้าไหม ตามลิสต์ที่กำหนดไว้ | ✅ | ✅ | ✅ |
สิ่งที่เกิดขึ้นได้หากคุณย้ายเว็บไซต์ผิดวิธี !
อย่างที่บอกไปว่าการย้ายเว็บไซต์ (Website Migration) เป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้นคุณจะต้องระวังให้มาก ควรมีการวางแผนและทำการย้ายเว็บไซต์ทีละขั้นตอนอย่างครบถ้วน ไม่เช่นนั้น คุณอาจจะพบกับปัญหาดังต่อไปนี้ได้
สูญเสีย Traffic ทั้งเว็บไซต์
Website Traffic หรือปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ของผู้ใช้งานหายไปทั้งเว็บไซต์ ถ้าเป็นกรณีปกติทั่วไป Traffic ของหน้าบางหน้าบนเว็บไซต์ก็อาจลดลงได้ ซึ่งไม่ได้ส่งผลกระทบกับเว็บไซต์โดยรวมมากเท่าไหร่นัก แต่ในกรณีของการ Migrate Website แล้วเกิดข้อผิดพลาดขึ้น มีโอกาสที่เว็บไซต์จะสูญเสีย Traffic จากหลาย ๆ หน้าพร้อมกันหรือทั้งเว็บไซต์ได้ นั่นแปลว่าจากเดิมที่คุณอาจจะมี Traffic เข้ามาวันละเป็นหมื่นเป็นแสน มันก็อาจจะลดเหลือหลักร้อยหรือหลักสิบได้ในชั่วข้ามคืน

สูญเสียโอกาสในที่จะได้ Conversion
ผู้ใช้งานที่เข้ามาใช้งานเว็บไซต์ อาจจะพบกับหน้า 404 Not Found หรือ Error 404 ได้ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อเว็บไซต์และการทำ SEO อย่างแน่นอน เพราะผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่ไม่น่าประทับใจจากเว็บไซต์เราไปแล้ว คงยากที่จะกดเข้ามาใช้งานเว็บไซต์เราอีกครั้ง นอกจากนี้ คุณยังพลาดโอกาสในการได้ Conversion จากผู้ใช้งานที่พร้อมซื้อสินค้าอีกด้วย
สูญเสีย Raking เพราะถูกมองว่าเป็นเว็บไซต์ปลอม
ถ้าคุณกำหนดและตั้งค่าสิ่งต่าง ๆ ผิดในระหว่างที่ย้ายเว็บไซต์ หรือไม่ได้มีการทำ 301 redirect เพื่อบอก Google ว่าคุณได้ทำการย้ายเว็บไซต์ไปยังโดเมนใหม่แล้ว อาจจะเกิดปัญหาเรื่อง Duplicate Content (เนื้อหาซ้ำ) และทำให้ Google มองว่าเว็บไซต์ใหม่คือเว็บไซต์ปลอมที่สร้างขึ้นมาด้วยจุดประสงค์ที่ไม่ดี หรือต้องการหลอกลวงผู้ใช้งานได้ เพราะฉะนั้นเว็บไซต์ใหม่จึงมีโอกาสที่จะไม่ติดอันดับบน Google สูงมาก ๆ
สูญเสียความน่าเชื่อถือและคะแนนเว็บไซต์ที่สั่งสมมา
กว่าเว็บไซต์ของคุณจะมีความน่าเชื่อถือและได้รับการยอมรับจาก Google จนติด Raking ในตำแหน่งสูง ๆ ได้นั้น ใช้เวลาไปไม่น้อยเลย คงจะน่าเสียดายเป็นอย่างมากถ้าการย้ายเว็บไซต์มีปัญหาจนทำให้ความน่าเชื่อถือและค่าคะแนนต่าง ๆ อย่าง Domain Rating (DR) หรือจำนวน Backlink ที่สั่งสมมานั่นหายไปเหมือนไม่เคยมีมาก่อน ด้วยเหตุนี้คุณจะต้องใส่ใจและตรวจสอบผลลัพธ์หลังการย้ายเว็บไซต์แต่ละขั้นตอนทุกครั้ง
บทสรุป
ในการ Migrate Website ทางฝั่งเอเจนซี่และฝั่งลูกค้าจะต้องมีการพูดคุยตกลงกันให้เรียบร้อยก่อนลงมือทำ ไม่ว่าจะเป็นข้อดี-ข้อเสียในการย้ายเว็บไซต์, สิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้หลังย้ายเว็บไซต์, จุดประสงค์ในการทำ Website Migration, ความต้องการของลูกค้าบนเว็บไซต์ใหม่, การต่ออายุโดเมนเก่า (ลูกค้าเป็นคนทำ) และรวมไปถึงเรื่องของดีไซน์ (UX/UI Design) บนเว็บไซต์ใหม่ด้วย ถ้ามีการพูดคุยตกลงกันแล้ว ทุกฝ่ายจะดำเนินการไปในทิศทางเดียวกัน ส่งผลให้การ Migrate Website เสร็จตรงตามกำหนดการและมีปัญหาตามาน้อยที่สุดนั่นเอง
บทความที่เกี่ยวข้อง

30 วิธีทำ SEO WordPress 2025 ที่ถูกต้อง จากประสบการณ์เอเจนซี่
