
Cloudflare คืออะไร ความสำคัญอย่างไร พร้อมวิธีติดตั้ง
ตอนนี้ Cloudflare คือสิ่งจำเป็นสำหรับทุกเว็บไซต์ไปเสียแล้ว เพราะเป็นเหมือนเครื่องยืนยันความปลอดภัยของเว็บไซต์ ทำให้ User ใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างมั่นใจ ช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับ SEO ได้ดีมากขึ้น อีกทั้งยังมาพร้อมกับเครือข่าย CDN ที่กระจายอยู่ทั่วโลก จึงสามารถรองรับการเชื่อมต่อได้อย่างรวดเร็วและครอบคลุมทุกพื้นที่ด้วย มาทำความรู้จักว่า Cloudflare คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร พร้อมวิธีติดตั้งและสมัครเข้าใช้งาน Cloudflare ผ่านบทความนี้กับ ANGA (แองก้า) ได้เลย อัปเดต 2025

Cloudflare คืออะไร
Cloudflare คือบริษัทที่ให้บริการด้านความปลอดภัยและเพิ่มประสิทธิภาพให้เว็บไซต์ ทำหน้าที่คล้ายเป็นด่านกลางระหว่างคนเข้าเว็บ (User) กับเซิร์ฟเวอร์ที่เก็บข้อมูล (Server) ช่วยให้เว็บไซต์ทำงานได้เร็วขึ้น ปลอดภัยขึ้น และมีความเสถียรมากขึ้น Cloudflare มีเครือข่ายอยู่ทั่วโลก ทำให้เว็บไซต์โหลดเร็วไม่ว่าผู้ใช้งานจะอยู่ที่ไหน ซึ่งบริการของ Cloudflare มีทั้งการป้องกันการโจมตีเว็บไซต์ (DDoS Protection), ระบบกระจายข้อมูลให้เร็วขึ้น, เครือข่ายการส่งข้อมูลคอนเทนต์ (CDN), ใบรับรองความปลอดภัย และเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาเว็บไซต์ โดยมีทั้งแพ็กเกจฟรีสำหรับเว็บไซต์เล็ก ๆ และแบบเสียเงินที่มีฟีเจอร์เพิ่มเติมสำหรับเว็บไซต์ธุรกิจขนาดใหญ่

วิธีการทำงานของ Cloudflare
Cloudflare ทำงานเป็นตัวกลางระหว่างผู้ใช้อินเทอร์เน็ตกับเซิร์ฟเวอร์ของเว็บไซต์ โดยจะคอยตรวจสอบการเข้าถึงเว็บไซต์และช่วยทำให้เว็บไซต์โหลดเร็ว ปลอดภัย พร้อมใช้งานตลอดเวลา เมื่อมีคนเข้ามาบนเว็บไซต์ที่ติดตั้ง Cloudflare ข้อมูลจะไม่ได้ไปที่เซิร์ฟเวอร์ของเว็บโดยตรง แต่จะผ่านเครือข่ายของ Cloudflare ก่อน ซึ่งจะช่วยกรองการเข้าถึงที่เป็นอันตราย เช่น การโจมตี DDoS หรือบอตที่ไม่พึงประสงค์ และส่งต่อเฉพาะคำขอที่ปลอดภัยไปยังเซิร์ฟเวอร์ต้นทาง

นอกจากนี้ Cloudflare ยังทำหน้าที่เป็น CDN (Content Delivery Network) โดยจะเก็บสำเนาเนื้อหาของเว็บไซต์ไว้ในเซิร์ฟเวอร์ที่กระจายอยู่ทั่วโลก เมื่อมีคนเข้าเว็บ Cloudflare จะส่งข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้ผู้ใช้ที่สุด ทำให้โหลดเว็บได้เร็วขึ้นมาก ลดภาระของเซิร์ฟเวอร์ต้นทาง และช่วยให้เว็บรองรับผู้ใช้จำนวนมากได้โดยไม่ล่ม ทั้งยังมีบริการ DNS ที่ช่วยจัดการการเชื่อมต่อระหว่างชื่อเว็บไซต์กับ IP แอดเดรส ทำให้การเข้าถึงเว็บเร็วและปลอดภัยมากขึ้นด้วย

CDN บน Cloudflare คืออะไร
CDN (Content Delivery Network) ของ Cloudflare คือเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่กระจายอยู่ทั่วโลก ทำหน้าที่เก็บสำเนาของเนื้อหาเว็บไซต์ไว้ใกล้กับผู้ใช้ปลายทาง Cloudflare เพื่อให้เว็บไซต์โหลดได้เร็วขึ้น โดยเนื้อหาจะถูกส่งจากศูนย์ข้อมูลที่อยู่ใกล้ผู้ใช้มากที่สุด Cloudflare ช่วยลดเวลาในการโหลดเว็บไซต์และลดภาระของเซิร์ฟเวอร์หลัก ทำให้เว็บไซต์มีประสิทธิภาพดีขึ้นและรองรับการเข้าชมพร้อมกันจำนวนมากได้

- ช่วยให้เว็บไซต์โหลดเร็วขึ้นมาก เพราะส่งข้อมูลจากจุดที่ใกล้ผู้ใช้ที่สุด
- ลดภาระงานของเซิร์ฟเวอร์หลัก เพราะ CDN จัดการคำขอส่วนใหญ่แทน
- ช่วยป้องกันการโจมตี DDoS โดยกรองทราฟฟิกที่เป็นอันตราย
- ประหยัดแบนด์วิดธ์ เพราะเนื้อหาถูกแคชไว้ที่ CDN
- ช่วยให้เว็บไซต์ทำงานได้ต่อเนื่อง แม้เซิร์ฟเวอร์หลักมีปัญหา
Cloudflare มีประโยชน์อย่างไร
Cloudflare ช่วยทำให้เว็บไซต์ของคุณทำงานได้ดีขึ้นในหลายด้าน ทั้งเรื่องความเร็ว ความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือ เพราะเพียงแค่เว็บโหลดช้าไป 1 วินาที ก็ทำให้ CTR และยอดขายหายไปได้แล้ว ไม่ว่าคุณจะมีเว็บส่วนตัว ร้านค้าออนไลน์ หรือเว็บองค์กร Cloudflare ก็ช่วยให้เว็บคุณทำงานได้ดีขึ้น มาดูกันว่ามันมีประโยชน์อะไรบ้าง
1. ทำให้เว็บโหลดเร็วขึ้น
Cloudflare ทำให้เว็บคุณเร็วขึ้นโดยส่งข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้ผู้ใช้ที่สุด ทำให้คนเข้าเว็บไม่ต้องรอนาน แทนที่ข้อมูลจะวิ่งไปวิ่งมาไกล ๆ Cloudflare เก็บสำเนาเว็บไว้ในหลายจุดทั่วโลก เมื่อมีคนเข้าเว็บคุณ เขาจะได้ข้อมูลจากจุดที่ใกล้ตัวเขาที่สุด ทำให้เว็บโหลดเร็วมาก คนไม่เบื่อรอ และอยู่ในเว็บนานขึ้น
2. ป้องกันเว็บจากการโจมตี
Cloudflare ช่วยกันพวกแฮกเกอร์ บอตไร้สาระ และโปรแกรมที่จะมาทำร้ายเว็บของคุณ โดยกรองทราฟฟิกที่น่าสงสัยออกไปก่อนจะถึงเซิร์ฟเวอร์จริงของคุณ เหมือนมีบอดี้การ์ดคอยดูแลเว็บไซต์ ช่วยป้องกันการโจมตีแบบ DDoS ที่อาจทำให้เว็บคุณล่ม นอกจากนี้ยังซ่อน IP จริงของเซิร์ฟเวอร์คุณ ทำให้แฮกเกอร์หาเป้าหมายยากขึ้น
3. ช่วยให้ติดอันดับ Google ดีขึ้น
Google ชอบเว็บที่เร็วและปลอดภัย เมื่อ Cloudflare ทำให้เว็บคุณทั้งเร็วและปลอดภัย มันก็ช่วยให้เว็บติดอันดับใน Google ดีขึ้น โดยเฉพาะการมี SSL ฟรีที่ทำให้เว็บคุณเป็น HTTPS ซึ่ง Google ให้ความสำคัญมาก เพราะทำให้คนค้นเจอเว็บคุณง่ายขึ้นและช่วยให้มีคนเข้าเว็บจากการติดอันดับ SEO มากขึ้น
4. มีแพ็กเกจฟรีให้ใช้
Cloudflare เชื่อว่าทุกเว็บควรมีความปลอดภัยพื้นฐานฟรี ซึ่งคุณสามารถเริ่มใช้ Cloudflare ได้โดยไม่ต้องจ่ายเงิน แม้แต่แพ็กเกจฟรีก็ยังมีฟีเจอร์พื้นฐานครบพอธุรกิจเติบโตขึ้นค่อยอัปเกรดเป็นแพ็กเกจ Pro หรือ Business ได้ เหมาะมากสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้นทำเว็บ ไม่ต้องลงทุนเยอะก็ได้ระบบความปลอดภัยระดับดี
5. ช่วยประหยัดทรัพยากรเซิร์ฟเวอร์
Cloudflare ช่วยบล็อกพวกบอตและโปรแกรมที่มากินแบนด์วิดท์เว็บคุณไปเปล่า ๆ ทำให้เซิร์ฟเวอร์ไม่ต้องทำงานหนักเกินไป เหมือนมีเครื่องกรองคนที่จะเข้าเว็บ ปล่อยให้แค่คนจริง ๆ เข้ามา ส่วนพวกหุ่นยนต์ที่จะมาก่อกวนก็โดนบล็อก ช่วยลดค่าใช้จ่ายและทำให้เซิร์ฟเวอร์อายุยืนขึ้น
6. มีเครื่องมือสำหรับนักพัฒนา
Cloudflare มีเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาที่อยากทำเว็บหรือแอปสมัยใหม่ เช่น Cloudflare Workers ที่ช่วยให้เขียนโค้ดทำงานใกล้ ๆ ผู้ใช้ ช่วยให้แอปตอบสนองเร็วขึ้นมาก ถ้าคุณชอบเขียนโค้ด คุณจะชอบฟีเจอร์นี้แน่นอน มันช่วยให้ทำเว็บและแอปแบบไม่ต้องจัดการเซิร์ฟเวอร์เองทั้งหมด
7. ทำให้เว็บไม่ล่มแม้เซิร์ฟเวอร์มีปัญหา
ถึงเซิร์ฟเวอร์หลักจะล่ม Cloudflare ก็ยังแสดงเว็บให้คนดูได้จากข้อมูลที่เก็บไว้ ทำให้ธุรกิจคุณไม่สะดุด ลูกค้ายังเข้าเว็บได้ปกติตลอด 24 ชั่วโมง แม้ว่าเซิร์ฟเวอร์จริงจะมีปัญหาก็ตาม นี่คือความมั่นใจที่ทำให้คุณไม่ต้องกังวลว่าเว็บจะล่มเมื่อมีคนเข้าเยอะ ๆ หรือตอนที่คุณกำลังจัดแคมเปญสำคัญ
สอนวิธีสมัครและติดตั้ง Cloudflare
1. สมัครใช้งาน Cloudflare
- เข้าไปที่เว็บไซต์ Cloudflare (https://dash.cloudflare.com/sign-up)
- กดปุ่ม “Sign Up” แล้วกรอกอีเมลและตั้งรหัสผ่าน
- กดปุ่ม “Create Account” เพื่อสร้างบัญชี
- เข้าสู่ระบบด้วยบัญชีที่สร้างไว้
2. เพิ่มเว็บไซต์ของคุณ
- กดปุ่ม “Add Site” ที่แดชบอร์ด
- ใส่ชื่อโดเมนของคุณ (เช่น example.com)
- เลือกแพ็กเกจที่ต้องการใช้ (มีแบบฟรีและแบบเสียเงิน)
- รอให้ Cloudflare สแกนระบบ DNS ของคุณ (ใช้เวลาไม่นาน)
3. เปลี่ยนเนมเซิร์ฟเวอร์
- Cloudflare จะแสดงค่าเนมเซิร์ฟเวอร์ใหม่ให้คุณ
- คัดลอกเนมเซิร์ฟเวอร์ที่ Cloudflare ให้มา
- เข้าไปที่ผู้ให้บริการโดเมนของคุณ (เช่น GoDaddy, Namecheap)
- ไปที่ส่วนจัดการ DNS หรือเนมเซิร์ฟเวอร์
- ลบเนมเซิร์ฟเวอร์เดิมและใส่เนมเซิร์ฟเวอร์ของ Cloudflare แทน
- บันทึกการเปลี่ยนแปลง
4. รอให้ระบบอัปเดต
- การเปลี่ยนเนมเซิร์ฟเวอร์อาจใช้เวลา 24 ชั่วโมงกว่าจะสมบูรณ์
- กลับไปที่ Cloudflare และกดปุ่ม “Check Nameservers”
- เมื่อสถานะเปลี่ยนเป็น “Active” แสดงว่าการตั้งค่าเสร็จสมบูรณ์แล้ว
5. ตั้งค่าความปลอดภัยและประสิทธิภาพ
- ไปที่แท็บ SSL/TLS และเลือกโหมด Full หรือ Full (Strict)
- ไปที่แท็บ Speed > Optimization แล้วเปิดใช้งาน Auto Minify สำหรับ JavaScript, CSS และ HTML
- ตรวจสอบการตั้งค่าอื่น ๆ และปรับแต่งตามความต้องการ
Cloudflare ฟรีไหม ราคาเท่าไหร่
Cloudflare มีให้เลือกหลายแพ็กเกจ ทั้งฟรีและเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม โดยแพ็กเกจฟรีจะมีเพียงฟีเจอร์พื้นบาน ที่ตอบโจทย์และเหมาะสมกับเว็บไซต์ขนาดเล็ก ได้แก่ ระบบ CDN พื้นฐาน, การป้องกัน DDoS, SSL ฟรี (HTTPS), DNS พื้นฐาน, การปกปิด IP ของเซิร์ฟเวอร์ และการเพิ่มความเร็วในการโหลดเว็บไซต์ ส่วนแพ็กเกจที่เก็บค่าบริการเพิ่มเติมจะแบ่งออกเป็น 3 แพ็กเกจ ดังนี้
แพ็กเกจ Pro ($25/เดือน)
- มีฟีเจอร์ในแพ็กเกจฟรี ครบทุกอย่าง
- ระบบ Web Application Firewall (WAF) ขั้นสูง
- การทำแคชขั้นสูงเพื่อเพิ่มความเร็ว
- การวิเคราะห์เว็บไซต์ย้อนหลังได้นานขึ้น
- ฟอร์มป้องกันสแปม
แพ็กเกจ Business ($250/เดือน)
- มีฟีเจอร์ในแพ็กเกจ Pro ครบทุกอย่าง
- รับประกันเวลาให้บริการ 100%
- ระบบป้องกันบอตขั้นสูง
- บริการช่วยเหลือที่รวดเร็วกว่า
- เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการความปลอดภัยและความเร็วระดับสูง
แพ็กเกจ Enterprise (ราคาตามการต่อรอง)
- ฟีเจอร์ทั้งหมดที่ Cloudflare มี
- บริการช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง
- ผู้จัดการบัญชีส่วนตัว
- การปรับแต่งระบบตามความต้องการ
- เหมาะสำหรับองค์กรขนาดใหญ่
บทสรุป
Cloudflare สำคัญไหม? ตอบได้เลยว่า “สำคัญ” เพราะ Cloudflare คือบริการเครือข่ายที่จะช่วยให้เว็บไซต์ธุรกิจของคุณมีความน่าเชื่อถือ รวดเร็ว และเชื่อมต่ออย่างปลอดภัย ทำให้ผู้ใช้งานมั่นใจว่าจะไม่ถูกขโมยข้อมูลส่วนตัวไปอย่างแน่นอน อีกทั้ง Cloudflare ยังช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพของการทำ SEO (Search Engine Optimization) และการทำโฆษณา Google Ads ผ่าน Landing Page บนเว็บไซต์ด้วย หากคุณไม่มั่นใจว่าจะเริ่มต้นติดตั้ง Cloudflare อย่างไร หรือกำลังมองหาบริษัทรับทำ SEO เข้ามาช่วยดูแลในส่วนนี้ ANGA ยินดีให้คำปรึกษา พร้อมบริการรับทำ SEO ครบวงจร โดยผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์
ขอบคุณภาพประกอบจาก https://www.cloudflare.com/
บทความที่เกี่ยวข้อง

ANGA เปิดรับสมัคร AMC รุ่น 2 (2025)
