1. หน้าหลัก
  2. อัปเดตการตลาด
  3. 4 ช่องทางทำการตลาดออนไลน์สุดปัง เพิ่มฐานลูกค้าและสร้างภาพลักษณ์ได้ดี
4 ช่องทางการทำตลาดออนไลน์
เผยแพร่เมื่อ: พฤษภาคม 21, 2021 | แก้ไขเมื่อ: กรกฎาคม 31, 2024

4 ช่องทางทำการตลาดออนไลน์สุดปัง เพิ่มฐานลูกค้าและสร้างภาพลักษณ์ได้ดี

Table Of Contents

ในยุคที่สื่อออนไลน์ต่าง ๆ  เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของมนุษย์มากขึ้น มีผลทำให้พฤติกรรมการใช้ชีวิตเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงข้อมูลของผู้บริโภคด้วยการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ การติดต่อสื่อผ่านผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งวิธีการเลือกซื้อสินค้าเองก็มีแนวโน้มที่ผู้บริโภคจะใช้จ่ายผ่านทางแพลตฟอร์มออนไลน์สูงขึ้นทุกปี ทำให้เหล่าผู้ประกอบการธุรกิจ และนักการตลาดในทุกกลุ่มสินค้าและบริการต่างต้องปรับตัวให้เข้ากับความต้องการผู้บริโภคและวิธีการทำตลาดออนไลน์นี่แหละ คือคำตอบของการเปลี่ยนแปลงในการทำธุรกิจยุคนี้

4 ช่องทางการทำตลาดออนไลน์
4 ช่องทางการทำตลาดออนไลน์สุดปัง ที่เหล่าบรรดาบริษัทรับทำ marketing บริษัทการตลาดออนไลน์ หรือเอเจนซี่การตลาด เลือกใช้เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย

4 ช่องทางการสื่อสารที่มันใจลูกค้าได้ดีในยุคดิจิทัล

ไม่ว่าจะเป็นการทำตลาดในรูปแบบไหน ๆ ช่องทางการสื่อสารก็ยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรก วันนี้แองก้าจะอัปเดตให้ทั้งมือใหม่และมือเก๋าที่กำลังมองหาว่าอะไรคือวิธีการทำตลาดออนไลน์ที่น่าสนใจกับ 5 ช่องทางการสื่อสารที่น่าสนใจในยุคนี้ ซึ่งถือเป็นช่องทางที่ทำให้ผู้บริโภคหรือกลุ่มเป้าหมายสามารถรับรู้และเข้าถึงข้อมูลสินค้าบริการได้นั่นเอง

1. Social Media Marketing

การทำตลาดผ่านสื่อสังคมออนไลน์ คือช่องทางที่ช่วยให้กลุ่มเป้าหมายเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น เพราะแพลตฟอร์มสื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของทุกคน โดยรูปแบบของเนื้อหาหลัก ๆ ช่องทางนี้ส่วนมากจะเป็น รูปภาพ วิดีโอ ข้อความหรือบทความ สำหรับวิธีการสื่อสารนั้นก็จะแตกต่างออกไปตามรูปแบบของแพลตฟอร์มนั้น ๆ โดยมีฐานกลุ่มผู้ใช้งานที่หลากหลาย การวางแผน Social Media จะช่วยให้เรามีทิศทางชัดเจน รวมถึงการกำหนดวัตถุประสงค์ในการสื่อสารของ Social Media Marketing โดยทั่วไปจะมี 5 วัตถุประสงค์เพื่อตั้งเป็นเป้าในการทำการสื่อสารแต่ละครั้งดังนี้

  • Brand Building เป็นการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับแบรนด์สินค้าและบริการ โดยสามารถแยกย่อยประเภทการสื่อสารลงไปได้อีกคือ Awareness (สร้างการรับรู้), Reach (การเข้าถึงเนื้อหา) และ Engagement (สร้างปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มเป้า)  
  • Customer Relationship Engagement เป็นจุดประสงค์เพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์ต่อกลุ่มเป้าหมายกับทั้งผู้บริโภคที่มีแนวโน้มจะเป็นลูกค้าและกลุ่มฐานลูกค้าเดิม เพื่อสาร้างการขายได้ในอนาคต
  • Drive Traffic เป็นการใช้สื่อ Social Media เป็นตัวกลางพากลุ่มเป้าหมายไปยังช่องทางอื่น ๆ เพื่อให้เกิด Traffic หรือยอดการเข้าใช้งานบนช่องทางนั้น เช่น นำเข้าไปเว็บไซต์ที่มีหน้าขาย เป็นต้น
  • Customer Support นอกจากจะป้อนข้อมูลหรือสร้างการรับรู้แล้ว ก็ควรมีการให้ความช่วยเหลือลูกค้าผ่านการทำตลาดบน Social Media ได้ด้วย เช่น ช่วยเหลือในด้านการใช้งานสินค้า ติดต่อสอบถามเพื่อขอรับบริการ เป็นต้น
  • Social Sales ถ้าให้อธิบายกันตามตรงก็คือการหวังผลให้เกิดการขายนั่นเอง โดยรุปแบบการสื่อสารจะเป็นการนำเสนอสินค้าโดยตรงเพื่อให้รับรู้ถึงประโยชน์จากสินค้า รู้ราคาของสินค้า หรือจะเป็นการเสนอโปรโมชั่นก้นับว่าเป็นการขายโดยตรงเช่นกัน

สำหรับแพลตฟอร์มที่ใช้ในการทำตลาดออนไลน์หลัก ๆ คือ Facebook สามารถทำ Content ได้หลายแบบทั้งรูปภาพประกอบข้อความ Video Content ก็ทำได้ ถัดมาคือ Instragram แพลตืฟอร์มนี้จะเน้นที่รูปภาพนิ่งไม่เน้นข้อความ Youtube ก็จะเน้นที่ Video เป็นหลัก

2. Search Engine Marketing

Search Engine Marketing หรือชื่อย่อที่ทุกคนคุ้นหูอย่าง SEM คือวิธีการทำตลาดออนไลน์ผ่านเครื่องมือ Search Engine ที่ให้บริการค้นหาข้อมูลอย่าง Google โดยวิธีการนี้เป็นวิธีการที่เหมือนเป็นการซื้อพื้นที่โฆษณาเป็หน้าแรกของการค้นหาเมื่อมีการค้นหา Keyword คำนั้น โดยจะมีวิธีสั่งเกตง่าย ๆ ว่าเป็นการทำ SEM คือตำแหน่งของเว็บไซต์นั้นจะอยู่ในแหน่งแรก ๆ ของการค้นหา และมีการติดแท็กนำหน้าไว้ว่า “Ad” ซึ่งวิธีนี้ทำให้มีโอกาสที่กลุ่มเป้าหมายจะคลิกเข้ามาที่เว็บของเราสูง

ข้อดีและข้อเสียของการทำ SEM

  • ข้อดีคือ ไม่ต้อใช้เวลานานเพียงแค่จ่ายค่าบริการให้กับ Google ก็สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันที โดยเว็บไซต์จะตั้งอยู่ใน 3-4 ตำแหน่งแรกของหน้าการค้นหา
  • ข้อเสีย มีค่าใช้จ่ายในการวิธีนี้ หากเราหยุดการจ่ายค่าบริการให้กับ Google ผลลัพธ์ที่เห็นบนหน้าแรกจะหายไปทันที ที่สำคัญก็อาจจะต้องเสียเงินไปกับการเลือก Keyword ที่อาจจะมีการแข่งขันสูงทำให้ค่าใช้จ่ายสูงขึ้นอีกด้วย

สำหรับวิธีการทำตลาดออนไลน์ผ่านเครื่องมือ Search Engine อย่าง Google นั้นไม่ได้มีเพียง SEM อย่างเดียว แต่ยังมี SEO (Search Engine Optimize) อีกด้วย โดยวิธีนี้คืออีกวิธีในการช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับการค้นหาเช่นกัน SEO แตกต่างกับ SEM ตรงทีไม่เสียค่าใช้จ่ายเพื่อซื้อพื้นที่โฆษณาแบบ SEM และในการทำ SEO นั้นสามารถหวังผลในการติดอันดับในระยะยาวได้มากกว่า ซึ่งวิธีการทำ SEO หลัก ๆ จะเป็นการปรังปรุงตัวเว็บไซต์ให้ตรง Keyword และเข้าหลักเกณฑ์การพิจารณาความน่าเชื่อถือจากอัลกอริทึมของ Google อีกที ในวิธีการทำ SEO จะมีค่าใช้จ่ายไปกับการลงทุนสร้างเนื้อหาบนเว็บไซต์และการเลือกหา Keyword มาใช้งาน หากแบรนด์สินค้าต้องการวิธีการทำตลาดออนไลน์ที่เห็นผลได้ดี SEM และ SEO คือวิธีการที่น่าลงทุนทั้งระยะสั้นและระยะยาว

3. LINE OA

LINE OA ย่อมาจาก Line Official Account คืออีกเครื่องมือการทำตลาดออนไลน์ ที่มาแรงมาก ๆ ในยุคนี้เหมาะกับแบรนด์ที่เริ่มเป็นที่รู้จัก เริ่มมีผู้ติดตามประมาณหนึ่ง เพราะเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เน้นการแชทเป็นหลักทำให้เข้ากลุ่มเป้าหมายได้ง่ายและกว้างมาก โดยเหตุผลที่ทำให้  Line OA เป็นช่องทางการสื่อสารที่สนใจหลัก ๆ จะเป็นเรื่องของความใกล้ชิด มีความเป็นส่วนตัวมากกว่าแพลตฟอร์มอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลความสมัพันธ์ระหว่างลูกค้าจะทำให้พวกเขารู้สึกสะดวกต่อการสอบถามข้อมูลสินค้า โปรโมชั่น และบริการต่าง ๆ กับแบรนด์โดยตรงช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น นอกจากนั้นยังสามารถส่งโปรโมชั่นให้ลูกค้าดูได้ทันที แต่ตรงส่วนนี้ก็อาจจะต้องมีระยะห่างและความถี่ในการส่งข้อมูลให้ลูกค้าอย่างเหมาะสม

วัตถุประสงค์ในการสื่อสารผ่าน Line OA จะมีประมาณ 4 วัตถุประสงค์หลัก ๆ

  • เพื่อสร้างการรับรู้และเข้าใจในธุรกิจบริการของคุณ
  • เพื่อศึกษากลุ่มเป้าหมายและช่วยกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายสนใจซื้อสินค้าและบริการ
  • เพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อซ้ำ และเปลี่ยนจากผู้บริโภคให้กลายเป็นลูกค้าขาประจำ
  • เพื่อกระตุ้นให้เกิดการบอกต่อจากกลุ่มเป้าหมาย

สำหรับการสื่อสารของ Line OA จะเรียกว่าการ Broadcast เป็นวิธีการส่งข้อมูลข่าวสาร ที่คล้าย ๆ กับการลงคอนเทนต์แบบ Facebook ที่มีภาพและข้อความประกอบ แต่ของ Line OA จะเรียกข้อความตรงนั้นว่า Plain Text จำกัดความยาวไม่เกิน 500 ตัวอักษร สามารถกำหนดจำนวนคนที่ต้องการ Broadcast ได้จากยอดผู้ที่แอด Line OA ของเราได้

นอกจากการ Broadcast แล้วยังมีอีกฟังก์ชันที่น่าสนใจก็คือ Rich Menu ที่ออกแบบมาเพื่อเป็นเมนูลัดในการแนะนำสิ่งต่าง ๆ ที่แบรนด์ต้องการให้ลูกค้าเข้าถึง เช่น ข้อมูลสินค้า การขอรับบริการ ที่มาที่ไปของแบรนด์ การขอคำแนะนำ การขอความช่วยเหลือจากการใช้งานสินค้า ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สามารถกำหนดได้ด้วยการทำ Rich Menu ในครั้งเดียว โดยที่แอดมินไม่ต้องเสียเวลามาตอบคำถามเหล่านี้กับลูกค้าบ่อย ๆ นั่นเอง

4. Influencer Marketing

Influencer Marketing คือการทำการตลาดออนไลน์โดยการใช้บุคคลที่มีอิทธิหรือสร้างการจูงใจให้กับผู้คนได้ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ ทั้ง Facebook, Instagram และ Youtube โดยส่วนมากจะเป็นการสร้างคอนเทนต์เพื่อการโปรโมทหรือรีวิวสินค้าและบริการ โดยที่เหล่า Influencer จะถูกใช้เป็นช่องทางในการเพิ่มการรับรู้แบรนด์สินค้าไปยังกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้โดยตรง และผู้ที่ถูกเรียกเป็น Influencer นั้นมักจะต้องเป็นคนที่มีชื่อเสียงในโลกออนไลน์อยู่บ้าง หรือมียอดผู้ติดตามตามช่องทางโซเชียลมีเดียของพวกเขาประมาณหนึ่ง เหมือนกันการเป็น Key Opinion Leader ที่มีความเชี่ยวชาญด้านใดด้านหนึ่งจริง ๆ

5 ประเภทของ Influencer แบ่งเกณฑ์จากจำนวนผู้ติดตามในโซเชียลมีเดียได้ดังนี้

  • Nano Influencer เป็นระดับที่เล็กที่สุดคือมีผู้ติดตามในโซเชียลมีเดียตั้งแต่ 1,000-10,000 คน เป็น Influencer ที่มีจำนวนในตลาดเยอะ มีราคาไม่สูงมาก ใช้พร้อมกันหลาย ๆ คนได้ และทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ดูมีความเป็นจริงมาก
  • Micro Influencer มีระดับผู้ติดตามในโซเชียลมีเดียตั้งแต่ 10,000-50,000 คน เป็นระดับที่ใกล้เคียงกับ Nano Influencer แต่สามารถเข้าถึงผู้คนได้มากกว่า
  • Mid-Tier Influencer มีระดับผู้ติดตามในโซเชียลมีเดียตั้งแต่ 50,000-100,000 คน เหมาะสำหรับการสร้าง Brand Awareness เพราะสามารถเข้าถึงผู้คนได้มากกว่า 2 ประเภทก่อนหน้า
  • Macro Influencer เป็นระดับ Influencer ที่มีผู้ติดตามตั้งแต่ 100,000-1,000,000 คน โดย Influencer ประเภทนี้จะมีความเป็นมืออาชีพในการสร้างคอนเทนต์มากกว่าและเจาะจงมากกว่า เลือกได้หลากหลายด้าน เช่น ด้านความงาม ด้านท่องเที่ยว ด้านการลงทุน โดนระดับนี้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้จำนวนมากและเข้าถึงได้ง่ายด้วยเช่นกัน
  • Mega Influencer เป็น Influencer ระดับ Celebrity มีผู้ติดตามตั้งแต่ 1,000,000 คนขึ้นไป โดยส่วนใหญ่จะเป็นคนที่มีชื่อเสียงทางสังคม เช่น นักแสดง นักร้อง นักกีฬา เหมาะแก่การสร้าง Brand Awareness ในแบบวงกว้างต้องการฐานของผู้ติดตามสูง

สำหรับการเลือกใช้ช่องทาง Influencer Marketing นั้นสิ่งคุณต้องรู้ก่อนทำมีหลายอย่างที่ต้องคำนึงก่อน เช่น เป้าหมายในการใช้งานคือต้องมีเป้าหมายก่อนว่าเลือกใช้ Influencer เพื่ออะไร ส่วนมากจะใช้เพื่อการสร้างภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์ สร้าง Engagement และกระตุ้น Traffic ให้กับ Website ต่อมาเมื่อเราใช้ Influencer แล้ว ก็ต้องมีการเก็บเกี่ยวข้อมูลจากการเลือกใช้ในครั้งนั้นด้วยว่าเกิด Effect อะไรบ้างหลังจากมีการใช้ Influencer ไปแล้ว เกิดผลลัพธ์ต่อแบรนดือย่างไรบ้าง นอกจากนั้นการเลือกระดับของ Influencer ใครตรงกับความต้องการก็จำเป็นด้วยเช่นกัน ต้องเลือกระดับที่เราสามารถลงทุนได้ เลือกคนที่มีคาแรคเตอร์เหมาะสมกับแบรนด์ หรือตรงคอนเซ็ปส์ของแคมเปญ ณ เวลานั้น

เมื่อคุณเข้าใจถึงวัตถุประสงค์และวิธีการใช้งาน Influencer Marketing ได้แล้ว ช่องทางนี้คือวิธีการทำตลาดออนไลน์ที่นับว่าน่าสนใจและสามารถตอบโจทย์ในเรื่องของการสร้างภาพลักษณ์แบรนด์และ Brand Awareness ได้ดีเลยทีเดียว

สรุป 4 ช่องทางการทำตลาดออนไลน์เหมาะกับใครบ้าง?

สำหรับ 4ช่องทางที่แองก้านำเสนอนั้นมีความเหมาะสมในการเลือกใช้งานที่แตกต่างกัน เพราะลักษณะการใช้งานและการเข้าถึงของกลุ่มเป้าหมายยังมีข้อแตกต่างกันอยู่ แต่ทั้ง 4 ช่องทางนั้นสามารถนำมาใช้ร่วมกันได้ใน 1 แคมเปญ หรือจะใช้ควบคู่กันไปเลยก็ไม่มีปัญหาโดยเฉพาะในส่วนของ Social Media Marketing และ Line OA สามารถทำคอนเทนต์ที่มีเนื้อหาเดียวกันได้ เพียงแค่อาจจะทำภาพให้มีขนาดเหมาะสมแต่ละช่องทาง หรือจะเป็นในส่วนของ SEM และ SEO ที่สามารถทำควบคู่กันได้เหมือนกัน โดยอาจจะลงทุนกับ SEM ในช่วงที่แบรนด์ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนักก็ใช้ได้ในช่วงแรก ๆ แล้วค่อยมาลงทุนกับการสร้าง SEO ขึ้นมาตามลำดับ เป็นต้น ส่วนในความเหมาะสมในการเลือกใช้งานของแต่ละช่องทางสรุปได้ดังนี้

  • Social Media Marketing เหมาะกับสำหรับแบรนด์ใหม่ ๆ ที่ต้องการสร้างเรื่องราวหรือบอกเล่าในสิ่งที่แบรนด์ทำผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ ทั้ง Facebook, Instagram, Youtube, Tik Tok และ Twitter สำหรับแบรนด์ที่ไม่ใช่น้องใหม่ก็ใช้ได้เช่นกัน โดยสามารถสร้างขึ้นเพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสารสิ่งต่าง ๆ ทั้งตัวสินค้า บริการ และการใช้ความช่วยเหลือต่อลูกค้า ได้เช่นกัน
  • Search Engine Marketing คือการทำการตลาดออนไลน์ผ่าน Search Engine อย่าง Google โดยวิธีนี้จะเหมาะกับผู้ที่เป็นแบรนด์สินค้าใหม่ ๆ ที่ยังไม่เคยติดอันดับการค้นหาบน Google โดยช่วงแรก ๆ อาจจะทำเป็น SEM ไปก่อน ซึ่งก้เป็นเหมือนการซื้อพื้นที่ของ Google เพื่อโฆษณาเว็บไซต์ หลักจากนั้นก็อาจจะทำ SEO ควบคู่ไปด้วยก้ได้ เพราะการทำ SEO ให้เว็บติดอันดับการค้นหา Google ในลำดับที่ดีต้องใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือนถึงจะเห็นผล แต่ให้ผลลัพธ์ดีในระยะยาวและที่สำคัญยังช่วยปรับปรุงให้เว็บไซต์ของคุณดูน่าเชื่อถือ
  • Line OA หรือ Line Official Account คือการทำการตลาดออนไลน์ที่เหมาะสำหรับแบรนด์ที่ค่อนข้างเป็นที่รู้จักในระดับหนึ่ง เพื่อวัตถุประสงค์ในการจูงใจให้เกิดการซื้อซ้ำ และยังช่วยให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ดูมีความใกล้ชิดกับลูกค้ามาขึ้น มีความสะดวกในการให้ข้อมูลลูกค้าได้เป็นอย่างดี
  • Influencer marketing เป็นอีกหนึ่งวิธีการช่วยโปรโมทและกระจายภาพลักษณ์ของแบรนด์ไปยังกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการผ่าน Influencer ที่เป็นผู้มีอิทธิพลต่อการเลือกซื้อสินค้าและบริการต่าง ๆ ทำให้กลุ่มเป้าหมายเข้าถึงได้ง่ายขึ้นจากการแนะนำหรือนำเสนอจากบุคคลที่พวกเขาชื่นชอบนั่นเอง

ถ้าหากคุณกำลังมองหาอะไรที่เป็นวิธีการทำตลาดออนไลน์ที่ช่วยสร้างความน่าสนใจ 4 ช่องทางนี้คือคำตอบที่ดีสำหรับผู้ประกอบการและนักการตลาดที่ต้องการให้แบรนด์เข้าถึงกลุ่มเปาหมายได้ง่ายในยุคที่ดิจิทัลมีบทบาทต่อการใช้ชีวิตของมนุษย์ และที่สำคัญมากกว่าการเลือกวางแผนการตลาดคือการคงคุณภาพและมีการพัฒนาหรือคิดค้นสิ่งใหม่เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าทั้งปัจจุบันและอนาคต สิ่งที่จะทำให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นและมั่นใจในสิ่งที่แบรนด์ทำอย่างแน่นอน

บทความที่เกี่ยวข้อง

สรุปเนื้อหาจากงาน Google Search Central Live 2024

Google Search Central Live 2024 คืองานสัมมนาที่ทาง Google จัดขึ้นมาเพื่ออัปเดตข้อมูลด้าน Google Search โดยเฉพาะ จัดเต็มไปด้วยเนื้อหาเรื่องการทำ SEO (Search Engine Optimization), Search Engine, Search
110

Google กลับลำไม่ยกเลิก Third-Party Cookies แล้ว!

ย้อนกลับไปในปี 2019 ได้มีประกาศสำคัญที่ว่า Google ยกเลิก Cookies บน Chrome และคาดว่าจะเลิกใช้ Third-Party Cookies ทั้งหมดได้ภายในปี 2024 เพราะ Google ต้องการปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน พร้อมทั้ง
177

Search Engine คืออะไร มีอะไรบ้าง และแบ่งออกเป็นกี่ประเภท?

หลาย ๆ คนคงจะเคยเห็นคำว่า “Search Engine (เสิร์ชเอนจิน)” ผ่านตามาบ้างแล้ว จากการอ่านบทความหรือฟังพอดแคสต์ที่พูดถึงการทำ SEO (Search Engine Optimization) ซึ่งเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่มุ่งเน้นการเพิ่ม Or
142
th