การทำ SEO ที่ดีวัดผลยังไงได้อีกบ้าง? นอกจากอันดับเว็บไซต์
หากพูดถึงการทำ SEO แน่นอนว่าต้องคิดถึงการทำให้เว็บไซต์ติดอันดับได้บน Google ยิ่งอันดับสูงเท่าไหร่ก็จะเป็นเป้าวัดผลสำเร็จในการทำ SEO ที่ดี แต่ในความเป็นจริงแล้วในทุกธุรกิจนั้นมีวัตถุประสงค์ในการทำ SEO ที่แตกต่างกันตาม KPI ของแต่ละแบรนด์ ทำให้การวัดผล SEO ที่ดีนั้นต้องมีมากกว่าแค่การวัดผลจากเกณฑ์การจัดอันดับ (Ranking) ซึ่งต้องอาศัยตัวชี้วัดผลในการทำ SEO หลายๆ ตัวเข้าด้วยกัน มาดูกันว่าการทำ SEO จะมีการวัดผลยังไงได้อีกบ้าง? ถึงจะเป็นการทำ SEO ที่ดีกับธุรกิจ
วัตถุประสงค์ของการทำ SEO ในแต่ละธุรกิจ
ถึงแม้ว่าการจัดอันดับ (Ranking) เป็น KPI หลักที่คุ้นชินกัน แต่หากมีอันดับที่ดีแต่ไม่มีคนคลิกเข้ามายังเว็บไซต์ก็ไม่มีความหมาย ซึ่งในการทำ SEO นั้นยังมีประโยชน์ด้านอื่นต่อตัวเว็บไซต์ของธุรกิจ ทางเอเจนซี่หรือบริษัทที่รับทำ SEO จึงมีการกำหนด KPI ด้านอื่นที่ใช้เป็นตัววัดผลความสำเร็จในการทำ SEO ดังนี้
- Brand Awareness เป็นการทำให้เว็บไซต์หรือแบรนด์เป็นที่รู้จักในสายตาลูกค้า เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นต่อสินค้าหรือบริการ และยังช่วยสร้างมูลค่าให้กับแบรนด์โดยตรง
- Website Traffic หรือการทำให้จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์เพิ่มขึ้น เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสในการขายสินค้า และยังเป็นการทำตลาดออนไลน์ที่ยั่งยืน
- Visitor Targeting คือการช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้โดยตรง เป็นการดึงดูดกลุ่มเป้าหมายจากการสร้างคอนเทนต์หรือการมีสินค้าที่ตรงกับลูกค้า ด้วยการใช้ Keyword
- Conversion Rate เป็นอีก KPI หลักที่ทุกธุรกิจต้องการ ไม่ว่าจะเป็น ยอดการขายสินค้า ยอดการกรอกแบบฟอร์ม หรือยอดการสมัคร ที่ตั้งเป้าไว้
- Authority การสร้างความน่าเชื่อถือ และเชี่ยวชาญในสินค้าและบริการ หากแบรนด์มีความน่าเชื่อถือในสายตาลูกค้าได้ ก็จะส่งผลให้ลูกค้าเลือกแบรนด์ของเราก่อนคู่แข่ง
- Business Growth จะเป็นการช่วยให้แบรนด์เติบโตขึ้นจากการเป็นที่รู้จัก หรือยอดขายขึ้น เพื่อทำให้ธุรกิจเติบโตขึ้น
SEO วัดผลยังไงได้อีกบ้าง?
เมื่อมีการกำหนดวัตถุประสงค์ของการทำ SEO ในแต่ละธุรกิจไปแล้ว จะมีการวิเคราะห์และสร้างแผนการตลาดในการทำ SEO โดยเฉพาะของแต่ละธุรกิจ ซึ่งตัวชี้วัดที่จะนำมาประเมินผลจากการทำ SEO เพื่อตรวจสอบว่าการทำ SEO นั้นมาได้ถูกทางไหม สามารถดูได้จากเครื่องมืออย่าง Google Analytics หรือ Google Search Console โดยสามารถวัดผลได้จากการดู Metrics ดังต่อไปนี้
Ranking
Metrics แรกที่ใช้เป็นตัวชี้วัดผล SEO คือ การติดอันดับการแสดงผลของเว็บไซต์ เมื่อ Keyword นั้นๆ ถูกเสิร์ชบน Search Engine อย่าง Google ซึ่งอันดับที่ถือเป็นความสำเร็จในการทำ SEO นั้นจะอยู่ระหว่างอันดับที่ 1 – 10 หรือภายในหน้าที่ 1 ของ Google เพราะเนื่องจากพฤติกรรมของคนเสิร์ชนั้นจะกดเข้ามายังเว็บไซต์หรือมองเห็นเว็บไซต์แค่เพียง 1 หน้าเท่านั้น หากทำให้ติดหน้าแรกของ Google ได้ก็จะทำให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากที่สุด
Impressions
ตัวชี้วัดผลในการทำ SEO อันดับต่อมาคือ Impressions หรือจำนวนครั้งที่มีการเห็นเว็บไซต์ ผ่านการค้นหาบน Google ไม่ว่าเว็บไซต์ของคุณจะอยู่อันดับที่เท่าไหร่ก็ตาม จะมีการนับเป็น 1 Impressions โดยสามารถมีการนับ Impressions ซ้ำได้ ซึ่งบอกได้ว่าหากเว็บไซต์หรือหน้านั้นๆ มียอด Impressions ที่สูง หมายความว่ายิ่งมีอันดับที่ดี
Clicks
Metrics นี้จะสัมพันธ์กับจำนวน Impressions โดยตรง เนื่องจาก Clicks เป็นการนับจำนวนครั้งที่มีคนกดเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ เมื่อมีการค้นหาผ่านทาง Google เพื่อชี้ให้เห็นว่าในทุกครั้งที่เว็บไซต์ปรากฏขึ้นจะมีคนกดเข้ามายังเว็บไซต์มากแค่ไหน ถ้าหากว่ามีคนเห็นเว็บไซต์ของเรา 100 ครั้ง แล้วมีคนกดคลิกเข้ามายังเว็บไซต์ 10 ครั้งจากจำนวนคนเห็นทั้งหมด ก็จะหมายความว่าเว็บไซต์ของเรานั้นถูกแสดงผลอยู่ในอันดับที่มีคนเข้าถึงได้
Organic Traffic หรือ Sessions บน Google Analytics
ตัวชี้วัดผลในการทำ SEO ตัวสุดท้ายนี้ จะมีชื่อเรียกต่างกันไปในแต่ละเครื่องมือ บางเครื่องมือเรียกว่า “Organic Traffic” หรือจะเรียกว่า “Sessions” หากใช้บน Google Analytics ก็ได้เช่นกัน โดยที่มันคือ การนับจำนวนคนที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราแล้วมีความสนใจในเว็บไซต์หรือตัวธุรกิจของเราอย่างแท้จริง ซึ่งแน่นอนว่าจะมีจำนวนน้อยกว่าคลิก เนื่องจากผู้ที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์จะต้องมีการอ่าน หรือปฏิสัมพันธ์บางอย่างกับหน้าเว็บไซต์เท่านั้น ถึงจะมีการนับเป็น 1 Sessions ได้
สรุปแล้วในการวัดผลการทำงานของ SEO นั้น ต้องมาจากตัวชี้วัดหรือ Metrics หลายๆ อย่างประกอบเข้าด้วยกัน เพื่อใช้ในการประเมินและติดตามวัดผลของการทำ SEO เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของแผนการตลาดที่ธุรกิจหรือแบรนด์ต้องการ ทั้งนี้การจะทำ SEO ให้ประสบความสำเร็จได้นั้น จำเป็นต้องใช้หลายปัจจัยรวมเข้าด้วยกัน ควรมีการศึกษาและนำข้อมูลจาก Metrics ดังกล่าวมาปรับใช้เพื่อปรับปรุงเว็บไซต์อยู่สม่ำเสมอ