AI Search เข้ามาเปลี่ยนพฤติกรรมการค้นหาแบบเดิมๆ ที่เน้นใช้คำค้นหาเป็นคำสั้นๆ (Keyword-based Search) ไปเป็น AI-driven Search ที่ทั้งฉลาดและตอบโจทย์การค้นหามากกว่าเดิม เช่น Google AI Overviews ที่ AI ไม่ได้แค่หาเว็บที่มีคีย์เวิร์ดคำที่เราพิมพ์ไปเท่านั้น แต่มันพยายามทำความเข้าใจความหมายของคำค้นหาทั้งหมด ก่อนสรุปเป็นคำตอบที่เราอยากรู้และประเด็นสำคัญอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องมาให้ทันที Schema Markup จึงยิ่งสำคัญกับการทำ SEO ในยุค AI เพราะมันทำหน้าที่เป็นภาษาสากลที่ช่วยให้ AI ตีความข้อมูลบนหน้าเว็บเราได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว

คุณธีรวัชร เกียรติธีราภิวัฒน์ - SEO Specialist ผู้เชี่ยวชาญด้านการรับทำ SEO ของ ANGA (แองก้า) ได้แชร์ว่า

“หลายคนอาจใช้เวลาไปกับการสร้างคอนเทนต์และทำ Backlink จนมองข้ามส่วนสำคัญที่เรียกว่า Technical SEO ไป โดยเฉพาะการทำ Schema Markup บอกเลยว่าในยุค AI Search นี้ เว็บที่ไม่มี Schema โอกาสที่ AI จะหยิบข้อมูลเราไปใช้สร้างเป็นคำตอบก็อาจจะยากขึ้น หรือต้องใช้เวลานานกว่าคู่แข่งที่มีการทำ Schema อย่างจริงจังแน่นอนครับ”

Schema Markup คืออะไร

Schema Markup คือ ชุดของโค้ดหรือป้ายกำกับข้อมูลที่ฝังลงในซอร์สโค้ด HTML ส่วน <head> ของหน้าเว็บ และจะแสดงผลอยู่บน SERP เท่านั้น โดยรูปแบบที่ Google แนะนำคือ JSON เพื่อใช้อธิบายเนื้อหาในแต่ละหน้าให้ Google bot เข้าใจได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว ถ้าไม่มี Schema กำกับไว้ Google จะพยายามตีความข้อมูลด้วยตัวมันเอง ซึ่งอาจจะถูกหรือไม่ถูกต้องก็ได้

แล้วถ้าเว็บไซต์ไม่มี Schema Markup จะเกิดอะไรขึ้น?

  • Search Engine เข้าใจบริบทของเนื้อหาได้ยากขึ้น
  • พลาดโอกาสแสดงผลแบบ Rich Result
  • CTR อาจต่ำกว่าเว็บคู่แข่งที่ใช้ Schema เพราะการแสดงผลบน SERP ดูไม่ดึงดูด
  • ในระยะยาวอาจส่งผลต่อ Authority และการมองเห็นใน AI Search ได้

ทำไม Schema Markup ถึงสำคัญในยุค AI Search

เพราะ AI ไม่ได้อ่านตัวหนังสือบนหน้าเว็บต่างๆ เหมือนคน มันต้องการข้อมูลที่มีโครงสร้างชัดเจน (Structured Data) เพื่อนำไปสรุปเป็นคำตอบที่สมบูรณ์ที่สุดคำตอบเดียวให้ผู้ใช้งานได้อ่านทันที ซึ่ง Schema Markup เป็นภาษาที่ช่วยให้ AI ตีความข้อมูลบนหน้าเว็บได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว เช่น ถ้า AI ต้องการเปรียบเทียบ "iPhone 16 กับ iPhone 17" มันจะมองหาเว็บที่ใช้ Product Schema เกี่ยวกับ iPhone ทั้งสองรุ่น เพื่อดึงข้อมูลราคา คุณสมบัติต่างๆ มาแสดงผลเปรียบเทียบให้เราได้อ่านทันที

Schema Markup ไม่ได้ดันอันดับโดยตรง แต่เพิ่มโอกาสให้คนคลิกมากขึ้น

มาทำความเข้าใจกันก่อนว่า การติดตั้ง Schema Markup ไม่ได้รับประกันว่าอันดับของเว็บไซต์จะสูงขึ้นในทันที Google ไม่ได้ระบุว่า Schema เป็นปัจจัยการจัดอันดับโดยตรง แต่ประโยชน์ที่แท้จริงอยู่ที่การเพิ่มโอกาสในการแข่งขันให้กับธุรกิจ พิจารณาจากตัวอย่างผลการค้นหานี้

ตัวอย่างการทำงานของแองก้า ให้กับบริษัท bTaskee ธุรกิจรับทำความสะอาดออนไลน์ที่ทีม SEO Specialist ได้วางกลยุทธ์การทำ Review Schema ในหน้าหลัก เพื่อให้แสดงผลลิงก์ (Blue Link) รูปดาว และคะแนนเฉลี่ยของรีวิวนั้นบนหน้าผลการค้นหา ทำให้ดูโดดเด่นกว่าคู่แข่งที่มีแค่ลิงก์ธรรมดาเท่านั้น

ผลลัพธ์การติด Schema Markup

Schema Markup จึงมีส่วนสำคัญในการเพิ่ม CTR (Click Through Rate) จากตัวอย่างจะเห็นว่า การแสดงผลแบบ Rich Results มักใช้พื้นที่มากกว่า ทำให้ผลการค้นหาดูโดดเด่น สร้างความน่าเชื่อถือได้ในสายตาผู้ใช้งาน เห็นแล้วอยากคลิกเข้าไปดูรายละเอียดมากกว่าของคู่แข่ง และเมื่อ CTR ของเว็บดีขึ้น Google จะได้รับสัญญาณเชิงบวกว่า ผู้ใช้งานพึงพอใจในผลลัพธ์นี้ ซึ่งส่งผลดีต่อการจัดอันดับ SEO ในระยะยาวนั่นเองครับ

Schema Markup มีกี่แบบที่นักการตลาดควรรู้จัก

Schema Markup มีมากกว่า 800 รูปแบบบน Schema.org ให้เลือกใช้งานตามประเภทเนื้อหาบนเว็บไซต์และประเภทของข้อมูล แต่ในทางปฏิบัติจะมีอยู่ไม่กี่แบบที่ Google รองรับการแสดงผลแบบ Rich Results เช่น

กลุ่มธุรกิจและองค์กร:

  • Local Business Schema: สำหรับร้านค้าที่มีหน้าร้าน เพื่อบอกที่ตั้ง, เวลาทำการ, เบอร์โทรศัพท์
  • Organization Schema: สำหรับบริษัททั่วไป เพื่อบอกว่าเราคือใครพร้อมโลโก้บริษัท

กลุ่มเนื้อหา (Content):

  • Article Schema: หรือ NewsArticle, BlogPosting เพื่อบอกว่านี่คือบทความ ใครเขียน เผยแพร่เมื่อไหร่
  • How-To Schema: เนื้อหาเกี่ยวกับวิธีทำ เพื่อแสดงวิธีทำสิ่งต่างๆ เป็นขั้นเป็นตอนชัดเจน
  • Recipe Schema: เนื้อหาเกี่ยวกับสูตรทำอาหาร เบเกอรี เครื่องดื่ม เพื่อแสดงส่วนผสม อัตราส่วน เวลาในการทำ
  • Book Schema: เนื้อหาเกี่ยวกับหนังสือ เพื่อแสดงชื่อผู้แต่ง ปีที่พิมพ์หนังสือ สำนักพิมพ์ ราคา
  • FAQ Schema: เนื้อหาเกี่ยวกับคำถามที่พบบ่อย ในรูปแบบคำถาม-คำตอบ

การมาของ AI Overview ทำให้ Google ลดการแสดงผล FAQ Rich Results ลงไปมากครับ แต่จากประสบการณ์ผมมองว่าการใส่ FAQ Schema ช่วยให้ AI เข้าใจเนื้อหาที่เป็นรูปแบบคำถาม-คำตอบของเรา เพิ่มโอกาสให้ AI ดึงเนื้อหาส่วนนี้ไปสรุปเป็นคำตอบบน AI Overview ได้เช่นกันครับ

กลุ่ม E-Commerce และบริการ:

  • Product Schema: เนื้อหาเกี่ยวกับสินค้า เพื่อแสดงรูปสินค้า ราคา คะแนนสินค้า
  • Review Schema / AggregateRating: เนื้อหาที่มีการรีวิว เพื่อแสดงคะแนนรีวิว ความคิดเห็นจากลูกค้า
  • Course Schema: เนื้อหาเกี่ยวกับคอร์สเรียน เพื่อแสดงชื่อหลักสูตร ชื่อผู้สอน ระยะเวลาในการเรียน

กลุ่มบุคคล:

  • Person Schema: เนื้อหาเกี่ยวกับบุคคล เพื่อแสดงชื่อนามสกุล  ความเชี่ยวชาญ ประวัติ มักใช้คู่กับ Author ใน Article Schema เพื่อเสริมแนวคิด E-E-A-T

วิธีเลือก Schema Markup ให้เหมาะกับเว็บไซต์

การติดตั้ง Schema Markup เป็นวิธีที่ใช้สื่อสารกับ Search Engine เพื่อให้เข้าใจเนื้อหาของเว็บเราได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว การเลือก Schema จึงต้องพิจารณาจากประเภทของคอนเทนต์ หน้าที่ต้องการติดตั้ง และเป้าหมายการทำ SEO ที่ต้องการให้เว็บไซต์โดดเด่นกว่าคู่แข่งบนหน้าผลการค้นหา เช่น

  • ถ้าเป็น Content ใช้ Article / FAQ / HowTo
  • ถ้าเป็น Product ใช้ Product / Review
  • ถ้าเป็น Local Page ใช้ LocalBusiness

ตัวอย่างที่ 1 เว็บไซต์ของบริษัทรับทำ SEO

วิธีเลือก Schema Markup

เว็บไซต์บริษัทรับทำ SEO ส่วนใหญ่เวลาเสิร์ชมักแสดงผลลัพธ์คล้ายๆ กัน ดังนั้น การสร้างความแตกต่างบนผลการค้นหาคือการใช้ Schema Markup เป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยยกระดับความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ธุรกิจบริการ โดยเฉพาะ Schema ที่เน้นความเป็นมืออาชีพ ความมีประสบการณ์ด้าน SEO ที่โดดเด่น และแสดงตัวตนของธุรกิจได้อย่างชัดเจน โดย Schema Markup ที่ควรต้องใช้ก็คือ

  • Local Business Schema: ใช้กับหน้าแรกและหน้าติดต่อ เพื่อแสดงแผนที่ตั้ง ข้อมูลการติดต่อ ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
  • Service Schema: ใช้กับหน้าบริการ เพื่อแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับบริการ เช่น จุดเด่น กลยุทธ์ หรือโปรโมชันต่างๆ ช่วยดึงดูดความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย
  • FAQ Schema: ใช้กับหน้าคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับบริการ และตอบคำถามที่ลูกค้ามักสงสัย ช่วยมอบประสบการณ์ที่ดี ทำให้พวกเขารู้สึกว่าเราน่าจะแก้ปัญหาให้ได้จริงๆ 
  • Article Schema: ใช้กับหน้าบทความให้ความรู้เกี่ยวกับบริการของเรา เพื่อแสดงความเป็นผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมนั้นๆ

ตัวอย่างที่ 2 เว็บขายของออนไลน์ (e-Commerce)

Schema Markup เว็บ e-Commerce

สำหรับเว็บขายของออนไลน์ (e-Commerce) การนำเสนอข้อมูลสินค้าให้ครบและน่าเชื่อถือ ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้าโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดสินค้า ราคา รีวิว ไปจนถึงชื่อเสียงของแบรนด์ การติด Schema Markup ที่เหมาะสม ช่วยให้ข้อมูลเหล่านี้แสดงผลโดดเด่นบนหน้า Google และเพิ่มโอกาสปิดการขายได้มากยิ่งขึ้น โดย Schema Markup ที่ควรต้องใช้ก็คือ

  • Product Schema: ใช้กับหน้าสินค้า เพื่อแสดงรายละเอียดสำคัญต่างๆ เช่น ชื่อ ราคา บริการจัดส่ง วิธีใช้งาน ฯลฯ เพื่อให้ลูกค้านำข้อมูลไปพิจารณาเปรียบเทียบได้
  • Offer Schema: ใช้กับหน้าโปรโมชันหรือหน้าสินค้า เพื่อนำเสนอโปรโมชัน ราคาพิเศษ เพื่อดึงดูดความสนใจได้ในทันที
  • Brand Schema: ใช้กับหน้าแรก เพื่อแสดงข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์ เช่น ประวัติ ปีที่ก่อตั้ง รางวัลที่ได้รับ ฯลฯ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ
  • Review Schema: ใช้กับหน้ารวมรีวิวหรือหน้าสินค้า เพื่อแสดงรีวิวจากผู้ใช้งานจริง เป็นการสร้าง Social Proof ให้กลุ่มเป้าหมายเชื่อมั่นในตัวสินค้าจนตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
  • FAQ Schema: ใช้กับหน้าคำถามที่พบบ่อย เพื่อถาม-ตอบเกี่ยวกับการสั่งซื้อสินค้า การชำระเงิน การจัดส่ง หรือบริการพิเศษอื่นๆ ทำให้ลูกค้ารู้ข้อมูลเบื้องต้นได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องติดต่อเพื่อสอบถามเพิ่มเติม

วิธีติดตั้ง Schema Markup ทำยังไงได้บ้าง?

หลายคนอาจกำลังสงสัยว่า แล้วเราต้องเขียนโค้ดเองเหรอ? หากใครที่ใช้ WordPress สามารถทำผ่านปลั๊กอินง่ายๆ ได้เลย หรือใช้ Google Structured Data Markup Helper

1. ใช้ SEO Plugins

ใช้ Rank Math ติด Schema

สำหรับใครที่ใช้ WordPress จะมีปลั๊กอินอย่าง Rank Math และ Yoast SEO ที่จะสร้างโค้ด Schema ให้แบบอัตโนมัติ โดยที่เราแทบไม่ต้องยุ่งกับการสร้างโค้ดเลย โดยเฉพาะ Rank Math ซึ่งฟรีและมี Schema ให้เลือกหลายรูปแบบ มีขั้นตอนง่ายๆ คือ

  1. ไปที่ Post หรือ Page ที่คุณต้องการเพิ่ม Schema
  2. ด้านล่างสุดจะมีกล่องตั้งค่าต่างๆ ของ Rank Math ให้คลิกที่แท็บ "Schema" 
  3. เลือกประเภท Schema ที่ต้องการ จากนั้นปลั๊กอินจะแสดงช่องให้กรอกข้อมูลที่จำเป็น
  4. Rank Math จะไปสร้างโค้ด JSON ที่ถูกต้องฝังในหน้าเว็บให้ทันที

2. ใช้ Markup Generators

ใช้ Markup Generators ติด Schema

Google Structured Data Markup Helper เป็นเครื่องมือฟรีที่คนทำ SEO นิยมใช้ เพียงเลือกประเภท Schema แล้วใช้เมาส์ไฮไลท์ข้อมูลบนหน้าเว็บของเราได้เลย มีขั้นตอนง่ายๆ คือ

  1. เลือกว่าเนื้อหาของหน้าที่ต้องการติด Schema เป็นประเภทไหน
  2. นำ URL ของหน้านั้น (ที่เผยแพร่ไปแล้ว) มาวางในช่องด้านล่าง แล้วกด "Start Tagging"
  3. ใช้เมาส์ลากคลุม (ไฮไลท์) ข้อความบนหน้าเว็บนั้น เช่น ลากคลุมหัวข้อบทความ ให้เลือก "Name" (ชื่อเรื่อง) ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ในแต่ละส่วนที่สำคัญ
  4. เมื่อไฮไลท์ข้อมูลสำคัญครบแล้ว ให้กดปุ่ม "Create HTML" สีแดงที่มุมบนขวา
  5. เครื่องมือจะแสดงชุดโค้ดออกมา ให้เลือกประเภทโค้ดเป็น "JSON" (เพราะเป็นแบบที่ Google แนะนำ)
  6. เราจะเห็นชุดโค้ดที่อยู่ในแท็ก <script type="application/ld+json"> ... </script>
  7. คัดลอกโค้ดทั้งหมดไปวางไว้ในส่วน <head> ของไฟล์ HTML ในหน้านั้นๆ เป็นอันเสร็จครับ

หลังจากติดตั้งชุดโค้ด Schema แล้ว ต้องนำ URL ไปทดสอบกับเครื่องมือ Rich Results Test ของ Google เสมอนะครับ เพื่อดูว่า Google อ่านโค้ดของเราเข้าใจและไม่มี Error เกิดขึ้น

เพิ่มศักยภาพการทำ SEO ในยุค AI ด้วยการติด Schema Markup

การติด Schema Markup ช่วยเพิ่มการมองเห็นและอัตราการคลิก CTR (Click Through Rate) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะหน้าเว็บที่แสดงผลแบบ Rich Results เช่น มีดาว, มีคะแนนรีวิว หรือมีรูปภาพที่ดูโดดเด่น ใครเห็นก็คงอยากคลิกเข้าไปมากกว่าเว็บที่โชว์แค่ลิงก์สีน้ำเงินธรรมดา นอกจากนี้ยังเป็นการคัดกรองผู้ใช้ที่มีคุณภาพได้ด้วย เช่น ผู้ใช้เห็นว่าบริษัทของเรารับทำ SEO สายขาวที่เน้นคุณภาพในระยะยาว แต่ถ้าเขาต้องการทำ SEO สายเทา เขาก็จะไม่คลิกเข้ามา ทำให้ Traffic ที่เราได้นั้นมีคุณภาพมากขึ้น ลด Bounce Rate ซึ่งสัญญาณเหล่านี้ส่งผลดีต่อการทำ SEO ทั้งสิ้นครับ

Schema Markup จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่เราใช้ป้อนข้อมูลให้ AI ได้อย่างมีโครงสร้างชัดเจน เพราะการที่ AI เข้าใจเนื้อหาได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว คือแต้มต่อสำคัญที่จะทำให้เว็บของเราถูกเลือกก่อนเว็บอื่นๆ ได้ โดยเฉพาะการถูกเลือกไปแสดงผลบน AI Overview เพราะมันได้กลายเป็นทำเลทองที่ดีที่สุดบน Google Search เพิ่มโอกาสให้เว็บของคุณอยู่เหนืออันดับ 1 ได้

“ในยุคนี้ผมมองว่าการติดตั้ง Schema Markup ให้หน้าเว็บที่สำคัญต่อธุรกิจ ไม่ใช่ส่วนเสริมที่จะเลือกทำหรือไม่ทำก็ได้อีกต่อไป แต่มันคือสิ่งที่จำเป็นต้องทำแล้วครับ”