ปัจจุบันพฤติกรรมการค้นหาของผู้ใช้เปลี่ยนไปจากแต่ก่อนมาก เราไม่ได้พิมพ์แค่คำสั้นๆ ห้วนๆ อีกต่อไป แต่เริ่มคุยกับ Search Engine มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์ถามยาวๆ ใน Google หรือการป้อนคำสั่งใน AI Search Engine แต่ละตัว ทำให้คำค้นหามีความยาวและเฉพาะเจาะจงขึ้น หรือเรียกว่า Long-tail Keywords คือคำค้นหาที่เข้าใจความต้องการลึกๆ ของผู้ใช้งาน แม้จะมีคนค้นหาน้อย (Search Volume ต่ำ) แต่ถ้าเราวางกลยุทธ์ดีๆ คีย์เวิร์ดเหล่านี้คือตัวปิดการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพเลยครับ
คุณธีรวัชร เกียรติธีราภิวัฒน์ - SEO Specialist ผู้เชี่ยวชาญด้านการรับทำ SEO ของ ANGA (แองก้า) ได้แชร์ว่า
“กลยุทธ์การทำ SEO ของแองก้า เราจะให้ความสำคัญกับการนำ Long-tail Keywords ไปปรับใช้ในคอนเทนต์ต่างๆ ของลูกค้าด้วย เพื่อให้เนื้อหามีความเจาะจงและตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ซึ่งกลยุทธ์นี้ส่งผลดีต่อการทำ SEO และยังเพิ่มโอกาสในการเกิด Conversion ให้ธุรกิจได้ด้วย เพราะการโฟกัสแค่คีย์เวิร์ดที่มี Search Volume สูงอย่างเดียว เพื่อให้ได้ยอด Traffic เยอะๆ อาจไม่เพียงพอกับการแข่งขันในยุคนี้ครับ”
Long-tail Keywords คืออะไร?
Long-tail Keywords คือ คำค้นหาที่มีความยาวและเจาะจงมากขึ้น มักจะมี 3 คำขึ้นไป แต่ในยุค AI Search นี้อาจมีความยาว 4-5 คำเลยก็ได้ อ่านแล้วรู้ได้ทันทีว่าผู้ค้นหาต้องการอะไร เป็นการขยายความจากคำค้นหาสั้นๆ (Generic Keywords) ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ตัวอย่าง: บริษัทรับทำ SEO สายขาว ในกรุงเทพ
- "บริษัทรับทำ SEO" นี่คือคำค้นหาสั้นๆ หรือ Generic Keywords
- "สายขาว" เป็นส่วนขยายที่ 1 เจาะจงทันทีว่า ไม่เอาสายเทา/สายดำ
- "ในกรุงเทพ" เป็นส่วนขยายที่ 2 เจาะจงพื้นที่บริการ
จากตัวอย่างจะเห็นเลยว่า ผู้ค้นหารู้ความต้องการของตัวเองชัดเจนมาก ไม่ได้แค่หาบริษัทรับทำ SEO ทั่วไป แต่เขากำลังมองหาบริษัทที่ตรงตามเงื่อนไขครบทั้ง 3 ข้อ และนี่คือความสำคัญของ Long-tail Keywords ที่แม้จะมีปริมาณการค้นหาน้อย แต่ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มเป้าหมายที่มีโอกาสเปลี่ยนเป็นลูกค้าสูงมากครับ
เปรียบเทียบ Generic Keywords กับ Long-tail Keywords ต่างกันยังไง?
Generic Keywords | Long-tail Keywords | |
ความยาวของคำค้นหา | 1-2 คำ | 3 คำขึ้นไป |
ปริมาณการค้นหา (Search Volume) | สูง(อาจอยู่ที่หลักพัน/หมื่น ขึ้นอยู่กับหมวดหมู่ของคำค้นหา) | ต่ำ (อาจอยู่ที่หลักร้อย/สิบ ขึ้นอยู่กับหมวดหมู่ของคำค้นหา) |
การแข่งขัน | สูง | ต่ำ |
จุดประสงค์การใช้งาน | เน้นสร้าง Awareness และ Traffic | เพิ่มโอกาสเกิด Conversion |
พฤติกรรมของผู้ใช้ Long-tail Keywords ในการค้นหาเป็นยังไง?
คนที่ใช้ Long-tail Keywords มักเป็นคนที่มีข้อมูลในเรื่องนั้นๆ มาแล้วระดับหนึ่ง ไม่ใช่คนที่เพิ่งเริ่มหาข้อมูล ในมุมของ Customer Journey คนที่ใช้ Long-tail Keywords มักอยู่ในช่วง Consideration ตอนปลายๆ หรือช่วง Decision คือ พวกเขากำลังเปรียบเทียบ, ตัดสินใจซื้อ, หรือกำลังหาคำตอบที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นก่อนตัดสินใจ
ตัวอย่าง:
- ผู้ใช้ค้นหาคำว่า “บริษัทรับทำ SEO” (Generic Keywords) พวกเขาอาจกำลังคิดว่า อยากจ้างทำ SEO มีบริษัทไหนบ้าง เป็นการค้นหากว้างๆ ยังไม่ได้เจาะจงว่าต้องการบริษัทรับทำ SEO แบบไหน
- ผู้ใช้ค้นหาว่า "บริษัทรับทำ SEO ติดหน้าแรก Google ในกรุงเทพ " (Long-tail Keywords) พวกเขาอาจกำลังคิดว่า อยากจ้างบริษัทรับทำ SEO ที่มีความเชี่ยวชาญ มีผลงานทำให้เว็บติดหน้าแรก Google มาแล้ว และอยู่ในกรุงเทพ หากเราวางกลยุทธ์คอนเทนต์ให้ครอบคลุม ก็มีโอกาสปิดการขายผู้ค้นหารายนี้ได้มากขึ้น
ทำไม Long-tail Keywords สำคัญต่อการทำ SEO ในยุค AI Search
- สร้างคอนเทนต์ที่มีคุณค่ากับผู้ใช้งานจริงๆ
จากประสบการณ์ผมมองว่า เมื่อมีการใช้ Long-tail Keywords ในคอนเทนต์ เหมือนเป็นการบังคับให้เราต้องคิดและสร้างคอนเทนต์ที่แก้ปัญหาให้กลุ่มเป้าหมายได้จริงๆ หรือพยายามหาข้อมูลเชิงลึกมากขึ้นเพื่อให้ครอบคลุมทุกประเด็นที่ผู้ค้นหาน่าจะอยากรู้ นอกเหนือจากการเขียนเนื้อหาที่ให้ความรู้ทั่วไปแบบกว้างๆ
- เพิ่มโอกาสในการติด AI Overview
การทำ SEO ในยุคนี้ ไม่ได้แข่งกันติดหน้าแรก Google เท่านั้น หลายธุรกิจหันมาแย่งชิงพื้นที่สรุปคำตอบของ AI Overview ซึ่งอยู่ด้านบนสุดเหนืออันดับ 1 และเมื่อเราสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณค่า ตอบคำถามได้ตรงจุด สอดคล้องกับแนวคิด E-E-A-T (Experience, Expertise, Authoritativeness, Trustworthiness) ที่ Google ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสในการติด AI Overview ได้ด้วย
- การแข่งขันต่ำ แต่ Conversion Rate สูง
สำหรับใครที่เพิ่งเริ่มทำ SEO หรือเว็บไซต์ธุรกิจขนาดเล็ก แนะนำให้เน้นไปที่ Long-tail Keywords ที่มีการแข่งขันต่ำแต่มีโอกาสเกิด Conversion สูง พร้อมวางแผนทำคอนเทนต์โดยเน้นไปที่การให้ข้อมูลเชิงลึก แสดงความเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนั้นๆ เข้าไป บอกเลยว่าแม้เว็บไม่ติดหน้าแรก Google ก็ติด AI Overview ได้ จากนั้นค่อยขยับไปทำคำค้นหาสั้นๆ ที่มีปริมาณการค้นหาสูง เพื่อขยายฐานผู้เข้าชมเว็บไซต์ให้มากขึ้น
Long-tail Keywords เกี่ยวข้องกับหลักการทำงานของ AI Search โดยตรง
Long-tail Keywords มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับหลักการทำงานของ AI Search ที่เรียกว่า Query fan-out เมื่อผู้ใช้พิมพ์คำค้นหายาวๆ หรือป้อนคำสั่งที่ซับซ้อน ระบบ AI จะใช้หลักการ Fanout คือการแตกคำถามที่ซับซ้อนนั้นออกเป็นคำถามย่อย (Sub-queries) ซึ่งจะมีลักษณะเป็น Long-tail Keywords จากนั้น AI ก็จะไปหาข้อมูลจากเว็บต่างๆ ที่มีข้อมูลครอบคลุมคำถามย่อยๆ เหล่านั้น เพื่อสรุปเป็นคำตอบ
ดังนั้น หากมีการปรับใช้ Long-tail Keywords ในบทความ และมีข้อมูลตรงตาม Search Intent ก็มีโอกาสที่ AI จะดึงเนื้อหาของเราไปสร้างเป็นคำตอบได้มากขึ้นครับ
วิธีนำ Long-tail Keywords ไปปรับใช้ในบทความ
คำถามต่อมาคือ แล้วจะนำ Long-tail Keywords ไปใช้ยังไงให้เวิร์กที่สุด? การมีคีย์เวิร์ดดีๆ อยู่ในมือยังไม่พอ เราต้องนำไปปรับใช้ในบทความอย่างถูกวิธีและเป็นธรรมชาติด้วย ไม่ใช่พยายามยัดคีย์เวิร์ดเข้าไปดื้อๆ โดยที่เนื้อหาไม่ได้สอดคล้องกับภาพรวมของบทความเลย มาดูวิธีใช้ Long-tail Keywords ให้ส่งผลดีต่อ SEO กันครับ
1. หา Long-tail Keywords
- ใช้ Google Autocomplete: ให้เสิร์ชคำค้นหาสั้นๆ (Generic Keywords) ที่ต้องการ เช่น "ทำ SEO" แล้วดูว่า Google แนะนำคำค้นหาอะไรมาให้อีกบ้าง สามารถนำไปปรับใช้ในบทความได้หมดเลย

- Related searches หรือการค้นหาที่เกี่ยวข้อง: เลื่อนลงไปด้านล่างสุดของหน้าผลการค้นหา จะเจออีก 8-10 คำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับคำที่เราเสิร์ชไป

- People also ask หรือคำถามที่พบบ่อย: ในส่วนของคำถามที่พบบ่อยมักจะอยู่กลางๆ ของหน้าผลการค้นหา ให้เอาคำถามที่พบบ่อยไปสร้างเป็นหัวข้อย่อย หรืออาจจะทำเป็นส่วนคำถามที่พบบ่อย (FAQ) ก็ได้ ขึ้นอยู่ว่าเราจะจัดโครงสร้างของบทความยังไง

- Google Keyword Planner: ข้อดีของการหา Long-tail Keywords ผ่าน Google Keyword Planner จะแสดงปริมาณการค้นหา (Search Volume) และระดับความยากง่ายในการแข่งขัน (Competition) ที่ค่อนข้างแม่นยำจาก Google โดยตรง

- ค้นหาผ่านเว็บ Answer ThePublic: เครื่องมือจะแสดงผล Long-tail ในลักษณะของ People also ask แตกออกมาจากคำค้นหาหลักที่เราพิมพ์ไปในลักษณะของ Mind Map ที่เข้าใจง่าย สามารถเอาไปสร้างเป็นหัวข้อคอนเทนต์หรือ FAQ ได้เลยครับ

2. ใส่ Long-tail Keywords ในจุดสำคัญ
พยายามใส่ไว้ในชื่อเรื่อง (Title Tag) และสื่อถึงเนื้อหาโดยรวมของบทความได้จริงๆ หรือนำไปสร้างเป็นหัวข้อหลัก หัวข้อย่อย (H1, H2, H3…) และพยายามกระจายคีย์เวิร์ดและคำที่มีความหมายใกล้เคียง (LSI Keywords) ไปทั้งบทความให้ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ควรยัดคียเวิร์ดที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาโดยรวม

ตัวอย่าง: จากรูป เมื่อเสิร์ชคำว่า "ทำ SEO" อาจวาง Long-tail Keywords ในจุดสำคัญได้ดังนี้
- ตั้งชื่อเรื่องว่า “วิธีทำ SEO ให้ติดหน้าแรก Google ด้วยตัวเอง”
- ทำหัวข้อ H2 เกี่ยวกับ “ขั้นตอนการทำ SEO ด้วยตัวเองอย่างละเอียด”
- ทำหัวข้อ H2 เกี่ยวกับ “ข้อดีของการทำ SEO ให้กับเว็บไซต์”
จะเห็นว่าแต่ละประโยคครอบคลุมทุกคำค้นหาที่ Google แนะนำมา อีกทั้งชื่อเรื่องและหัวข้อต่างๆ ยังมีความเชื่อมโยงเป็นเรื่องเดียวกันอยู่ ทีนี้เราก็จะรู้แล้วว่าควรเขียนหัวข้ออะไรเพิ่มเติม เพื่อให้ตอบโจทย์ Search Intent ของผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้นดูตัวอย่างบทความของแองก้า 10 วิธีสอนทำ SEO เว็บไซต์ให้ติดหน้าแรก Google ที่มีการใช้ Long-tail Keywords อย่างถูกวิธีจนบทความติด AI Overview
3. เนื้อหาต้องตรงตาม Search Intent ด้วย
เพื่อป้องกันการยัดคีย์เวิร์ดที่ไม่เกี่ยวข้อง อย่าลืมดูเรื่อง Search Intent ว่า Long-tail Keywords ที่เลือกมาใช้นั้น ตรงตามเจตนาหรือจุดประสงค์การค้นหาของผู้ใช้งานหรือไม่ โดยทั่วไปเราจะแบ่ง Search Intent เป็น 5 ประเภทหลักๆ คือ
- Informational Intent ผู้ใช้ต้องการหาข้อมูลแบบกว้างๆ
- Navigational Intent ผู้ใช้ต้องการไปยังยังเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์ม
- Commercial Investigation ผู้ใช้กำลังหาข้อมูลเพื่อตัดสินใจซื้อ
- Transactional Intent ผู้ใช้พร้อมที่จะซื้อ
- Local Intent ผู้ใช้ต้องการหาสถานที่ในพื้นที่นั้นๆ
ดังนั้น ถ้าเราเลือกใช้ Long-tail Keywords มาตั้งชื่อเรื่องว่า “วิธีทำ SEO ให้ติดหน้าแรก Google ด้วยตัวเอง” ซึ่งเป็น Informational Intent คือผู้ใช้ต้องการหาข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการทำ SEO ให้ติดหน้าแรก Google หากเรานำคำค้นหาว่า “ทำ seo facebook” ไปแทรกในบทความ ก็จะไม่ตรงกับสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการอ่านนั่นเองครับ
วางกลยุทธ์ Long-tail Keywords เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนในยุค AI Search
จากประสบการณ์ทำ SEO ให้กับธุรกิจหลายขนาด ผมมองว่า เราไม่ควรไล่ตามแต่ Volume จนลืม Value ของเนื้อหา เพราะไม่ว่าอัลกอริทึมของ Google และรูปแบบการค้นหาจะเปลี่ยนไปเร็วแค่ไหน แต่สิ่งที่ทำให้เว็บไซต์ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืนก็คือการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ ตอบคำถามผู้ใช้งานได้จริงๆ
ดังนั้น ธุรกิจที่วางกลยุทธ์บทความโดยใช้ Long-tail Keywords ไม่เพียงแต่จะช่วยสร้างความโดดเด่นในตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) ได้ง่ายขึ้น แต่ยังเพิ่ม Conversion Rate ได้อย่างมีนัยสำคัญเลยครับ เพราะผู้ที่ค้นหาด้วยคำเหล่านี้ กำลังสะท้อนถึงความต้องการที่ชัดเจนและมีเจตนาในการซื้อสูง นอกจากนี้ ยังเป็นกลยุทธ์สำคัญในการเป็นแหล่งข้อมูลคุณภาพของ AI เพื่อใช้สรุปเป็นคำตอบบน AI Search Engine อีกด้วยครับ