ทำไมความเร็วของเว็บไซต์ มีผลต่ออันดับ SEO บน Google
ความเร็วของเว็บไซต์ หรือที่เราเรียกว่า Pagespeed เป็นหนึ่งในปัจจัยของการทำ SEO ที่ไม่ควรมองข้าม เพราะผลของ Pagespeed เป็นคุณสมบัติพื้นฐานที่ Google ใช้เป็นเกณฑ์ในการวัดคุณภาพเว็บไซต์ ยิ่งได้คะแนนมากเท่าไหร่ยิ่งมีโอกาสที่เว็บไซต์จะขึ้นมาแสดงบนหน้าแรกเพิ่มขึ้นเท่านั้น
Pagespeed คืออะไร?
Pagespeed คือ ความเร็วในการแสดงผลข้อมูลต่างๆ ในทุกๆ หน้าของเว็บไซต์ของเรา ข้อมูลในที่นี่รวมทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ข้อความ, รูปภาพ, คลิปวิดีโอ, อนิเมชั่น, CSS, Script ฯลฯ ซึ่งข้อมูลที่เราใส่ลงไปนี้ เมื่อผู้ใช้งานกดคลิกเปิดหน้าเว็บเพจ บราวเซอร์จะทำการดาวน์โหลดสิ่งเหล่านี้แล้วแสดงผลออกมาด้วยความเร็วเป็นหน่วย มิลลิวินาที (millisecond: ms)
หลายๆ คนอาจไม่คุ้นชินกับคำว่า Pagespeed SEO แต่ถ้าพูดถึงความเร็วของเว็บไซต์น่าจะคุ้นหูมากกว่า เพราะผู้ใช้งานไม่ว่าจะเป็นระดับไหน ย่อมต้องเคยประสบปัญหาหน้าเว็บไซต์เปิดไม่ขึ้น, ใช้เวลาดาวน์โหลดนาน หรือ ดาวน์โหลดแล้วรูปหายขึ้น Error ทำให้เสียอารมณ์จนต้องกดออกจากหน้าเว็บไซต์ไป ดังนั้นแม้ว่า บทความหรือข้อมูลบนเว็บไซต์ของเราจะดีแค่ไหน แต่ถ้าเปิดดูไม่ได้ก็เท่ากับเป็น 0
Pagespeed มีผลยังไงกับอันดับ SEO
Google จะนำผลของ Pagespeed ที่วัดได้ไปจัดอันดับ (Ranking) บนหน้าแรกของ Google ถ้าเว็บไซต์ไหนสามารถแสดงผลหน้าเว็บได้สมบูรณ์ครบถ้วนได้เร็วก็จะยิ่งได้คะแนนสูง แต่ถ้าเว็บไซต์ไหนช้า หรือกว่าจะดาวน์โหลดสำเร็จต้องใช้เวลานาน เว็บไซต์นั้นก็จะได้คะแนนต่ำลง โดยในปี 2021 นี้ เกณฑ์การให้คะแนนความเร็วของเว็บไซต์ที่ส่งผลต่อ SEO และประสบการณ์ใช้งานจริง (User Experience) จะมีอยู่ 4 ปัจจัยหลัก ได้แก่
เกณฑ์วัดคะแนน | อยู่ในเกณฑ์ดี | อยู่ในเกณฑ์ควรปรับปรุง | อยู่ในเกณฑ์ที่ไม่ดี |
FCP | [0, 1800ms] | (1800ms, 3000ms] | over 3000ms |
FID | [0, 100ms] | (100ms, 300ms] | over 300ms |
LCP | [0, 2500ms] | (2500ms, 4000ms] | over 4000ms |
CLS | [0, 0.1] | (0.1, 0.25] | over 0.25 |
นอกจากนี้ Pagespeed ยังส่งผลถึง Bounce rates (อัตราส่วนการเข้าชมเว็บไซต์เพียงหน้าเดียวแล้วปิดไป) ยิ่งถ้าผู้ใช้งานเปิดหน้าเว็บเพจไม่ขึ้น หรือดูข้อมูลไม่ได้ ก็จะยิ่งกดออกไปจากหน้าเว็บเพจของเร็วขึ้น ทำให้เว็บไซต์ของเรามี Bounce rates สูงขึ้น ซึ่ง Google ถือว่าสิ่งเหล่านี้ เป็นประสบการณ์การใช้งานข้อผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่ไม่ดี = เว็บไซต์เหล่านี้มีคุณภาพแย่ อันดับเว็บไซต์ SEO ของเราก็จะตกลงอย่างแน่นอน ความเร็วของเว็บ SEO จึงเป็นหนึ่งในตัวแปรส่งผลโดยตรงต่อการจัดอันดับ SEO
วิธีวัด Pagespeed ของเว็บไซต์
เราสามารถวัด Pagespeed ของเว็บไซต์ได้โดยใช้เครื่องมือต่างๆ เข้าช่วย อาทิ
PageSpeed Insights – เครื่องมือวัดความเร็วเว็บไซต์ฟรี โดย Google
1. เข้าไปที่ https://developers.google.com/speed/pagespeed/insights
2. ใส่ URL เว็บไซต์ที่ต้องการ แล้วกดปุ่ม ANALYZE หรือกด Enter
3. ระบบจะทำการประมวลผลและแสดงผลลัพธ์ทั้งหมดของเว็บไซต์ที่เราใส่ URL ลงไป
สาเหตุที่ทำให้เว็บไซต์ดาวน์โหลดได้ช้า
สาเหตุที่ทำให้เว็บไซต์ดาวน์โหลดได้ช้าเกิดจาก 4 ปัญหาหลักๆ ดังนี้
1. ปัญหาจาก Server – อาจเกิดได้จากเซิฟเวอร์ทำงานหนัก เพราะมีการแชร์พื้นที่บนเซิฟเวอร์หลายเว็บไซต์เกินไป
2. ปัญหาจาก Network – มักเกิดจากการเลือกใช้เซิฟเวอร์ราคาถูก ที่ให้ค่า Bandwidth หรือ ค่า Upload – Download ต่ำ
3. ปัญหา Script Code ที่มีมากเกินความจำเป็น ทำให้เว็บไซต์ไม่สามารถรัน Script Code ได้ หากผู้ใช้งานไม่มีความรู้ความเข้าใจทางด้าน coding อาจไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ด้วยตนเอง ควรให้โปรแกรมเมอร์ที่มีความรู้ทางด้านนี้เป็นผู้ช่วยแก้ไข
4. ปัญหารูปภาพที่มีขนาดใหญ่เกินไป บางครั้งรูปภาพที่เราเลือกใช้งานมีขนาดใหญ่มากเกินไป ทำให้ผู้ใช้งานที่มีความเร็วอินเตอร์เน็ตไม่มาก ไม่สามารถดาวน์โหลดรูปภาพเหล่านั้นดูได้ ควรบีบอัดหรือลดขนาดภาพให้เล็กลง
สรุปเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลของ Pagespeed
ความเร็วของเว็บ SEO หรือผลของ Pagespeed เป็นเพียงตัวแปรหนึ่งที่ส่งผลต่อคุณภาพเว็บไซต์และการจัดอันดับ Ranking ของ Google แต่ไม่ได้หมายความว่า คะแนน Pagespeed สูง แล้วเว็บไซต์ของเราจะได้ติดอันดับในหน้าแรกเสมอไป เพราะยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่เป็นตัวแปร ซึ่งจำเป็นที่เราจะต้องเรียนรู้และทำควบคู่ไปด้วย