1. หน้าหลัก
  2. อัปเดตการตลาด
  3. สอนวิธีปักหมุดใน Google Map ให้คนค้นพบธุรกิจคุณง่าย ๆ
วิธีปักหมุดใน Google Map
เผยแพร่เมื่อ: พฤษภาคม 8, 2025

สอนวิธีปักหมุดใน Google Map ให้คนค้นพบธุรกิจคุณง่าย ๆ

Table Of Contents

การปักหมุดใน Google Map เป็นเรื่องสำคัญที่ทุกธุรกิจควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะการปักหมุดร้านบน Google Map จะช่วยให้ลูกค้าเดินทางมาร้านของคุณง่ายขึ้น เพิ่มความน่าเชื่อถือ และช่วยเพิ่มโอกาสให้คนมาเจอกับธุรกิจของคุณมากขึ้นนั่นเอง สำหรับใครที่กำลังหาวิธีปักหมุดใน Google Map อยู่ สามารถดูขั้นตอนการปักหมุด Google Map ในบทความนี้กับ ANGA ได้เลย (แอบกระซิบว่าใช้เวลาทำไม่นาน แค่ 10 นาทีก็เสร็จแล้ว!)

การปักหมุดใน Google Map คืออะไร?

Google Map คือแผนที่ออนไลน์ที่ช่วยให้เราค้นหาสถานที่ต่าง ๆ ดูเส้นทาง และหาร้านค้าหรือบริการที่อยู่ใกล้ตัวเราได้ ส่วนการปักหมุดใน Google Map คือการเพิ่มข้อมูลธุรกิจหรือสถานที่ของคุณลงในระบบ ทำให้ร้านหรือธุรกิจปรากฏเป็นจุดบนแผนที่ เวลาที่ใครค้นหาประเภทธุรกิจหรือบริการของคุณในบริเวณใกล้เคียง ร้านของคุณก็จะแสดงขึ้นมาในผลการค้นหา ช่วยให้ลูกค้าสามารถค้นพบและเดินทางมาที่ร้านได้อย่างง่ายดาย

การปักหมุดร้านสามารถทำได้โดยใช้บริการที่ชื่อว่า Google Business Profile ซึ่งเป็นเครื่องมือฟรีที่ Google มีให้ คุณสามารถใส่ข้อมูลร้านได้ครบถ้วน ทั้งชื่อร้าน ที่อยู่ เบอร์โทร วันเวลาเปิดปิด รูปภาพ และรายละเอียดสินค้าหรือบริการ เมื่อมีคนใช้ Google ค้นหาคำว่า “ร้านกาแฟใกล้ฉัน” หรือ “ร้านเปลี่ยนยางแถวนี้” ร้านของคุณก็มีโอกาสขึ้นมาให้คนเห็น ทำให้มีลูกค้าใหม่เข้าร้านโดยที่คุณไม่ต้องเสียค่าโฆษณา Google Ads เพิ่มเติมเลย

วิธีปักหมุดใน Google Map

ประโยชน์ของการปักหมุดร้านใน Google Map

  • ลูกค้าหาร้านคุณเจอง่ายขึ้น เมื่อมีคนค้นหาร้านในพื้นที่ใกล้เคียง ชื่อร้านคุณจะปรากฏในผลการค้นหา ช่วยให้คนรู้จักร้านมากขึ้นโดยไม่ต้องจ่ายค่าโฆษณา
  • ลูกค้าเดินทางมาร้านได้สะดวก คนที่สนใจร้านคุณสามารถกดปุ่มนำทางให้ GPS พาตรงมาที่ร้านได้เลย ไม่ต้องถามทางหรือโทรหาคุณให้ยุ่งยาก
  • ทำให้ร้านดูน่าเชื่อถือมากขึ้น ร้านที่มีข้อมูลบน Google Map จะดูมีตัวตนจริงและเป็นธุรกิจจริงจัง ทำให้คนมั่นใจและกล้าตัดสินใจมาใช้บริการ
  • คนเห็นรีวิวร้านจากลูกค้าคนอื่น ระบบรีวิวช่วยให้คนเห็นความคิดเห็นจากลูกค้าเก่า ร้านที่มีคะแนนดีจะดึงดูดลูกค้าใหม่ได้มากกว่าร้านที่ไม่มีรีวิว
  • แข่งกับร้านใหญ่ ๆ ได้ในการค้นหา ร้านเล็ก ๆ ก็มีโอกาสขึ้นผลการค้นหาเหนือร้านใหญ่ได้ ถ้าตำแหน่งร้านอยู่ใกล้ผู้ค้นหามากกว่าและมีข้อมูลครบถ้วน
  • แสดงข้อมูลร้านได้ครบทุกอย่าง คุณสามารถใส่เวลาเปิด-ปิด รูปร้าน รูปสินค้า เบอร์โทร ทำให้คนรู้ข้อมูลครบก่อนตัดสินใจมาได้
  • ดูสถิติคนค้นหาและเข้าชมร้านได้ คุณสามารถเห็นได้ว่าคนหาร้านคุณด้วยคำค้นหาอะไร กดดูอะไรบ้าง กดนำทางมากี่ครั้ง ช่วยให้เข้าใจลูกค้ามากขึ้น
  • แจ้งข่าวและโปรโมชันได้ตลอด คุณสามารถโพสต์ข่าวสาร โปรโมชัน หรือเมนูใหม่ได้ เป็นช่องทางบอกข่าวกับลูกค้าโดยไม่ต้องเสียเงิน

วิธีปักหมุดใน Google Map ด้วยตัวเองง่าย ๆ 

วิธีปักหมุดใน Google Map สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเองและไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมใด ๆ เพียงแต่จะมีการยืนยันว่าคุณคือเจ้าของธุรกิจนั้นจริงหรือไม่ผ่านอีเมลเท่านั้น เมื่อคุณสร้างบัญชีและปักหมุดธุรกิจใน Google Map เรียบร้อยแล้ว คุณก็สามารถเข้าไปปรับแต่งเพิ่มความน่าสนใจหรือแก้ไขข้อมูลได้ตลอด 24 ชั่วโมง มาดูกันว่าวิธีปักหมุดใน Google Map ต้องทำยังไงบ้าง?

1. เข้าสู่ระบบและสร้างบัญชีธุรกิจ

1. เข้าสู่ระบบและสร้างบัญชีธุรกิจ
  • เปิดเบราว์เซอร์และเข้าไปที่ business.google.com
  • คลิกที่ปุ่ม “บริหารธุรกิจ” หรือ “จัดการเลย” ที่หน้าแรก
  • เข้าสู่ระบบด้วยบัญชี Gmail ที่ต้องการใช้ดูแลข้อมูลธุรกิจ
  • แนะนำให้ใช้อีเมลที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ เพื่อความน่าเชื่อถือและความเป็นระเบียบในการจัดการ

2. เพิ่มชื่อและประเภทธุรกิจ

2. เพิ่มชื่อและประเภทธุรกิจ
  • พิมพ์ชื่อธุรกิจลงไป เพื่อตรวจสอบว่ามีในระบบแล้วหรือไม่
  • หากยังไม่เคยมีธุรกิจนี้มาก่อน ระบบจะแสดงข้อความสีเทาใต้ชื่อธุรกิจว่า  “สร้างธุรกิจด้วยชื่อนี้” และเลือก “ดำเนินการต่อ”
  • เลือกประเภทธุรกิจให้ตรงกับกิจการของคุณมากที่สุด เพราะส่งผลต่อการทำ SEO เว็บไซต์ด้วย เช่น ร้านค้าปลีกออนไลน์ ร้านค้าในพื้นที่ และธุรกิจบริการ โดยสามารถเลือกได้หลายธุรกิจ
  • หากเลือกร้านค้าปลีกออนไลน์ คุณจะต้องระบุเว็บไซต์ก่อนเลือกหมวดหมู่ธุรกิจ
  • ป้อนหมวดหมู่ธุรกิจ เช่น ร้านอาหารญี่ปุ่น, บริษัทรับทำ SEO, สตูดิโอศิลปะ ฯลฯ ซึ่งการเลือกหมวดหมู่ที่ถูกต้องช่วยให้ธุรกิจปรากฏใน Google Search อย่างแม่นยำ

3. กรอกข้อมูลที่ตั้งและปักหมุดบนแผนที่

3. กรอกข้อมูลที่ตั้งและปักหมุดบนแผนที่_
  • กรอกที่อยู่ธุรกิจหรือสถานที่ที่ลูกค้าสามารถเข้ามาเยี่ยมชมธุรกิจของคุณได้
  • กรอกที่อยู่ให้ถูกต้องและครบถ้วน (บ้านเลขที่ ถนน ตำบล อำเภอ จังหวัด รหัสไปรษณีย์)
  • ระบบจะดึงเอาธุรกิจที่มีความคล้ายคลึงกันมาแสดง และสอบถามว่า “นี่ใช่ธุรกิจของคุณหรือไม่” หากไม่ใช่ ให้คลิก “ไม่มีเลย” และกดปุ่ม “ถัดไป”
  • ถึงเวลาปักหมุดธุรกิจบน Google Map โดยลากตำแหน่งหมุดสีแดงไปให้ตรงกับที่ตั้งจริงของธุรกิจ

4. ระบุข้อมูลติดต่อและเวลาทำการ

  • เพิ่มช่องทางการติดต่อ ทั้งหมายเลขโทรศัพท์ เว็บไซต์ และอีเมล
  • กำหนดเวลาเปิด-ปิดในแต่ละวัน รวมถึงวันหยุดพิเศษ (ถ้ามี)
  • ข้อมูลเหล่านี้มีประโยชน์ต่อลูกค้าที่ต้องการติดต่อหรือเข้าใช้บริการ
  • การให้ข้อมูลครบถ้วนช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ

5. ตรวจสอบและยืนยันข้อมูลธุรกิจ

  • ตรวจสอบข้อมูลธุรกิจทั้งหมดอีกครั้งก่อนการยืนยัน
  • กดปุ่ม “ดำเนินการต่อ” เพื่อส่งข้อมูลเข้าสู่ระบบการยืนยัน
  • Google จะส่งรหัสยืนยันไปยังอีเมลที่คุณระบุไว้
  • ตรวจสอบอีเมลและนำรหัสมากรอกเพื่อยืนยันตัวตน

6. ปรับแต่งโปรไฟล์ให้สมบูรณ์

  • ปรับแต่งโปรไฟล์ธุรกิจของคุณให้สมบูรณ์ที่สุด
  • อัปโหลดรูปภาพหน้าร้าน ภายในร้าน และรูปสินค้าหรือบริการ
  • เขียนคำอธิบายธุรกิจและสินค้าหรือบริการที่ชัดเจน
  • แต่ถ้ายังไม่พร้อมกรอกข้อมูลในส่วนนี้ สามารถกดข้ามไปก่อนได้

7. แก้ไขและอัปเดตข้อมูล

สามารถแก้ไขหรือปรับปรุงข้อมูลได้ตลอดเวลาผ่าน “ตัวจัดการ Business Profile” สามารถเข้าถึงได้จากมุมขวาบนของหน้า Google ซึ่งคุณควรอัปเดตข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเวลาเปิด-ปิดในช่วงเทศกาล หรือข้อมูลโปรโมชันก็ตาม

บทสรุป

เป็นอย่างไรกันบ้างกับวิธีปักหมุดใน Google Map ที่เราเอามาฝากกัน เห็นไหมว่าคุณเองก็ทำได้ง่าย ๆ ในไม่กี่ขั้นตอน แต่ก่อนอื่นคุณจะต้องมีบัญชี Gmail ของก่อน แนะนำให้ตั้งชื่ออีเมลเป็นชื่อธุรกิจของคุณ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและง่ายต่อการเข้าไปจัดการธุรกิจ จากนั้นก็สร้างบัญชีธุรกิจ กรอกข้อมูลให้ครบถ้วน ปักหมุดแผนที่ และยืนยันธุรกิจตามขั้นตอนที่เราแนะนำไป เพียงเท่านี้ธุรกิจของคุณก็จะมีหมุดบน Google Map รองรับการค้นหาตลอด 24 ชั่วโมงแล้ว อย่าลืมว่ายิ่งข้อมูลครบถ้วนมากเท่าไหร่ มีภาพประกอบมากแค่ไหน ยิ่งส่งเสริมให้ธุรกิจของคุณน่าสนใจมากขึ้นเท่านั้น

บทความที่เกี่ยวข้อง

ANGA เปิดรับสมัคร AMC รุ่น 2 (2025)

กลับมาอีกครั้งตามคำเรียกร้องกับโครงการ AMC (ANGA Management Candidates) รุ่น 2 ที่ใคร ๆ หลายคนต่างรอคอย หลังจากที่โครงการ AMC รุ่น 1 ประสบความสำเร็จและได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างมาก  เพราะเป็นโครงการที
88

Demand Gen คือโฆษณารูปแบบใหม่ที่ใช้ AI เพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญ

เพิ่มประสิทธิภาพให้กับแคมเปญโฆษณา Google Ads พร้อมเพิ่มโอกาสในการขยายฐานลูกค้าด้วย Demand Gen คือรูปแบบโฆษณาที่พัฒนาต่อยอดมาจาก Discovery Ads โดยการดึงเอาเทคโนโลยี AI และ Machine Learning มาใช้งาน พร้
101

DuckDuckGo คือ Search Engine ที่ปลอดภัยต่อผู้ใช้มากที่สุด

อย่างที่เรารู้กันว่า Google เป็น Search Engine ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก แล้วรู้ไหมว่าใครคืออันดับสอง? คำตอบคือ DuckDuckGo นั่นเอง ซึ่ง DuckDuckGo คือ​ Search Engine ที่มีจุดเด่นด้านความปลอดภัยท
96
th