
WooCommerce คืออะไร ใครอยากเปิดร้านค้าออนไลน์ห้ามพลาด
ถ้าคุณเป็นเจ้าของธุรกิจที่อยากขายสินค้าออนไลน์บนพื้นที่ของตัวเอง โดยที่ไม่ต้องไปอาศัยแพลตฟอร์มอื่น ๆ ที่หักเปอร์เซ็นต์อันแสนโหด การสร้างเว็บไซต์ขายของออนไลน์ (เว็บไซต์ E-commece) เรียกได้ว่าตอบโจทย์มาก เพราะคุณจะเป็นเจ้าของพื้นที่นี้อย่างแท้จริง สามารถควบคุมได้ทุกอย่าง และไม่ต้องมาโดนหักส่วนแบ่งไปฟรี ๆ แต่เว็บไซต์ WordPress ทั่ว ๆ ไป ไม่ได้รองรับการขายสินค้าแต่อย่างใด ดังนั้น คุณจึงจำเป็นที่จะต้องติดตั้งปลั๊กอินที่เรียก “WooCommerce” นั่นเอง
WooCommerce คืออะไร ข้อดี-ข้อเสียคืออะไร สำคัญกับเว็บไซต์ขายของออนไลน์อย่างไร ทำไมเว็บไซต์ E-commerce ต้องมี และมีฟังก์ชันอะไรที่น่าสนใจบ้าง? บทความนี้มีคำตอบ! เพราะ ANGA (แองก้า) ได้รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ WooCommerce และสรุปเนื้อหามาไว้ให้คุณในบทความนี้แบบจัดเต็มแล้ว
WooCommerce คืออะไร

WooCommerce คือปลั๊กอินมหัศจรรย์ที่จะทำให้เว็บไซต์ธรรมดา ๆ ของคุณ กลายเป็นร้านค้าออนไลน์อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งเราจะบอกได้ว่า WooCommerce คือปลั๊กอิน WordPress ที่ติดอันดับความฮอตฮิตตลอดก็ว่าได้ เพราะติดตั้งได้ง่าย ใช้งานสะดวก และยังช่วยให้คุณจัดการร้านค้าออนไลน์ได้แบบครบจบทุกกระบวนการในตัวเดียวด้วย อาทิ การจัดการสต๊อกสินค้า ตะกร้าสินค้า การชำระเงิน การขนส่ง และการติดตามคำสั่งซื้อ เป็นต้น ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็มียอดการดาวน์โหลด WooCommerce มาใช้งานไปแล้ว ไม่ต่ำกว่า 80 ล้านครั้ง
ข้อดีของ WooCommerce Plugin
- WooCommerce Plugin สามารถใช้งานได้ฟรี สำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่มีปริมาณสินค้าน้อย
- WooCommerce เป็นปลั้กอินที่ใช้งานง่าย คนธรรมดา พ่อค้าแม่ค้า หรือใคร ๆ ก็สามารถติดตั้งและใช้งานได้เลย ไม่จำเป็นต้องพึ่ง Web Developer หรือ Programmer
- WooCommerce มีการอัปเดตและพัฒนาฟังก์ชันการใช้งานอยู่เสมอ สามารถใช้งานได้ระยะยาว
- คุณสามารถปรับแต่ง WooCommerce Plugin ให้เหมาะกับธุรกิจและความต้องการของคุณได้
- ปลั๊กอิน WooCommerce ไม่ได้ทำให้เว็บไซต์หนักและโหลดนานมากกว่าเดิม
- WooCommerce รองรับการแสดงผลบนทุกอุปกรณ์
ข้อเสียของ WooCommerce Plugin
- WooCommerce ต้องการเว็บโฮสติ้งแยกจากตัวเว็บไซต์ WordPress ปกติ ทำให้มีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เพิ่มเติม ซึ่งเว็บโฮสติ้งดังกล่าวจะต้องมีประสิทธิภาพและสามารถรองรับการเข้าชมจำนวนมากได้
- WooCommerce มีเทมเพลตร้านค้าออนไลน์ให้เลือกใช้งานไม่หลากหลายมากนัก ถ้าคุณอยากให้เว็บไซต์ขายของออนไลน์ของคุณมีความสวยงาม โดดเด่น และตรงกับความต้องการมากขึ้น อาจจะต้องจ้าง Web Developer ในการปรับแต่งเว็บไซต์ให้
- ถึงแม้ว่า WooCommerce จะมีฟังก์ชันการใช้งานครบถ้วน แต่ก็ไม่ได้มีระบบหรือฟังก์ชันพิเศษบางประการ เพราะฉะนั้นคุณอาจจะต้องติดตั้งปลั๊กอินอื่น ๆ เพิ่ม เพื่อให้สอดคล้องกับธุรกิจของคุณมากที่สุด อาทิ ระบบ POS, ระบบรีวิวสินค้า หรือระบบการส่ง Email Marketing เป็นต้น
- เนื่องจากนักพัฒนา WooCommerce มีการอัปเดตปลั๊กอินบ่อย ซึ่งคุณจะต้องคอยติดตามข่าวสารและหมั่นอัปเดตปลั๊กอินเป็นประจำ เพื่อป้องกันไม่ให้เว็บไซต์โดนแฮ็ก
เหตุผลที่ควรติดตั้ง WooCommerce คืออะไร
เพื่อให้คุณเข้าใจและเห็นถึงความสำคัญของ WooCommerce ว่ามันจำเป็นจริง ๆ สำหรับธุรกิจออนไลน์ ที่ต้องการกระตุ้นยอดขายและสร้างการเติบโตให้แก่ธุรกิจ เราจึงเอา 6 เหตุผลดี ๆ ว่าทำไมคุณถึงควรติดตั้ง WooCommerce มาฝากกันด้วย
1. ตอบโจทย์ร้านค้าออนไลน์
WooCommerce คือปลั๊กอินที่ตอบโจทย์ร้านค้าออนไลน์ หรือธุรกิจที่กำลังจะเล่นตลาดออนไลน์อย่างมาก เพราะลูกค้าสามารถเข้ามาเลือกชมสินค้า กดสินค้าลงตะกร้า สั่งซื้อสินค้าพร้อมชำระเงินแบบเสร็จสรรพได้เลย ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีระบบติดตามคำสั่งซื้อที่สามารถติดตามความคืบหน้าได้ตลอด 24 ชั่วโมงอีกด้วย ซึ่งตรงนี้ช่วยลดภาระของร้านค้าได้เป็นอย่างมาก
2. รองรับการชำระเงินหลายช่องทาง
ปลั๊กอิน WooCommerce รองรับเกตเวย์การชำระเงินหลากหลายช่องทาง อาทิ PayPal, Apple Pay, Google Pay, Amazon Pay, KBank, PromptPay, TrueMoney Wallet, Cash on Delivery (COD) และอื่น ๆ โดยสามารถชำระเงินได้อย่างปลอดภัย
3. โหลดฟรี ใช้งานง่าย และยืดหยุ่น
ถ้าคุณเคยผ่านการใช้งาน WordPress มาบ้างแล้ว คุณจะพบว่าการใช้งาน WooCommerce ง่ายไม่แพ้กัน เพราะ WooCommerce เป็นปลั๊กอินที่มีความยืดหยุ่นมาก สามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย สามารถลงขายสินค้าได้ทุกประเภท และที่สำคัญคือโหลดใช้งานได้ฟรี!
4. เสริมประสิทธิภาพของ SEO
WooCommerce ช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพของการทำ SEO และช่วยเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ติดอันดับบน Google ได้ ผ่านการเขียนเนื้อหาและสอดแทรกคีย์เวิร์ดลงไปในคำอธิบายสินค้า รวมถึง Meta Title และ Meta Description ของหน้าสินค้าแต่ละหน้าด้วยเช่นกัน
5. ปรับแต่งได้ตามที่ใจต้องการ
WooCommerce คือ Open Source ที่คุณสามารถปรับแต่งให้ตรงกับแบรนด์และความต้องการของคุณได้ อาทิ การปรับแต่งธีมเดิมให้โดนใจขึ้น, การสร้างธีมใหม่ที่ตรงกับความต้องการ, การเพิ่มตารางเวลาการนัดหมาย หรือฟังก์ชันการใช้งานที่เอื้ออำนวยกับลูกค้า อย่างระบบการบันทึกสินค้าที่สนใจและการรีวิวสินค้า เป็นต้น
6. ช่วยกระตุ้นยอดขายให้แก่ธุรกิจ
อย่างที่เราบอกไปว่า WooCommerce คือส่วนเสริมที่จะเข้ามาเปลี่ยนเว็บไซต์ธรรมดา ๆ ให้เป็นเว็บไซต์ขายของออนไลน์ ดังนั้น จากเดิมทีที่ลูกค้าของคุณเข้ามาบนเว็บไซต์และทำได้เพียงการดูรายละเอียดสินค้า หรือข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์ของคุณ ก็สามารถกดสินค้าลงตะกร้าและสั่งซื้อสินค้าได้ทันที โดยที่ไม่ต้องกดเข้าไปที่แพลตฟอร์มอื่น ๆ หรือสั่งสินค้าผ่านไลน์ให้ยุ่งยากเลย ด้วยความสะดวก ง่าย และรวดเร็วเช่นนี้ จึงกระตุ้นให้ยอดขายของธุรกิจสูงขึ้นได้
วิธีติดตั้ง WooCommerce Plugin
WooCommerce ติดตั้งไม่ยากเลย เพียงแค่คุณเข้าไปที่หน้าแดชบอร์ดของระบบ WordPress จากนั้นให้มองหาคำว่า “Plugins” และกดเข้าไปที่ “Add New” ต่อไปก็ Search ปลั๊กอิน WooCommerce บนช่องค้นหา พร้อมกดติดตั้ง หรือ “Install Now” และ Activate ได้เลย! เมื่อติดตั้งเรียบร้อยแล้ว ระบบจะสอนการใช้งานเบื้องต้นให้คุณทราบทีละขั้นตอนเอง
แนะนำฟังก์ชันพื้นฐานบน WooCommerce
- การจัดการสินค้า : เติมสต๊อกสินค้า, เพิ่มสินค้า, ตั้งราคาสินค้า, ลบสินค้า, แก้ไขสินค้า, จัดหมวดหมู่สินค้า, ตั้งราคาสินค้า, ใส่น้ำหนักสินค้า, เพิ่มภาพสินค้า, เพิ่มข้อมูลและรายละเอียดสินค้า
- ตะกร้าสินค้า : เพิ่มสินค้าเข้าตะกร้า, ลบสินค้าในตะกร้า, เพิ่ม-ลดจำนวนสินค้า, เช็กสินค้าในตะกร้า, สั่งซื้อสินค้าที่อยู่ในตะกร้า
- การชำระเงิน : ตั้งค่าวิธีการชำระเงิน, ตัวเลือกการชำระเงิน, การใส่รหัสโปรโมชัน, การระบุส่วนลด
- การจัดส่งสินค้า : ตั้งค่าวิธีการจัดส่งสินค้า, ค่าจัดส่งสินค้า, คำนวณค่าจัดส่งสินค้า, การติดตามสถานะการจัดส่งสินค้า
- รายงานยอดขาย : ยอดขายรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน, สินค้าขายดี, สินค้าที่มีการซื้อซ้ำบ่อยที่สุด, รายรับโดยรวม ฯลฯ
บทสรุป
สรุปว่า WooCommerce คือ ปลั๊กอินในการเปลี่ยนระบบเว็บไซต์ธรรมดา ให้เป็นเว็บไซต์ E-commerce ที่รองรับการจำหน่ายสินค้าและการสั่งซื้อสินค้าได้อย่างครบถ้วน มีประสิทธิภาพสูง ช่วยกระตุ้นให้ยอดขายสินค้าบนช่องทางออนไลน์เติบโตขึ้นได้เป็นอย่างดี รวมทั้งยังสามารถดาวน์โหลดมาใช้งานได้แบบฟรี ๆ ด้วย และถ้ายังไม่เพียงพอ คุณก็สามารถดาวน์โหลดบริการเสริมอื่น ๆ จากบุคคลที่สามมาใช้งานควบคู่กันไปได้ด้วยเช่นกัน
บทความที่เกี่ยวข้อง

Organic Traffic คืออะไร พร้อมวิธีเพิ่ม Traffic บนเว็บไซต์
