
Clickbait คืออะไร พาดหัวยั่วให้คลิกหมายถึงอะไร ข้อดี ข้อเสีย
ทุกครั้งที่มีประเด็นฮอตหรือดราม่าใหม่ ๆ บนโลกออนไลน์ มันทำให้เราสงสัยใคร่รู้อย่างมากว่าเรื่องราวมันจะเป็นอย่างไรต่อไป จากนั้นก็กดเข้าไปที่ใต้โพสต์เพื่ออ่านคอมเมนต์เพิ่มเติม สิ่งที่เราพบเห็นได้บ่อยมากคือประโยคที่ล่อตาล่อใจให้เราคลิกเข้าไปที่เว็บไซต์ต่าง ๆ เพื่ออ่านเนื้อหาหรือไม่ก็ดูวิดีโอเพิ่มเติม เช่น “เปิดกล้องวงจรปิด เผยความจริงที่ซ่อนอยู่!!” หรือ “หลักฐานล่าสุด รีบดูก่อนโดนลบ คลิกเลย!” นี่แหละคือสิ่งที่ถูกบัญญัติไว้ว่าเป็น “พาดหัวยั่วให้คลิก” หรือที่เราเรียกกันว่า Clickbait (คลิกเบต) ซึ่งเราจะบอกว่า Clickbait คือกลยุทธ์ในการทำ Content Marketing รูปแบบหนึ่งก็ได้ หรือจะบอกว่าเป็นวิธีที่มิจฉาชีพใช้ในการหลอกล่อเพื่อลวงเอาข้อมูลของผู้คลิกก็ได้เช่นกัน ANGA จะพาคุณไปคลายข้อสงสัยว่า Clickbait คืออะไร มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร และเราจะนำคลิกเบตมาช่วยทำการตลาดออนไลน์อย่างไรได้บ้าง
Clickbait คืออะไร
Clickbait คือวิธีการสร้างพาดหัวข่าวหรือหัวข้อเนื้อหาบนอินเทอร์เน็ตที่ใช้จิตวิทยาขั้นสูงเพื่อดึงดูดให้ผู้อ่านเกิดความอยากรู้อยากเห็นและคลิกเข้าไปอ่าน ซึ่งทางสำนักงานราชบัณฑิตยสภาได้กำหนดศัพท์บัญญัติไว้ว่าเป็นพาดหัวยั่วให้คลิก โดย Clickbait มักใช้คำที่เร้าอารมณ์หรือสร้างความรู้สึกตื่นเต้น เช่น “สุดช็อก!” “เปิดโปง!” “คุณจะไม่เชื่อ!” หรือ “ความลับที่ไม่มีใครเคยรู้” แต่เมื่อคลิกเข้าไปอ่าน กลับพบว่าเนื้อหาไม่ได้น่าตื่นเต้นหรือมีคุณค่าอย่างที่พาดหัวบอกไว้ เช่น พาดหัว “เผยความลับสุดช็อก! สิ่งที่ซ่อนอยู่ในกระเป๋าดารา” แต่เนื้อหากลับเป็นเพียงภาพถ่ายธรรมดาของของใช้ทั่วไปในกระเป๋า

ขอบคุณภาพจากเว็บไซต์ Bark
จุดประสงค์ของ Clickbait คืออะไร
- กระตุ้นให้เกิดการแชร์และการมีส่วนร่วม (Engagement) บนโซเชียลมีเดีย
- สร้างการรับรู้และจดจำแบรนด์หรือเว็บไซต์ผ่านเนื้อหาที่น่าสนใจ
- เพิ่มอัตราการคลิก (Click-Through Rate) ให้สูงขึ้นในระยะสั้น
- เพิ่มยอดการเข้าชมเว็บไซต์ (Traffic) เพื่อสร้างรายได้จากโฆษณา
- ดึงดูดความสนใจของกลุ่มเป้าหมายด้วยการใช้อารมณ์และความอยากรู้อยากเห็น
- สร้างกระแสและการพูดถึงในวงกว้าง แม้บางครั้งอาจเป็นกระแสในแง่ลบ
ทำไมคลิกเบตจึงกลายเป็น “พาดหัวยั่วให้คลิก”
Clickbait มีความเกี่ยวข้องกับจิตวิทยา โดยเฉพาะทฤษฎี “ช่องว่างของข้อมูล” (Information Gap Theory) ที่อธิบายว่าเมื่อมนุษย์รับรู้ถึงช่องว่างระหว่างสิ่งที่ตนเองรู้กับสิ่งที่อยากรู้ จะเกิดความรู้สึกอึดอัดและต้องการเติมเต็มช่องว่างนั้นทันที นักการตลาดจึงใช้จิตวิทยานี้สร้างพาดหัวที่เปิดเผยข้อมูลเพียงบางส่วน ทำให้ผู้อ่านเกิดความกระหายใคร่รู้จนต้องคลิกเข้าไปหาคำตอบ
- การกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นตามธรรมชาติ เพราะสมองมนุษย์ถูกตั้งโปรแกรมให้ต้องการเติมเต็มข้อมูลที่ขาดหายไปโดยอัตโนมัติ
- การสร้างความรู้สึกเร่งด่วน ใช้คำที่สื่อถึงเวลาจำกัดหรือโอกาสพิเศษ ทำให้กลัวพลาดข้อมูลสำคัญ
- การเชื่อมโยงกับอารมณ์พื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นความกลัว ความสุข ความประหลาดใจ หรือความโกรธ ล้วนกระตุ้นให้อยากค้นหาคำตอบ
- การสร้างความรู้สึกพิเศษ ทำให้ผู้อ่านรู้สึกว่าจะได้เข้าถึงข้อมูลที่คนทั่วไปไม่มีโอกาสรู้
- การใช้คำถามที่ไม่มีคำตอบชัดเจน ช่วยสร้างความคลุมเครือที่ต้องการการไขปริศนา
เหตุผลที่ราชบัณฑิตยสภาได้บัญญัติคำว่า “พาดหัวยั่วให้คลิก” เป็นคำแปลของ Clickbait เนื่องจากสะท้อนลักษณะสำคัญและความหมายที่แท้จริงของคำนี้ได้อย่างชัดเจน โดยแยกองค์ประกอบได้เป็น “พาดหัว” ที่หมายถึงข้อความที่ใช้เป็นหัวข้อหรือชื่อเรื่อง และ “ยั่วให้คลิก” ที่สื่อถึงการจงใจสร้างความน่าสนใจเพื่อล่อใจให้ผู้อ่านกดเข้าไปอ่าน เปรียบเสมือนการใช้เหยื่อล่อให้คนมาติดกับ ซึ่งตรงกับความหมายของคำว่า “bait” ในภาษาอังกฤษที่แปลว่าเหยื่อล่อนั่นเอง นอกจากนี้คำว่า “ยั่ว” ยังสื่อถึงลักษณะการกระทำที่มีเจตนาในการกระตุ้นหรือปลุกเร้าความรู้สึกของผู้อ่านอย่างจงใจนั่นเอง

ขอบคุณภาพจากเว็บไซต์ PPC Markets
Clickbait มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร
การใช้ Clickbait เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะแม้จะสามารถดึงดูดคลิกและสร้างรายได้ในระยะสั้นได้ดี แต่ก็อาจส่งผลเสียต่อความน่าเชื่อถือของแบรนด์ในระยะยาว โดยเฉพาะเมื่อผู้อ่านรู้สึกผิดหวังจากเนื้อหาที่ไม่ตรงกับพาดหัว ซึ่งอาจนำไปสู่การสูญเสียฐานผู้อ่านประจำและความไว้วางใจจากกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงอาจส่งผลกระทบต่ออันดับใน Search Engine ได้
ข้อดีของ Clickbait
- สร้างยอดคลิก (CTR) และยอดเข้าชมเว็บไซต์ได้สูงในระยะสั้น
- เพิ่มรายได้จากการโฆษณาผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Google AdSense
- กระตุ้นให้เกิดการแชร์และการมีส่วนร่วมบนโซเชียลมีเดีย
- สร้างการรับรู้แบรนด์ได้อย่างรวดเร็ว
- ทำให้เนื้อหาเป็นที่จดจำและพูดถึงในวงกว้าง
ข้อเสียของ Clickbait
- ทำลายความน่าเชื่อถือของแบรนด์ในระยะยาว
- สร้างความผิดหวังและความไม่พอใจให้กับผู้อ่าน
- เสี่ยงต่อการถูก Google ลงโทษและลดอันดับในผลการค้นหา
- อาจถูกมองว่าเป็นเนื้อหาที่ไร้คุณภาพและขาดความน่าเชื่อถือ
- เสี่ยงต่อการสูญเสียผู้ติดตามที่มีคุณภาพ
- อาจนำไปสู่การแสดงความคิดเห็นในแง่ลบบนโซเชียลมีเดีย
- เสี่ยงต่อการถูกแบนจากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย
สอนใช้ Clickbait ทำการตลาดอย่างมีกลยุทธ์
- ทำความรู้จักกลุ่มเป้าหมาย เพราะการเข้าใจความต้องการและความสนใจของผู้อ่านจะช่วยให้สร้างพาดหัวที่ตรงใจและได้ผลดีกว่า
- สร้างความอยากรู้อยากเห็นอย่างมีเหตุผล โดยเปิดเผยข้อมูลเพียงบางส่วนที่น่าสนใจ แต่ต้องมั่นใจว่าเนื้อหาภายในมีคุณค่าเพียงพอที่จะตอบสนองความคาดหวังของผู้อ่านได้
- ใช้ตัวเลขและรายการ (List) ในพาดหัว เพราะสมองมนุษย์ชอบข้อมูลที่เป็นระบบและคาดเดาได้ เช่น “7 เคล็ดลับ…” หรือ “10 วิธี…”
- สร้างความเร่งด่วนและความพิเศษ ด้วยการใช้คำที่สื่อถึงเวลาจำกัดหรือโอกาสพิเศษ เช่น “ด่วน!” “เฉพาะวันนี้!” แต่ต้องไม่สร้างความกดดันมากเกินไป
- ใช้คำถามที่กระตุ้นความคิด โดยตั้งคำถามที่เกี่ยวข้องกับปัญหาหรือความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย แต่ต้องมั่นใจว่ามีคำตอบที่ชัดเจนในเนื้อหานั้นด้วย
- ทดสอบและวัดผลอย่างต่อเนื่อง ติดตามว่าพาดหัวแบบไหนที่ได้ผลดีกับกลุ่มเป้าหมาย และปรับปรุงให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ
- รักษาสมดุลระหว่างความน่าสนใจและความน่าเชื่อถือ อย่าให้พาดหัวดูเกินจริงจนทำให้แบรนด์เสียความน่าเชื่อถือ
บทสรุป
Clickbait คือเครื่องมือทางการตลาดที่ได้รับความนิยมมาก ๆ ในปัจจุบัน ซึ่งจะอยู่ในลักษณะของพาดหัวที่ดึงดูดความสนใจได้เป็นอย่างดี แต่คลิกเบตก็มีทั้งข้อดี–ข้อเสีย และข้อควรระวังในการใช้งาน รวมถึงต้องมีความสมดุลกันระหว่างการดึงดูดความสนใจและการรักษาภาพลักษณ์หรือความน่าเชื่อถือของแบรนด์ด้วย เพื่อให้เกิดผลกระทบในทางที่ไม่ดีน้อยที่สุด อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุดแล้วความสำเร็จของการทำการตลาดออนไลน์ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับ Clickbait ขนาดนั้น แนะนำให้ลงทุนและลงแรงไปกับการสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ มีประโยชน์ และตอบโจทย์ผู้อ่านจะเป็นการดีที่สุด
บทความที่เกี่ยวข้อง

30 วิธีทำ SEO WordPress 2025 ที่ถูกต้อง จากประสบการณ์เอเจนซี่
