B2C คืออะไร? รูปแบบการทำธุรกิจที่ควรทำความเข้าใจก่อนทำการตลาด
B2C คือ คำที่ย่อจาก Business to Consumer หมายถึงธุรกิจที่ขายสินค้าหรือบริการให้กับผู้บริโภคโดยตรง โดยไม่ผ่านคนกลาง จุดเด่นในการทำธุรกิจประเภทนี้คือความสามารถในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ง่ายและรวดเร็ว ดังนั้นแนวทางในการทำธุรกิจนี้จึงต้องเน้นการขายที่สามารถตอบโจทย์ของผู้บริโภคทั่วไป มีความเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งในปัจจุบัน สามารถทำผ่านสื่อสังคมออนไลน์ หรือโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว เพิ่มประสิทธิภาพในการทำการตลาดที่ดีมากยิ่งขึ้น
รูปแบบการทำธุรกิจแบบ B2C เป็นอย่างไร?
รูปแบบการทำธุรกิจแบบ B2C ที่มีประสิทธิภาพคือการสร้างกลยุทธ์การตลาดที่ต้องเน้นการจัดการคอนเทนท์บนสื่อออนไลน์หรือช่องทางต่าง ๆ เพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และส่งเสริมการตัดสินใจซื้อจากลูกค้า ดังนั้นการทำธุรกิจ B2C ให้ประสบความสำเร็จจึงต้องรู้หลักการและแนวทางการทำตลาดที่เหมาะสมและชัดเจน โดยต้องอาศัยความเข้าใจในองค์ประกอบต่อไปนี้
ความเข้าใจและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
ผู้สนใจทำธุรกิจนี้ต้องศึกษาและทำความเข้าใจก่อนว่ากลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ B2C คือใคร ทั้งข้อมูลเบื้องต้นอย่างเพศ อายุ อาชีพ ที่อยู่อาศัย กำลังซื้อ รวมถึงความสนใจเป็นพิเศษ เป็นต้น
ช่องทางการตลาดที่เหมาะสม
ในปัจจุบันนอกจากการทำตลาดผ่านช่องทางสื่อหลักต่าง ๆ แล้วช่องทางโซเชียลมีเดียก็นับแนวทางการทำตลาด B2C ที่ดี ช่วยสร้างการจดจำที่ดีให้กับลูกค้า และเพิ่มช่องทางการติดต่อที่ง่าย สะดวก และรวดเร็ว และเป็นต้นทุนในการทำการตลาดที่ไม่สูงมาก โดยช่องทางที่ผู้ประกอบการเลือกใช้ควรเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการด้วย
ช่องทางการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
ช่องทางการสื่อสารที่ดีของ B2C คืออะไร คือการสร้างหนทางการสื่อสารที่เป็นอิสระ และควรเพิ่มโอกาสในการพูดถึงแบรนด์ของธุรกิจทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น การที่ลูกค้าสามารถรีวิวธุรกิจผ่านช่องทางออนไลน์ หรือแพลตฟอร์มอื่น ๆ ได้อย่างอิสระ ทำให้ทราบว่าลูกค้ารู้สึกอย่างไรกับธุรกิจหรือแบรนด์ของเราอีกด้วย
การสร้างความจงรักภักดี (Loyalty) ให้กับธุรกิจ
การทำการตลาดที่ดีจะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกพิเศษกับสินค้า บริการหรือแบรนด์ของธุรกิจได้ดี ยิ่งสามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จทางธุรกิจที่ดีมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
B2C แตกต่างจาก B2B และ C2C อย่างไร?
การทำธุรกิจการค้าโดยทั่วไป ต้องอาศัยองค์ประกอบระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ซึ่งในปัจจุบันเมื่อการตลาดใหญ่และหลากหลายมากขึ้น ผู้ซื้อและผู้ขายก็มีหลากหลายรูปแบบด้วยเช่นกัน การจัดประเภทของธุรกิจจึงแตกต่างกัน โดยเฉพาะธุรกิจประเภท B2C, b2b และ c2c ซึ่งมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน ดังนี้
B2C หรือ Business to Customer
เป็นการค้าขายระหว่างผู้ค้าโดยตรงกับผู้บริโภคหรือผู้ใช้บริการ ซึ่งเป็นบุคคลที่ใช้งานโดยตรง เป็นลักษณะของธุรกิจที่มีความหลากหลาย และสามารถอาศัยช่องทางการดำเนินธุรกิจได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็นหน้าร้านแบบออฟไลน์ หรือผ่านสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ได้อีกด้วย
B2B หรือ Business to Business
เป็นการค้าขายระหว่างผู้ค้ากับหน่วยธุรกิจต่าง ๆ อย่างการขายส่งสินค้าให้ตัวแทนรายย่อยนำสินค้าไปจำหน่ายให้ผู้บริโภค การค้าขายผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือระบบห่วงโซ่ทางการผลิต (Supply Chain Management) เป็นต้น
C2C หรือ Customer to Customer
เป็นการค้าขายระหว่างผู้บริโภคกับผู้บริโภค คือการบุคคลทั่วไปที่ทำการแลกเปลี่ยนสินค้าด้วยตนเอง เช่น การขายของมือสอง หรือการขายทรัพย์สินของตนเองอย่างบ้าน รถยนต์ หรือที่ดิน เป็นต้น
ตัวอย่างธุรกิจ B2C ในประเทศไทย
ในปัจจุบันธุรกิจ B2C ในประเทศไทยนั่นมีความหลากหลาย ตามรายละเอียด ดังนี้
- ร้านขายของชำ หรือร้านสะดวกซื้อต่าง ๆ
- การให้บริการที่พัก หรือโรงแรม
- ร้านอาหาร
- สถานที่บริการต่างๆ อย่างร้านตัดผม ร้านเสริมสวย ร้านทำเล็บ หรือสถานพยาบาลต่าง ๆ เป็นต้น
- ธุรกิจการขายของออนไลน์ที่จัดจำหน่ายให้กับผู้บริโภคโดยตรง ทั้งช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ เว็บไซต์ หรือแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ
- ธุรกิจบริการแบบออนไลน์ อย่างการฟังเพลงหรือดูหนังออนไลน์ หรือการซื้อขายไอเทมต่าง ๆ ในเกมออนไลน์ เป็นต้น
B2C Marketing เผยกลยุทธ์การตลาดสำหรับธุรกิจ B2C
ธุรกิจ B2C คือธุรกิจจำเป็นต้องตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคทั่วไปให้ได้ การทำธุรกิจจำเป็นต้องสามารถตอบโจทย์ให้กับผู้บริโภคได้อย่างเฉพาะเจาะจงตามกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ ช่องทางในการดำเนินธุรกิจประเภทนี้มีทั้งช่องทางออฟไลน์อย่างหน้าร้าน และช่องทางออนไลน์ หรือสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ซึ่งกลยุทธ์การทำตลาดแบบ B2C มีดังนี้
การระบุราคาที่ชัดเจน
เนื่องจากการขายในรูปแบบนี้จะอยู่ในปริมาณที่ไม่มาก เพราะผู้ซื้อจะเป็นเพียงบุคคลทั่วไปที่ซื้อหาหรือใช้สินค้าตามจำนวนที่ต้องการเท่านั้น การแจ้งราคาที่ชัดเจนให้ลูกค้าทราบจึงมีความสำคัญ และส่งผลต่อการตัดสินใจสั่งซื้อสินค้าและบริการนั่น ๆ โดยตรง ซึ่งนอกจากราคาจำหน่ายแบบปกติแล้ว ยังอาจมีราคาโปรโมชั่นเพื่อเชิญชวนให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
สนับสนุนการตัดสินใจที่รวดเร็วมากขึ้น
แม้ว่าราคาจะเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจของผู้บริโภค แต่คุณภาพและรายละเอียดในการนำเสนอสินค้าก็นับเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญของการทำการตลาดแบบ B2C ยิ่งตรงกับ pain point ของผู้บริโภคก็ยิ่งช่วยให้การตัดสินใจนั่นรวดเร็ว มีโอกาสสร้างยอดขายที่ดี
เข้าถึงลูกค้าได้มากที่สุด
เนื่องจากการซื้อขายในธุรกิจนี้จะเกิดขึ้นในปริมาณไม่มาก กลยุทธ์ทางการตลาดที่ดีจึงต้องขายให้กับลูกค้าให้ได้หลาย ๆ คน เพื่อให้ได้ยอดการสั่งซื้อที่มากพอ เพื่อทำให้เกิดผลกำไร หรือเงินหมุนในธุรกิจ การเข้าถึงด้วยช่องทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นยิงแอด Google หรือยิงแอด Facebook ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการเข้าถึงลูกค้าในปริมาณมากอย่างตรงกลุ่มเป้าหมาย
บทสรุปของรูปแบบการทำธุรกิจแบบ B2C
เนื่องจาก B2C คือการตลาดระหว่างผู้ค้า และผู้ซื้อหรือผู้บริโภคโดยตรง ดังนั้นการทำความเข้าใจในรูปแบบของธุรกิจจึงมีความสำคัญ ทำให้สามารถกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดที่ดี ซึ่งต้องพิจารณาที่ผู้ซื้อหรือผู้บริโภคเป็นหลัก เพราะธุรกิจประเภทนี้เป็นธุรกิจที่อาศัยผู้บริโภค การขายและการสื่อสารกับผู้บริโภคอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นการเพิ่มความรับรู้ในแบรนด์หรือธุรกิจ และส่งผลต่อยอดขายโดยตรงนั่นเอง