1. หน้าหลัก
  2. อัปเดตการตลาด
  3. 4E เจาะลึกกลยุทธ์การตลาด แนวคิดล่าสุดเพื่อพิชิตใจกลุ่มเป้าหมาย
4E เจาะลึกกลยุทธ์การตลาด
เผยแพร่เมื่อ: ตุลาคม 4, 2021 | แก้ไขเมื่อ: กรกฎาคม 31, 2024

4E เจาะลึกกลยุทธ์การตลาด แนวคิดล่าสุดเพื่อพิชิตใจกลุ่มเป้าหมาย

Table Of Contents

นักการตลาดหลายท่านอาจเคยได้นำกลยุทธ์ทางการตลาดที่เป็นแนวคิดแบบ 4C และ 4P มาใช้ ทั้ง 2 กลยุทธ์ที่ว่านั้นออกแบบมาเพื่อการจูงใจและสร้างการเข้าถึงระหว่างผู้บริโภคและแบรนด์สินค้า เมื่อมองเผิน ๆ จุดประสงค์ของทั้งคู่มีความคล้ายกัน แต่แตกต่างกันในเชิงการสื่อสารและการจูงใจให้เกิดการรับรู้ โดยในอดีตนั้นกลยุทธ์การตลาดแบบ 4C เป็นอะไรที่มาแรงมาก เพราะเป็นวิธีการนำเสนอสินค้าในยุคที่ยังไม่มีอินเทอร์เน็ตแบบในปัจจุบัน เป็นแนวคิดที่เน้นความสะดวกในการเข้าถึงสินค้าของกลุ่มเป้าหมายเป็นหลักและมักจะเป็นการสื่อสารแบบออฟไลน์ เช่น แผ่นพับ ใบปลิว การออกบู๊ทสินค้า การจัดโปรโมชั่นตามจุดขาย เป็นต้น

4E เจาะลึกกลยุทธ์การตลาด

เมื่อเวลาผ่านไปเริ่มมีการเข้ามาของสื่อออนไลน์และผู้บริโภคเริ่มมีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต แต่ยังไม่มากเท่าปัจจุบัน ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนไปทางผู้ผลิตเองจึงต้องเริ่มปรับตัว จนทำให้เกิดเป็น Marketing Mix หรือกลยุทธ์ทางการตลาดแบบ 4P นั่นเอง โดยเน้นเรื่องของการพัฒนาสินค้าตามความต้องการของกลุ่มเป้าหมายหรือแนวโน้มของตลาดมากขึ้น ถือเป็นแนวคิดที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน

ที่มาของกลยุทธ์การตลาดแบบ 4E

มาถึงปัจจุบันยุค 4.0 เป็นช่วงที่ผู้บริโภคมีพฤติกรรมการเข้าถึงข้อมูลไปจนถึงวิธีการซื้อสินค้าที่เปลี่ยนไปจากเดิมมาก ทำให้กลยุทธ์ทางการตลาดแบบ 4E ถือกำเนิดขึ้นมา เพื่อเป็นอีกวิธีที่จะเข้ามาช่วยผสมผสานกับแนวคิดเดิมแบบ 4P ให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

4E ย่อมาจากอะไรบ้าง?

1.Experience

สร้างประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมให้กับผู้บริโภคหรือลูกค้า ในข้อแรกนี้เป็นที่บ่งบอกว่าเพียงแค่คุณมีสินค้าหรือบริการหลักอย่างเดียวนั้นมันคงไม่พอ เพราะการที่ลูกค้ามีประสบการณ์ที่ดีจากการให้บริการของผู้ขายนั้น สามารถช่วยให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำได้เพราะความประทับใจ

4E ย่อมาจาก Experience
  • ตัวอย่างเช่น โปรโมชั่นโทรศัพท์มือถือรุ่นหนึ่งที่มีสเปคเครื่องครบครันทันสมัย นั่นคือสิ่งที่เป็นจุดเด่นของสินค้า แต่ไม่ได้หมายความว่าแบรนด์อื่น ๆ จะไม่มี เพราะตรงจุดนี้จึงทำให้แบรนด์สินค้านั้นควรมีกลยุทธ์การทำตลาดตรงนี้ขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นข้อเสนอพิเศษต่าง ๆ รวมถึงบริการหลังการขาย ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน เมื่อลูกค้าได้รับความรู้สึกที่ดีจากแบรนด์ ก็จะทำให้พวกเขากลับมาซื้อซ้ำและอาจเกิดการบอกต่อได้ในอนาคต

2.Exchange

ความคุ้มค่าของสินค้าและบริการ เมื่อในปัจจุบันเรื่องของราคาไม่ได้เป็นตัวชี้วัดความคุ้มค่าอีกต่อไป เพราะผู้บริโภคในยุคนี้เริ่มมองเรื่องความคุ้มค่าหรือสิ่งที่จะได้รับจากการซื้อในครั้งนี้ว่าให้ประโยชน์ให้ความพึงพอใจได้มากแค่ไหน หรือจะยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้าก็ต่อเมื่อเห็นว่ามันคุ้มค่ากับสิ่งที่จ่ายไปจริง ๆ

4E ย่อมาจาก Exchange
  • ตัวอย่างเช่น การเลือกใช้บริการ Grab Bike แทนการเรียกใช้วินมอเตอร์ไซค์ทั่วไปแบบเดิม ๆ นั่นก็เป็นเพราะผู้บริโภคได้เล็งเห็นว่าการใช้บริการ Grab Bike มีความแน่นอนในราคาที่เสียไปมากกว่า ที่สำคัญยังมีความปลอดภัยและมาตรฐานการขับขี่ของโชเฟอร์มากกว่า ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคได้ตัดสินใจว่าการใช้งาน Grab BIke ความคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปมากกว่า ซึ่งข้อด้อยเหล่านี้จึงได้กลายมาเป็นกลยุทธ์การทำตลาดของ Grab นั่นเอง

3.Everywhere

เปรียบเสมือนกับ Place แต่มีความยืดหยุ่นมากกว่าเดิมก็คือไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้านตายตัวเพียงแห่งเดียวเท่านั้น นั่นหมายความว่าสินค้าแบรนด์หนึ่งสามารถจำหน่ายได้หลายช่องที่มีอยู่ในออนไลน์ได้ไม่จำกัดว่าจะต้องขายที่ใดที่หนึ่งแบบเมื่อก่อนอีกต่อไป

4E ย่อมาจาก Everywhere
  • ตัวอย่างเช่น แอปพลิเคชัน E-Commerce เจ้าต่าง ๆ ที่มีในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็น Lazada, Shopee, JD Central หรือแม้กระทั่ง LINE OA นับเป็นพื้นที่ขายสินค้าที่ไม่ได้จำกัดว่าผู้ขายจะต้องลงขายเฉพาะแอปใดแอปหนึ่งนั่น ทำให้แบรนด์สินค้า 1 แบรนด์สามารถลงขายทั้ง 4 แพลตฟอร์มที่กล่าวไปทั้งหมดได้พร้อม ๆ กัน เพื่อเพิ่มกลยุทธ์การทำตลาดและมีโอกาสการปิดการขายได้มากขึ้น

4.Evangelism

การจูงใจให้ผู้บริโภคทั่วไปกลายเป็นลูกค้าประจำของคุณ เมื่อการใช้ Promotion เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอต่อการทำให้ลูกค้ามีความ Loyalty กับเรา ดังนั้นในหัวข้อ Evangelism นี้คือการเสริมสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้าด้วยการนำทั้ง 3 หัวข้อก่อนหน้ามาคิดวิเคราะห์และลงมือทำ และนอกจากนั้นคุณควรที่จะต้องรู้จักการพลิกแพลงกลยุทธ์ดูบ้าง เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายเข้าถึงแบรนด์ได้มากขึ้น

4E ย่อมาจาก Evangelism
  • ตัวอย่างเช่น การสร้างสตอรี่ให้กับสินค้าลงไปเพื่อความน่าสนใจ และทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกว่าสินค้าชิ้นนั้นมันมีภูมิหลัง ทำให้เห็นว่ามันดูมีคุณค่ามากกว่าแค่การซื้อแล้วจบ ๆ ไป ตรงจุดนี้สามารถทำให้เกิดการบอกต่อ (Word of Mouth) ที่นับเป็นกลยุทธ์การตลาดอีกประเภทหนึ่งได้ จากสิ่งที่ลูกค้าได้ประสบและพบเจอจากการซื้อสินค้าและบริการในครั้งนี้

กลุยทธ์ทางการตลาด 4E เหมาะกับใคร?

สำหรับกลุยทธ์ทางการตลาด 4E เหมาะกับผู้ที่ทำตลาดบนออนไลน์เดิมอยู่แล้ว เพื่อเป็นการยกระดับการเข้าถึงแบรนด์สินค้าไปอีกระดับหนึ่ง ซึ่งการใช้กลุยทธ์ทางการตลาด 4E นั้น ไม่ได้หมายความว่าจะต้องทิ้ง กลุยทธ์การตลาดแบบ 4P เดิมทิ้งไป แต่เป็นการนำมาประยุกต์ใช้และเสริมสร้างความหลากหลายในการสื่อสารมากขึ้น ทำให้ Win-Win ได้ทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคมากกว่าเดิม ส่วนผู้ที่ยังไม่เคยทำตลาดออนไลน์มากก่อนนั้นก็สามารถนำ กลุยทธ์ทางการตลาด 4E เข้ามาใช้ได้เช่นกัน ถือเป็นความท้าทายใหม่และเป็นประสบการณ์เพื่อส่งเสริมการขายอีกรูปแบบหนึ่ง ที่แองก้าคิดว่าช่วยให้การทำตลาดของคุณมีความแข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมได้แน่นอน

บทความที่เกี่ยวข้อง

สรุปเนื้อหาจากงาน Google Search Central Live 2024

Google Search Central Live 2024 คืองานสัมมนาที่ทาง Google จัดขึ้นมาเพื่ออัปเดตข้อมูลด้าน Google Search โดยเฉพาะ จัดเต็มไปด้วยเนื้อหาเรื่องการทำ SEO (Search Engine Optimization), Search Engine, Search
108

Google กลับลำไม่ยกเลิก Third-Party Cookies แล้ว!

ย้อนกลับไปในปี 2019 ได้มีประกาศสำคัญที่ว่า Google ยกเลิก Cookies บน Chrome และคาดว่าจะเลิกใช้ Third-Party Cookies ทั้งหมดได้ภายในปี 2024 เพราะ Google ต้องการปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน พร้อมทั้ง
173

Search Engine คืออะไร มีอะไรบ้าง และแบ่งออกเป็นกี่ประเภท?

หลาย ๆ คนคงจะเคยเห็นคำว่า “Search Engine (เสิร์ชเอนจิน)” ผ่านตามาบ้างแล้ว จากการอ่านบทความหรือฟังพอดแคสต์ที่พูดถึงการทำ SEO (Search Engine Optimization) ซึ่งเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่มุ่งเน้นการเพิ่ม Or
139
th