
Character Marketing กลยุทธ์ปั้นแบรนด์ให้โดนเด่นเหนือคู่แข่ง
ปัจจุบันโลกธุรกิจเต็มไปด้วยการแข่งขันที่เข้มข้นและดุเดือดเป็นอย่างมาก แต่ละธุรกิจต่างงัดกลยุทธ์การตลาดออนไลน์มาแข่งขันกัน ซึ่งธุรกิจที่สามารถทำให้ผู้บริโภคจดจำได้จะเป็นธุรกิจที่อยู่รอดในโลกธุรกิจต่อจากนี้ และการสร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ด้วยเหตุนี้ บางธุรกิจจึงหันมาทำ Character Marketing เพื่อสร้างความโดดเด่นและเชื่อมความสัมพันธ์กับผู้บริโภคผ่านคาแรคเตอร์ที่เป็นตัวแทนของแบรนด์ มาทำความรู้จักกันว่า Character Marketing คืออะไร และทำไมถึงเป็นไพ่ลับในการผลักดันธุรกิจให้เติบโตในยุคนี้กับ ANGA ได้เลย
Character Marketing คืออะไร
Character Marketing คือกลยุทธ์การตลาดที่มุ่งเน้นการสร้างตัวตนที่เป็นเอกลักษณ์ให้กับแบรนด์ผ่านการออกแบบคาแรคเตอร์หรือตัวละคร ในการสร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์ระหว่างแบรนด์และผู้บริโภค ไม่ใช่เพียงแค่การออกแบบมาสคอตน่ารัก ๆ ออกมาเท่านั้น แต่เป็นการสร้างบุคลิกภาพที่มีชีวิตชีวาให้กับแบรนด์ด้วย โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้ธุรกิจสามารถเล่าเรื่องราว สร้างความโดดเด่น สร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำ และความผูกพันกับกลุ่มเป้าหมายได้
Character Marketing เป็นอีกหนึ่งวิธีการในการทำให้แบรนด์สามารถสื่อสารกับผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในยุคดิจิทัลที่มีการแข่งขันสูงอย่างในปัจจุบันนี้ ซึ่ง Character Marketing ไม่เพียงแต่ช่วยดึงดูดความสนใจ แต่ยังสร้างความแตกต่างที่คู่แข่งยากจะลอกเลียนแบบ ทำให้แบรนด์มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและเข้าถึงใจผู้บริโภคได้ง่ายขึ้นด้วย
Character Marketing มีประโยชน์ต่อธุรกิจอย่างไร
- สร้างเอกลักษณะและเพิ่มความโดนเด่นให้แก่แบรนด์
- ทำให้แบรนด์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในวงกว้างและช่วยขยายฐานลูกค้าได้
- สร้างความรู้สึกและความผูกพันธ์ระหว่างแบรนด์กับลูกค้าได้อย่างเหนียวแน่น
- เป็นเหมือนตัวแทนที่แบรนด์ใช้ในการถ่ายทอดเรื่องราวอันน่าประทับใจ
- ทำให้แบรนด์ดูน่าเชื่อถือและเข้าถึงง่าย ซึ่งเป็นภาพลักษณ์ที่ผู้บริโภคในยุคนี้ชื่นชอบ
- สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน สามารถอยู่เหนือคู่แข่งที่ไม่มีจุดเด่นเป็นของตัวเองได้
- ช่วยกระตุ้นยอดขายให้กับแบรนด์ ทำให้สินค้าขายดีมากขึ้น มีคนเข้าร้านมากขึ้น และยังต่อยอดเป็นสินค้าตัวอื่น ๆ ได้อีกด้วย
ตัวอย่าง Character Marketing
ตัวอย่าง Character Marketing ที่เราเห็นได้ชัดเจนที่สุดในปี 2024 และเป็นที่โด่งดังมาก ไม่ว่าในสายตาของผู้บริโภคชาวไทยและชาวต่างชาติคือ Butterbear ซึ่งเป็นร้านขนมที่ตั้งอยู่ในห้าง Emsphere ของเครือ Coffee Beans by Dao เดิมทีคุณบูมที่เป็นเจ้าของร้านเปิดขายผ่านช่องทางออนไลน์อย่างเดียว ยังไม่ได้มีการทำ Character Marketing แต่อย่างใด

ขอบคุณภาพจาก Facebook Page ‘Butterbear.th’
พอได้หน้าร้านที่ห้าง Emsphere จึงได้ไอเดียทำ Character Marketing ควบคู่ไปด้วย จึงเกิดมาเป็นน้องหมีเนย มาสคอตหมีสุดน่ารักนั่นเอง แต่ในช่วงแรกน้องหมีเนยไม่ได้เป็นที่รู้จักเท่าไหร่นัก ในทุก ๆ วันก็ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของร้านในการเรียกลูกค้าบ้าง ถ่ายคอนเทนต์ลง Social Media บ้าง และเข้าร่วมกิจกรรมที่ทางห้างจัดบ้าง อยู่มาวันหนึ่งคลิปที่น้องหมีเนยเต้นในงานวันเด็กกลับเป็นไวรัลในโลกออนไลน์ เพราะออกสเต็ปแดนซ์สุดมันประกอบกับคาแรคเตอร์ของเค้าที่ดูน่ารักซุกซน
จากเคสของ Butterbear เราจะเห็นได้ว่าบางครั้งการทำ Character Marketing หรือ Content Marketing บนโลกออนไลน์อย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ คุณอาจจะต้องมีการผสมผสานกลยุทธ์ทางการตลาดเข้าด้วยกันบ้าง ถึงแม้ว่ากระแสความโด่งดังจะมีผลมาจากปัจจัยเรื่องจังหวะและเวลา แต่ถ้า Butterbear ไม่ได้ตัดสินใจทำ Character Marketing และสร้างสตอรี่มาตั้งแต่แรก Butterbear อาจเติบโตและเป็นที่รู้จักช้ากว่านี้ก็เป็นได้
วิธีทำ Character Marketing ให้ประสบความสำเร็จ
- เข้าใจแก่นแท้ของแบรนด์ รวมถึงกลุ่มเป้าหมาย และวัตถุประสงค์ทางการตลาดอย่างลึกซึ้ง เพื่อให้สามารถออกแบบ Character ได้อย่างเหมาะสม
- ออกแบบ Character ให้โดดเด่น จดจำง่าย มีภาพลักษณ์ที่สะท้อนตัวตนของแบรนด์ และสามารถใช้ในการทำการตลาดได้หลากหลายแพลตฟอร์ม
- สร้าง Story และถ่ายทอดเรื่องราวกับตัวตนของแบรนด์ผ่าน Character เพื่อให้ผู้บริโภครู้สึกอินไปกับแบรนด์
- การจัดกิจกรรม อีเวนต์ หรือเปิดพื้นที่ให้ผู้บริโภคได้มีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ เพื่อซื้อใจและสร้างความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นขึ้น
- นำ Character มาทำคอนเทนต์บนโลกออนไลน์ อย่างการทำคอนเทนต์วิดีโอสั้นลง TikTok หรือทำ Real Time Content บอกต่อสถานการณ์ปัจจุบัน (แนะนำโปรโมชันหรือสินค้าใหม่) เพื่อสร้างพื้นที่ให้ผู้บริโภคได้ติดตาม
สิ่งที่ต้องระวังในการทำ Character Marketing
การทำ Character Marketing แม้จะมีประโยชน์และเป็นผลดีต่อแบรนด์มาก แต่ก็มีสิ่งที่ต้องระวังเช่นกัน
1. การสร้างตัวละครที่ไม่ตรงกับแบรนด์
การสร้างตัวละครที่ไม่ตรงกับแบรนด์ ทั้งในแง่ของภาพลักษณ์และคุณค่า อาจทำให้ผู้บริโภคเกิดความสับสนและทำให้ความน่าเชื่อถือลดลงได้ ดังนั้น คุณต้องมั่นใจว่าตัวละครที่จะสร้างขึ้นมันสามารถสะท้อนตัวตนที่แท้จริงของแบรนด์ได้ ทั้งนี้ทั้งนั้น ตัวละครจะต้องไม่ไปขัดต่อความเชื่อและวัฒนธรรมของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งด้วย
2. อาจทำให้ผู้บริโภคเบื่อหน่ายได้
การใช้ตัวละครซ้ำ ๆ ในรูปแบบเดิม ๆ อาจทำให้ผู้บริโภคเบื่อหน่ายได้ ดังนั้น คุณควรทำ Character Marketing ควบคู่ไปกับกลยุทธ์การตลาดรูปแบบอื่น ๆ และแนะนำให้ทำคอนเทนต์หลากหลายรูปแบบ อาทิ คอนเทนต์แนะนำสินค้า ร้านค้า, แนะนำโปรโมชัน, เบื้องหลังการทำงาน ฯลฯ
3. ต้องมีความสม่ำเสมอ
Character Marketing จะต้องทำอย่างสม่ำเสมอ ให้ตัวละครเป็นแบรนด์ดิ้ง ซึ่งผู้ที่เป็นตัวละครจะต้องคงบุคลิก ลักษณะ ท่าทาง และอารมณ์ให้เสมือนกับว่าเป็นตัวละครนั้นจริง ๆ ในทุก ๆ เวลาที่แสดงเป็นตัวละครนั้นอยู่ ซึ่งแบรนด์จะต้องกำหนดแนวทางให้ชัดเจนและมีการควบคุมอย่างเคร่งครัด ไม่อย่างนั้น ผู้ที่เป็นตัวละครอาจหลุดคาแรคเตอร์และส่งผลกระทบในทางที่แย่ลงกับแบรนด์ได้ นอกจากนี้ จะต้องทำให้ตัวละครอยู่ในกระแสอยู่เสมอด้วย อาจจะเป็นการทำคอนเทนต์ตามเทรนด์ก็ได้
4. อย่าพึ่งพาตัวละครมากเกินไป
การพึ่งพาตัวละครมากเกินไปโดยละเลยคุณภาพของสินค้าและการบริการ อาจส่งผลเสียในระยะยาวต่อแบรนด์ได้มากกว่าที่คิด เพราะแม้ตัวละครจะดึงดูดความสนใจได้ แต่สิ่งที่รักษาลูกค้าไว้คือความประทับใจ ที่ลูกค้าได้จากสินค้าที่มีคุณภาพและการบริการที่ยอดเยี่ยม
บทสรุป
Character Marketing คือหนึ่งในกุญแจดอกสำคัญที่จะทำให้แบรนด์ประสบความสำเร็จและครองใจผู้บริโภคได้ เพราะตัวละครจะช่วยให้แบรนด์มีชีวิตชีวาและเข้าถึงผู้บริโภคได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น สามารถเล่าเรื่องราว สื่อสารคุณค่า และสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้กับลูกค้าได้แม้ว่าการทำ Character Marketing จะมีความท้าทายและต้องระมัดระวังในหลายแง่มุม แต่ด้วยการวางแผนที่ดี การออกแบบที่สร้างสรรค์ และการนำไปผสานกับกลยุทธ์ทางการตลาดอื่น ๆ อย่างชาญฉลาด จะช่วยสร้างความแตกต่าง เพิ่มการจดจำ และนำไปสู่ความภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาว ทั้งนี้ คุณอาจจะเริ่มต้นด้วยการทำสติกเกอร์ไลน์และใช้ในการสื่อสารกับลูกค้าก่อนก็ได้ แล้วค่อยต่อยอดขยายไปเป็นมาสคอตหรือสินค้าอื่น ๆ ในภายหลัง
บทความที่เกี่ยวข้อง

Organic Traffic คืออะไร พร้อมวิธีเพิ่ม Traffic บนเว็บไซต์
