“ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง” เทรนด์จับจ่ายใหม่ที่น่าจับตามอง
การซื้อของชิ้นใหญ่ราคาสูงจะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคนที่มีรายได้น้อยหรือไร้บัตรเครดิตอีกต้องไป เพราะในช่วงไม่กี่ปีให้หลังนี้ มีบริการทางการเงินรูปแบบใหม่ที่แสนจะตอบโจทย์คนกลุ่มนี้ แถมยังง่ายและสะดวกกว่าการสมัครใช้งานบัตรเครดิตเป็นไหน ๆ นั่นก็คือบริการซื้อก่อนจ่ายทีหลังหรือ Buy Now Pay Later (BNPL) นั่นเอง เทรนด์บริการทางการเงินรูปแบบนี้กำลังมาแรงอย่างต่อเนื่องและมีอัตราการเติบโตอย่างไม่หยุดหย่อน แต่เพราะความง่ายในการจับจ่ายใช้สอยอย่างอิสระนี่แหละ ที่จะมาทำให้วินัยทางการเงินของคุณมีความเสี่ยงที่จะพังไม่เป็นท่า หรือไม่ก็อาจทำให้ธุรกิจของคุณมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นก็ได้
บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจว่าบริการซื้อก่อนจ่ายทีหลังคืออะไร? ใครคือกลุ่มผู้ใช้หลักของบริการ Buy Now Pay Later, ทำไมการซื้อก่อนจ่ายทีหลังจึงเป็นที่นิยมและเติบโตอย่างรวดเร็ว, ข้อดีข้อเสียของบริการซื้อก่อนจ่ายทีหลัง สำหรับลูกค้าและเจ้าของธุรกิจคืออะไร, ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง VS บัตรเครดิต ต่างกันอย่างไร? และรวมไปถึงคำแนะนำสำหรับเจ้าของธุรกิจที่กำลังสนใจเปิดใช้บริการ Buy Now Pay Later บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ด้วย หากคุณพร้อมแล้วสามารถไปติดตามอ่านเรื่องนี้กับ ANGA ได้เลย
Buy Now Pay Later หรือ ซื้อก่อนจ่ายทีหลังคืออะไร?
ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง (Buy Now Pay Later) คือบริการทางการเงินทางเลือกใหม่ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ เพื่อให้ผู้ซื้อได้ซื้อสินค้าที่ต้องการและสามารถแบ่งชำระเงินเป็นงวด ๆ ในภายหลังได้ โดยที่ไม่ต้องชำระเงินเป็นก้อนในครั้งเดียว บริการซื้อก่อนจ่ายทีหลังสามารถพบได้บนแพลตฟอร์ม E-commerce ยอดนิยมอย่าง Shopee, Lazada และผู้ให้บริการทางการเงินอย่าง TrueMoney Wallet รวมถึงธนาคารต่าง ๆ ด้วย ซึ่งดอกเบี้ยจะเริ่มต้นตั้งแต่ 0% ไปจนถึง 7% ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการแต่ละแพลตฟอร์ม
Adobe analytics ได้มีการระบุว่าสัดส่วนของการซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านบริการซื้อก่อนจ่ายทีหลังในปี 2022 เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับปี 2021 โดยรายได้เพิ่มขึ้นถึง 27% เลยทีเดียว สืบเนื่องมาจนถึงปี 2023 ปริมาณคำสั่งซื้อจากสินเชื่อ BNPL ก็ยังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง Precedence research ได้ประมาณการสินเชื่อ BNPL ของปี 2023 ในตลาดโลกว่ามีการเติบโตอยู่ที่ 24% และในระยะกลางก็มีแนวโน้มที่จะเติบโตในอัตรา CAGR = 27% จากปี 2023-2028
สินค้าประเภทใดถูกสั่งซื้อผ่านสินเชื่อ BNPL มากที่สุด
ผลสำรวจของการแบบสอบถามกับผู้ที่ใช้บริการสินค้า Buy Now Pay Later พบว่าคนส่วนใหญ่ตัดสินใจใช้บริการซื้อก่อนจ่ายทีหลังกับสินค้าที่มีมูลค่าสูง ๆ อย่างเครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้าน และสินค้าแฟชั่นตามเทรนด์เป็นหลัก แต่ก็มีคนบางกลุ่มใช้บริการสินเชื่อ BNPL ในการซื้อสินค้าที่มีมูลค่าไม่สูงนักเช่นกัน
สินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านได้รับความนิยมเป็นอันดับ 1 หรืออยู่ที่ 47% ตามมาด้วยสินค้าประเภทเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายแฟชั่น 43% เฟอร์นิเจอร์และสินค้าสำหรับบ้าน 31% และสินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม, สินค้าจำเป็นในครัวเรือน, สินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป, ความบันเทิง, อุปกรณ์ฟิตเนส และอื่น ๆ ตามลำดับ
ใครคือกลุ่มผู้ใช้หลักของบริการ Buy Now Pay Later
- กลุ่ม Gen Z หรือผู้ที่เกิดตั้งแต่ปี 1997 – 2009 เพราะเป็นกลุ่มที่กำลังเข้าสู่ตลาดแรงงาน ชื่นชอบอะไรตามเทรนด์ มองหาความสะดวกสบายให้แก่ชีวิต ยังไม่มีสภาพคล่องทางการเงิน และเครดิตทางการเงิน (Credit score) ก็ยังไม่ได้น่าเชื่อถือจนถึงระดับที่จะสามารถสมัครบัตรเครดิตได้
- กลุ่มคนที่มีรายได้ไม่แน่นอนหรือมีรายได้น้อย เพราะคนกลุ่มนี้ไม่ได้มีเงินก้อนในการชำระสินค้าในครั้งเดียว แต่ก็สามารถเข้าถึงสินค้าที่ต้องการ โดยการทยอยแบ่งจ่ายเป็นงวด ๆ ได้ ทำให้ไม้มีภาระที่น่าหนักใจจนเกินไป
- กลุ่มคนที่ไม่ต้องการจ่ายเงินก้อนใหญ่ในครั้งเดียว อย่างบางคนมีเงินในบัญชีเพียงพอสำหรับการซื้อสินค้าที่ต้องการ แต่ไม่ได้อยากจ่ายก้อนใหญ่ในครั้งเดียว ก็สามารถแบ่งจ่ายเป็นงวด ๆ ตามความพึงพอใจได้
ความแตกต่างของบริการซื้อก่อนจ่ายทีหลังกับบัตรเครดิต
ผู้ที่ใช้บริการสินเชื่อ
- ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง : ผู้ที่มีรายได้น้อย รายได้มาก และรายได้ไม่แน่นอน
- บัตรเครดิต : ผู้ที่มีรายได้ 1,5000 บาทขึ้นไป จากการทำงานประจำ
รายละเอียดการสมัครใช้งาน
- ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง : ใช้บัตรประชาชน เบอร์โทรศัพท์ และบัญชีธนาคาร ไม่ตรวจสอบเครดิตบูโร และไม่ต้องยื่นเอกสารเพิ่มเติม
- บัตรเครดิต : ใช้บัตรประชาชน สลิปเงินเดือน และ Statement ย้อนหลัง มีการตรวจสอบเครดิตบูโร
ค่าธรรมเนียม
- ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง : ส่วนมากไม่มีค่าธรรมเนียม
- บัตรเครดิต : มีค่าธรรมเนียมรายปี
ระยะเวลาการอนุมัติ
- ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง : 1-3 วันทำการ
- บัตรเครดิต : 7-15 วันทำการ
วงเงินที่ได้รับ
- ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง : ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการซื้อสินค้า หรือการพิจารณาของผู้ให้บริการ
- บัตรเครดิต : ขึ้นอยู่กับรายได้และเครดิตบูโร
ข้อดีของบริการ Buy Now Pay Later (ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง)
ข้อดีของบริการ Buy Now Pay Later ในมุมมองของผู้ซื้อ
- สมัครง่าย รู้ผลไว ไม่ต้องยื่นเอกสารหรือไปทำเรื่องกับธนาคารให้ยุ่งยาก ไม่ต้องมีการค้ำประกัน สามารถกรอกข้อมูลทางออนไลน์และรอผลการสมัครได้เลย
- ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายและทำให้สามารถจัดการการเงินได้ดีมากขึ้น
- สะดวกสบาย สามารถซื้อสินค้าที่มีมูลค่าสูงได้ทันที โดยที่ไม่ต้องมีเงินสดติดตัว
- ไม่มีดอกเบี้ย ซื้อเท่าไหร่จ่ายเท่านั้น (แต่บางแฟลตฟอร์มและบางร้านค้าก็จะมีการเก็บดอกเบี้ยร่วมด้วย ต้องอ่านรายละเอียดให้ครบถ้วนทุกครั้ง)
ข้อดีของบริการ Buy Now Pay Later ในมุมมองของผู้ขาย
- กระตุ้นยอดขาย เพราะผู้ซื้อจะตัดสินใจซื้อสินค้าง่ายขึ้นเมื่อทางร้านเข้าร่วมโปรแกรม BNPL
- เพิ่มมูลค่ายอดขายต่อคำสั่งซื้อ เพราะลูกค้าสามารถแบ่งชำระเป็นงวด ๆ ได้ จึงมีความรู้สึกว่าสามารถซื้อสินค้าหลายรายการรวมกันในครั้งเดียวได้แบบสบาย ๆ
- สร้าง Customer loyalty ช่วยให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำได้ เพราะความยืดหยุ่นในการชำระค่าสินค้าจากบริการสินเชื่อ BNPL ทำให้ผู้ซื้อกลับมาซื้อสินค้าที่ร้านเดิมซ้ำมากกว่าไปซื้อสินค้าร้านใหม่ ๆ
- ขยายฐานลูกค้า เพราะบริการซื้อก่อนจ่ายทีหลังส่วนใหญ่ไม่ได้มีการกำหนดขั้นต่ำในการสั่งซื้อ หลักสิบบาทก็สามารถใช้บริการนี้ได้ ซึ่งจะเป็นช่องทางในการทำให้ผู้ซื้อที่มีรายได้น้อยและผู้ซื้อทั่ว ๆ ไป มีโอกาสในการเข้าถึงบริการนี้และสินค้าของคุณมากขึ้น
ข้อเสียของบริการ Buy Now Pay Later (ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง)
ข้อเสียของบริการ Buy Now Pay Later ในมุมมองของผู้ซื้อ
- ต้องชำระหนี้ตรงเวลา ไม่เช่นนั้นอาจจะเสียเครดิตทางการเงินได้ ซึ่งในอนาคตอาจจะใช้งานแพลตฟอร์มดังกล่าวได้ยากลำบากขึ้น เพราะถูกจำกัดวงเงิน เรียกคืนวงเงิน หรือถูกแบน
- ต้องยอมรับอัตราดอกเบี้ยที่แพลตฟอร์มกำหนด อัตราดอกเบี้ยของบริการซื้อก่อนจ่ายทีหลังจะเริ่มต้นตั้งแต่ 0-7% ซึ่งจะขึ้นอยู่กับแต่ละสินค้า แต่ละร้านค้า และแต่ละแพลตฟอร์ม สินค้าบางรายการอาจจะไม่ต้องเสียดอกเบี้ยเพิ่ม แต่ก็มีไม่น้อยเหมือนกันที่คุณจะต้องเสียดอกเบี้ยให้กับแพลตฟอร์ม
- ซื้อของที่ไม่จำเป็นง่ายขึ้น เพราะความสะดวกสบายและยังไม่ต้องจ่ายเงินในตอนนี้ ทำให้ผู้ซื้อบางคนสามารถซื้อสินค้าที่ต้องการได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะสินค้าที่ไม่จำเป็นและยังทำให้เกิดเป็นนิสัยใช้จ่ายเกินตัวอีกด้วย
- เสี่ยงต่อการเสียวินัยทางการเงิน อาจทำให้หนี้สินพอกพูน จนไม่สามารถหาเงินมาชำระตามกำหนดการได้
ข้อเสียของบริการ Buy Now Pay Later ในมุมมองของผู้ขาย
- เสียค่าธรรมเนียมการขายทั่วไปให้กับแพลตฟอร์ม 3%-7%
- เสียค่าธรรมเนียมสำหรับธุรกรรมที่ทำผ่านบริการสินเชื่อ BNPL จากยอดชำระให้แก่แพลตฟอร์ม 3-5%
- ต้องประเมินสภาพคล่องของธุรกิจให้ดี เพราะทางแพลตฟอร์มผู้ให้บริการสินเชื่อ BNPL จะมีการกำหนดรอบการจ่ายเงินให้กับทางร้านค้า เช่น ร้านค้าจะได้รับเงินก็ต่อเมื่อลูกค้ากดยืนยันการรับสินค้า หรือร้านค้าจะได้รับเงินภายใน 2-3 วันทำการหลังคำสั่งซื้อสำเร็จ เป็นต้น
- เสี่ยงต่อการสูญเสียรายได้ จากการผิดชำระหนี้ของลูกค้า ซึ่งนอกจากทางผู้ขายจะไม่ได้รับเงินค่าสินค้าแล้ว ยังมีโอกาสที่จะโดนทางแพลตฟอร์มเก็บเงินเพิ่มทดแทนรายได้ที่สูญเสียไปจากการผิดนัดชำระอีกด้วย
เจ้าของธุรกิจควรรู้! ก่อนเปิดใช้บริการ BNPL ต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง?
ก่อนที่คุณจะกระโดดลงไปเข้าร่วมโปรแกรมซื้อก่อนจ่ายทีหลังบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ สิ่งที่คุณต้องทำมีดังนี้
- ประเมินความเสี่ยง จากพฤติกรรมกำลังการซื้อสินค้าของลูกค้าและพฤติกรรมการซื้อสินค้าของลูกค้า เพื่อประเมินว่าลูกค้ามีแนวโน้มในการเบี้ยวหนี้ไหม ถ้าคุณขายสินค้าผ่านบริการสินเชื่อ BNPL ให้แก่ลูกค้า 100 คน มีลูกค้าเบี้ยวการชำระหนี้ 10 คน สิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร รายที่หายไปเท่าไหร่ คุ้มค่าไหมที่จะเสี่ยง
- เลือกแพลตฟอร์ม (ผู้ให้บริการสินเชื่อซื้อก่อนจ่ายทีหลัง) ที่เหมาะสมกับธุรกิจและประเภทของสินค้า ซึ่งคุณจะต้องการรายละเอียดการให้บริการของแต่ละแพลตฟอร์มให้ดีและนำมาเปรียบเทียบกัน เนื่องจากแต่ละแพลตฟอร์มจะมีการคิดค่าธรรมเนียมและเงื่อนไขบางประการที่แตกต่างกัน
- ทำการตลาดออนไลน์ ยิงโฆษณา หรือโพสต์โปรโมตว่าทางร้านเข้าร่วมโปรแกรม Buy Now Pay Later เพื่อดึงดูดลูกค้าให้มาใช้งานเยอะ ๆ
- วางแผนการจัดการข้อมูลให้ดี หรือใช้เครื่องมือ CRM ในการบริหารจัดการข้อมูลของลูกค้า เพราะลูกค้าที่เคยซื้อสินค้าแบบ BNPL บนแพลตฟอร์ม A อาจจะกลับมาซื้อซ้ำบนแพลตฟอร์ม B ได้ หากคุณมีการติดตั้งระบบจัดการข้อมูลและมีข้อมูลพฤติกรรมการซื้อสินค้าของลูกค้าแต่ละราย คุณจะสามารถรู้ได้ว่าลูกค้ามีประวัติในการเบี้ยวหนี้หรือไม่ และมีแนวโน้มเป็นอย่างไร ซึ่งจะช่วยประเมินความเสี่ยงให้แก่ธุรกิจได้ดีทีเดียว
บทสรุป
บริการสินเชื่อแบบ Buy Now Pay Later (BNPL) หรือซื้อก่อนจ่ายทีหลัง คือบริการทางการเงินที่ช่วยให้ผู้ซื้อสามารถซื้อสินค้าที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย โดยที่ไม่ต้องชำระเงินค่าสินค้าเต็มจำนวนในครั้งเดียว แต่เป็นการแบ่งชำระเป็นงวด ๆ ไป นอกจากจะทำให้ผู้ซื้อจัดการการเงินได้ดีพร้อมกับได้สินค้าที่ต้องการอยู่ในมือแล้ว ยังช่วยกระตุ้นยอดขายให้กับร้านค้าได้เป็นอย่างดีอีกด้วย อย่างไรก็ตามไม่ว่าคุณจะอยู่ในฐานะผู้ซื้อหรือผู้ขาย ก่อนที่จะใช้บริการซื้อก่อนจ่ายทีหลังนี้ ควรอ่านรายละเอียดและเงื่อนไขให้ถี่ถ้วนก่อน และมีสติทุกครั้งก่อนใช้บริการนี้ ไม่อย่างนั้นสุขภาพทางการเงินคุณอาจจะพัง เพราะช้อปง่าย จ่ายสบายไปโดยไม่รู้ตัวได้