1. หน้าหลัก
  2. อัปเดตการตลาด
  3. Work Life Balance เมื่อชีวิตที่ดีไม่ได้มีแค่งานที่รุ่ง
เผยแพร่เมื่อ: กุมภาพันธ์ 16, 2024 | แก้ไขเมื่อ: สิงหาคม 13, 2024

Work Life Balance เมื่อชีวิตที่ดีไม่ได้มีแค่งานที่รุ่ง

Table Of Contents

สิ่งที่คนวัยทำงานพูดถึงกันบ่อยที่สุดในช่วงไม่กี่ปีให้หลังมานี้ คงไม่พ้นเรื่องของ Work Life Balance อย่างแน่นอน ด้วยพฤติกรรมการทำงาน การเข้าร่วมสังคม และความกล้าตั้งคำถามของคนรุ่นใหม่ ทำให้หลาย ๆ คนเริ่มตระหนักถึงความสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวกันมากขึ้น หรือที่เราเรียกกันว่า Work Life Balance นั่นเอง

Work Life Balance คือสิ่งที่หลาย ๆ คนต่างโหยหากัน แต่ถ้าถามว่า Work Life Balance มีจริงไหม จำเป็นหรือไม่ และมีความสำคัญมากเพียงใด? คำตอบไม่ได้ขึ้นอยู่กับใคร แต่ขึ้นอยู่กับตัวของคุณเองต่างหากว่ามีมุมมองในเรื่องนี้อย่างไร บางคนมองว่า Work Life Balance คือการทำงานหนักและได้เงินเดือนสูง ๆ แต่บางคนก็มองว่า Work Life Balance คือการเข้างาน-เลิกงานตรงเวลา เป็นต้น

แล้ว Work Life Balance สำหรับคุณล่ะ คืออะไร? ถ้ายังตอบตัวเองไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เราลองมาดูมุมมองใหม่ ๆ เกี่ยวกับ Work Life Balance จาก ANGA กันดีกว่า เพื่อให้คุณได้รู้จักว่า Work Life Balance คืออะไร สำคัญหรือไม่ และคุณพร้อมสำหรับการมี Work Life Balance แล้วหรือยัง?

Work Life Balance คือ

Work Life Balance คืออะไร?

Work Life Balance คือความสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว ที่ไม่ได้หนักไปในทางใดทางหนึ่งเป็นพิเศษ และทั้งสองด้านไม่ได้ส่งผลกระทบในแง่ลบต่อกัน ซึ่งสมดุลที่ว่านี้คือการจัดสรรเวลาชีวิตในทุก ๆ ด้านได้อย่างเหมาะสม เช่น มีเวลาในการทำงาน มีเวลาให้ครอบครัว มีเวลาดูแลตัวเอง และมีเวลาหาความสุขให้ตัวเอง โดยที่ทุกอย่างอยู่ภายใต้ความพึงพอใจของตัวเรา

แนวคิด Work Life Balance นี้ ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันปัญหาและผลกระทบต่าง ๆ ที่มาจากการทำงานหนักจนเกินไป (Work ไร้ Balance) ซึ่งงานหนักในที่นี้ไม่ใช่งานที่มีจำนวนมาก แต่เป็นงานที่ทำแล้วกระทบต่อกับสิ่งอื่น ๆ รอบตัว อาทิ กระทบเวลาการพักผ่อน ทำให้สุขภาพร่างกายพัง ส่งผลให้สุขภาพจิตเสีย ไม่มีสังคม มีปัญหากับครอบครัว ฯลฯ

Work Life Balance มีจริงไหม?

Work Life Balance อาจจะมีอยู่จริงหรือไม่ก็ได้ ทุกอย่างมีเวลาของมัน และไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคนพร้อมกัน คุณเองก็ไม่จำเป็นต้องรีบมี Work Life Balance ในช่วงแรกของการทำงาน โดยเฉพาะคนที่เพิ่งเริ่มทำงานมาไม่นาน หรือเหล่า First Jobber ทั้งหลาย ควรใช้ความ “ใหม่” ของตัวเองให้เป็นประโยชน์ เพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่ทุกคนเข้าใจความใหม่ของคุณ ไม่มีใครตัดสินคุณ สามารถลองผิดลองถูก และยอมรับได้เมื่อเกิดข้อผิดพลาดขึ้น

“อยาก Work Life Balance ต้อง Work Hard ก่อน”

Work Life Balance

Work Hard ทำให้เกิด Work Life Balance ได้อย่างไร?

การ Work Hard จะทำให้คุณได้รับสิ่งต่าง ๆ มากมาย อาทิ รู้จักการทำงานแบบมืออาชีพ, รู้ว่าควรตัดสินใจอย่างไรในสถานการณ์ต่าง ๆ , สามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว, มีทักษะในการทำงานเพิ่มขึ้น และมีประสบการณ์ในหลาย ๆ ด้าน ถึงแม้ว่าอาจจะต้องเหนื่อยและทุ่มเทในช่วงแรก แต่พอถึงจุดหนึ่ง คุณก็จะได้รับ Work Life Balance ที่มีคุณภาพและยั่งยืนอย่างที่ต้องการแน่นอน

แต่ Work Hard จะต้องทำอย่าง Smart ด้วย ไม่เช่นนั้นอาจจะมีปัญหาตามมา และไม่มี Work Life Balance อย่างที่ต้องการได้ ถึงแม้จะทำงานมาเป็น 10 ปีแล้วก็ตาม

สร้าง Work Life Balance อย่างไรให้ Smart

  • ลงมือทำงานและเรียนรู้งานให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
  • รู้ว่าควรทำงานถึงจุดไหน สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำคืออะไร
  • ทำงานเท่าที่ไหว ไม่ลำบากร่างกายและคนรอบข้าง
  • ไม่โหมงานหนักจนต้องเจ็บป่วยหรือเข้าโรงพยาบาล
  • อาจทำงานล่วงเวลาบ้าง แต่ไม่จำเป็นต้องทำทุกวัน
  • ไม่คิดถึงงานตลอดเวลาจนเสียสุขภาพจิต
  • อะไรที่ปล่อยได้ก็ควรปล่อย อะไรที่รอได้ก็ควรรอ
  • ไม่กดดันตัวเอง หรือคิดเรื่องงานทั้งวันทั้งคืน
  • ไม่ต้องแข็งแกร่งหรือเพอร์เฟกต์ตลอดเวลา
  • สามารถจัดการกับความรู้สึกของตัวเองได้
  • ไม่ทำงานอย่างบ้าบิ่น หรือมอบเวลาให้แก่งานตลอด 24 ชั่วโมง
  • อย่าเก็บทุกอย่างเอาไว้กับตัวเอง แชร์กับคนอื่นบ้าง
  • ขอความช่วยเหลือในบางโอกาสและพูดปฏิเสธให้เป็น
  • ลองลดภาระของตัวเองลง หรือหาทีมเข้ามาช่วยทำงาน

จะรู้ได้อย่างไรว่าพร้อมมี Work Life Balance หรือยัง?

ใคร ๆ ก็อยากมี Work Life Balance แต่ไม่ได้แปลว่าทุกคนจะพร้อมมีทันที แล้วคุณล่ะ พร้อมมี Work Life Balance หรือยัง? ลองตั้งคำถามกับตัวเองดูว่าตอนนี้มีความสุขและสบายใจกับงานที่ทำอยู่ไหม, ตำแหน่งที่เราทำอยู่เหมาะสมแล้วหรือยัง, เงินเดือนที่ได้เพียงพอต่อภาระค่าใช้จ่ายไหม, ได้ประโยชน์จากงานที่กำลังทำอยู่หรือเปล่า และพึงพอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้แล้วหรือยัง

ถ้าคุณพึงพอใจกับปัจจุบันนี้แล้วและไม่ต้องมาคอยกังวลเรื่องงาน เงิน และการใช้ชีวิตอีก นั่นแปลว่าคุณมี Work Life Balance แล้ว แต่ในอนาคต Work Life Balance ที่คุณเคยมีอาจหายไปก็ได้ ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติ ด้วยปัจจัยในด้านต่าง ๆ ชีวิตของคุณอาจเปลี่ยนไปจากเดิมก็เป็นได้ เช่น มีการย้ายงาน, มีภาระค่าใช้จ่ายสูงขึ้น, มีคนที่ต้องดูแลมากขึ้น หรือมีความต้องการเพิ่มขึ้นจากเดิม เป็นต้น

บทสรุป

หลังจากที่แองก้าได้แชร์มุมมองต่าง ๆ ในเรื่องของ Work Life Balance ไปในบทความนี้แล้ว เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณตอบคำถามตัวเองได้เป็นอย่างดีว่า สำหรับคุณนั้น Work Life Balance คืออะไร? และตอนนี้คุณมี Work Life Balance แล้วหรือยัง?

Work Life Balance อาจไม่ได้เกิดขึ้นภายใน 2-3 ปีแรกของการทำงาน และในทางกลับกันก็ไม่ได้แปลว่าคุณต้องทำงานหนักไปตลอด 10 ปี ถึงจะมี Work Life Balance เกิดขึ้น ซึ่งถ้าคุณยังมองไม่ออกว่า Work Life Balance ที่ดีของคุณคืออะไร ให้ลองตั้งคำถามกับตัวเองดูว่า “เราทำงานหนักไปเพื่ออะไร? และ อะไรคือสิ่งที่เราต้องการ?” ก็จะทำให้คุณมองเห็นภาพที่กว้างขึ้นได้

ก่อนจะจากกันไปแองก้าขอฝากไว้อีกสักนิดว่าเราไม่ควรเอา Balance ของคนอื่นมาเป็นมาตรฐานให้ตัวเราเอง และไม่ควรเอา Balance ของตัวเราเองไปวัดกับคนอื่น เพราะ Work Life Balance ของคนเราไม่เหมือนกัน เราไม่รู้ว่าใครเจออะไรมาบ้าง เงื่อนไขในชีวิตของเขาคืออะไร และเป้าหมาย ความเชื่อ หรือความคิดของคนเราก็แตกต่างกันด้วยนั่นเอง

บทความที่เกี่ยวข้อง

Influencer Marketing กลยุทธ์การตลาดมาแรงที่แบรนด์ไม่ควรพลาด

Influencer Marketing คืออีกหนึ่งกลยุทธ์ทางการตลาดออนไลน์ที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เพราะผู้ติดตามของพวกเขาต่างเชื่อมั่นและไว้ในสิ่งที่อินฟลูเอนเซอร์พูด ทำให้เกิดความคล้อยตามได้ง่าย ประกอบกับช่องทา
25

สรุป Facebook Update 2024 มีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง มาดูกัน

Facebook หรือ Meta เป็น Social Media Platform ที่พัฒนาและมีการอัปเดตอยู่เสมอ รวมทั้งยังมีประสิทธิภาพในแง่ของการทำการตลาดออนไลน์สูง โดยเฉพาะการยิงโฆษณา Facebook Ads เพราะกลุ่มผู้ใช้งานเดิมยังคงไม่ทิ้งแ
27

Character Marketing กลยุทธ์ปั้นแบรนด์ให้โดนเด่นเหนือคู่แข่ง

ปัจจุบันโลกธุรกิจเต็มไปด้วยการแข่งขันที่เข้มข้นและดุเดือดเป็นอย่างมาก แต่ละธุรกิจต่างงัดกลยุทธ์การตลาดออนไลน์มาแข่งขันกัน ซึ่งธุรกิจที่สามารถทำให้ผู้บริโภคจดจำได้จะเป็นธุรกิจที่อยู่รอดในโลกธุรกิจต่อจา
39
th