1. หน้าหลัก
  2. อัปเดตการตลาด
  3. GDN หรือ Google Display Network หนึ่งในรูปแบบโฆษณาที่นักการตลาดต้องรู้
Google Display Network
เผยแพร่เมื่อ: มีนาคม 23, 2023 | แก้ไขเมื่อ: กรกฎาคม 30, 2024

GDN หรือ Google Display Network หนึ่งในรูปแบบโฆษณาที่นักการตลาดต้องรู้

Table Of Contents

การทำโฆษณาออนไลน์ หรือยิงแอดเป็นกลยุทธ์การทำการตลาดที่นักการตลาด โดยเฉพาะสายที่ทำการตลาดออนไลน์มักนำมาใช้ในการขยายฐานลูกค้าและสร้างยอดขาย นอกจากการทำโฆษณาบนหน้าการค้นหา Google ซึ่งหลายคนอาจคุ้นเคยกันในชื่อของ Google Ads แพลตฟอร์มนี้ยังมีรูปแบบการลงโฆษณาหลายรูปแบบอย่าง GDN หรือ Google Display Network อีกด้วยมาเจาะลึกถึง GDN หรือ Google Display Network ซึ่งเป็นรูปแบบการลงโฆษณาที่ช่วยสร้างโอกาส เพิ่มการมองเห็นได้ดีไม่แพ้การลงโฆษณารูปแบบอื่น ๆ 

ทำความเข้าใจ GDN หรือ Google Display Network 

GDN หรือ Google Display Network เป็นอีกทางทางเลือกของการทำโฆษณาบน Google โดยมีลักษณะของการลงโฆษณาที่อยู่ในรูปแบบของ Banners ที่มักจะไปปรากฎอยู่บนเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่ได้ลงทะเบียนเป็นเว็บไซต์เครือข่ายของ Google เอาไว้ 

สำหรับการลงโฆษณาผ่าน  Google Display Network  สามารถคำนวณค่าใช้จ่ายเป็น CPC (Cost Per Click) ซึ่งมีการคิดเงินเมื่อคลิกโฆษณา หรือคำนวณจาก CPM (Cost Per 1000 Impressions หรือ Cost Per Mille) ซึ่งเป็นการคิดเงินตามการแสดงผลของโฆษณา โดยที่นักการตลาดออนไลน์หรือผู้ประกอบการเจ้าของธุรกิจสามารถกำหนดงบประมาณในการทำโฆษณา กำหนดช่วงเวลา ซึ่งค่อนข้างสะดวกกว่าการติดต่อลงโฆษณาบนหน้าเว็บไซต์โดยตรง

GDN หรือ Google Display Network

GDN vs Google Search Ads แตกต่างกันอย่างไร ?  

สำหรับ Google Display Network  เป็นการลงโฆษณาในลักษณะของรูปแบนเนอร์ และต่างจาก Google Search Ads ที่โฆษณาผ่านการค้นหาคีย์เวิร์ดบน Search Engine  ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนว่ารูปแบบของโฆษณาทั้ง 2 รูปแบบมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง  โดยยังมีลักษณะที่แตกต่างกันในเรื่องอื่น ๆ  ดังนี้ 

ปริมาณในการค้นหา (Search Volume) 

ข้อแตกต่างประการแรกสำหรับโฆษณาทั้ง 2 ประเภทคือปริมาณในการค้นหา (Search Volume) โดยการลงโฆษณาแบบเสิร์ชจะเป็นรูปแบบของการดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่มีความสนใจสินค้าและบริการประเภทนั้น ๆ อยู่เข้ามาตัดสินใจและเลือกซื้อสินค้าและบริการของคุณผ่านการค้นหาคีย์เวิร์ด  

ในขณะที่การลงโฆษณาในรูปดิสเพลย์หรือ GDN นั้นจะเป็นลักษณะการกระจายหรือเผยแพร่สินค้าและบริการของคุณให้เป็นที่รู้จักผ่านทางเว็บไซต์ต่างๆ โดยในเบื้องต้นกลุ่มเป้าหมายจะถูกกำหนดขึ้นหลังจากดูวิดีโอ อ่านอีเมล เข้าเว็บไซต์ที่มีความสัมพันธ์กับสินค้าและบริการของคุณ 

การรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) 

หากคุณต้องการเผยแพร่สินค้าและผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกสู่ตลาด การเลือกโฆษณาแบบ Google Display Network จะให้ผลลัพธ์ที่มากกว่าเนื่องจาก GDN จะมีลักษณะการลงเป็นรูปภาพหรือแบนเนอร์จึงสร้างภาพจำได้ดีมากกว่า และเป็นสร้างการรับรู้แบรนด์ได้ง่ายกว่า รวมถึงการลงโฆษณาแบบ Google Search โดยส่วนใหญ่กลุ่มเป้าหมายต้องรู้จักและสนใจสินค้าและบริการชิ้นนั้น ๆ ได้ในระดับหนึ่งถึงจะมีการเสิร์ชเพื่อหาข้อมูลต่อไป ดังนั้นหากต้องการให้แบรนด์เป็นที่น่าจดจำหรือสร้างการรับรู้แบรนด์ควรเลือกการลงโฆษณาในรูปแบบ GDN ก่อนในอันดับแรก 

งบประมาณ 

สำหรับ GDN หรือการลงโฆษณาในรูปแบบดิสเพลย์จะใช้งบประมาณในการลงโฆษณาสูงกว่าการลงโฆษณาในรูปแบบเสิร์ช ดังนั้นหากคุณมีงบประมาณที่ค่อนข้างจำกัดควรลงโฆษณาในรูปแบบเสิร์ชก่อนเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย รวมถึงการลงโฆษณาในรูปแบบเสิร์ชมีโอกาสที่เปลี่ยน Users ให้กลายเป็นลูกค้าแท้จริงของคุณได้มากกว่า 

จุดเด่นของการลงโฆษณาในรูปแบบ GDN

  • เพิ่มการรับรู้และจดจำแบรนด์ โดยสามารถสร้างการรับรู้แบรนด์ในกลุ่มเป้าหมายได้หลากหลายและกระจายไปได้กว้างกว่าการลงโฆษณาออนไลน์ในรูปแบบอื่น
  • กำหนดคุณลักษณะของโฆษณาได้ด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น URL ที่ต้องการ กำหนดงบประมาณ ระยะเวลา ความถี่ของโฆษณา 
  • นำมา Re-Marketing ได้อย่างเหมาะสม  โดยการลงโฆษณาในรูปแบบของ Banner สามารถใช้รูปภาพเดิมให้ลูกค้าเห็นได้ซ้ำ ๆ เพื่อสร้างการรับรู้และทำให้แบรนด์มีความน่าเชื่อถือเพิ่มมากขึ้น 
  • ทำได้ง่ายและสะดวก โดยกำหนดขนาดรูปภาพให้ตรงกับที่ Google กำหนดก็สามารถเผยแพร่โฆษณาให้สินค้าและบริการเป็นที่รู้จักได้โดยง่าย 
  • กำหนดงบประมาณได้ตามต้องการ 
  • สามารถใส่ Text แทนรูปภาพได้ ตามรูปแบบมาตรฐานที่ Google ได้กำหนดเอาไว้ 
  • สามารถเจาะจงเว็บไซต์ที่ต้องการลงโฆษณาได้ เพื่อให้ได้เว็บไซต์ที่ตรงกับแคมเปญโฆษณาของเรามากที่สุด 
จุดเด่น GDN

รูปแบบการแสดงผลโฆษณา GDN (Google Display Network)

สำหรับ GDN (Google Display Network) มีรูปแบบการแสดงผลโฆษณา 3 รูปแบบด้วยกัน ดังนี้ 

Image Ads 

เป็นโฆษณาในรูปแบบของภาพแบนเนอร์ที่เรามักเห็นบ่อย ๆ โดยสามารถออกแบบภาพกราฟิกตามขนาดที่ Google ได้ตำหนด โดยควรเป็นไฟล์ jpg หรือ png หรือ gif ที่มีขนาดไม่เกิน 150 KB โดยหากต้องการลงเป็น gif ไม่ควรทำให้ภาพกระพริบถี่เกินไป เพราะจะสร้างความรำคาญใจให้ Users จนทำให้ Google ไม่อนุมัติเผยแพร่โฆษณา 

Text Ads 

เป็นรูปแบบโฆษณาของ GDN ที่มีการนำข้อความใส่เข้าไป เพื่อให้ Google แสดงผลออกมาตาม Format ขนาดต่าง ๆ ที่จัดทำเอาไว้ โดยเราต้องใส่ทั้งในส่วนของ Headline และ Description เพื่อแสดงเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการ ข้อดีของการทำ Text Ads ไม่จำเป็นต้องมีภาพและสามารถรูปแบบ Format ของ Google ได้เลย โดยไม่ต้องปรับแก้ไขภาพใหม่เหมือน Image Ads

Responsive Ads

สำหรับ Responsive Display Ads มีลักษณะคล้ายคลึงกับ Text Ads แต่สามารถใส่ภาพและโลโก้เพิ่มเข้าไปในโฆษณาได้ รวมถึงยังคงใส่ Headline และ Description เหมือนเดิม โดยที่กูเกิ้ลจะจัดระเบียบข้อมูลและแสดงผลออกไปเป็น Format โฆษณาได้โดยอัตโนมัติ 

บทสรุป Google Display Network รูปแบบโฆษณายุคใหม่ที่ต้องให้ความสำคัญ

Google Display Network เป็นอีกรูปแบบการทำโฆษณาของกูเกิ้ลที่มีความสำคัญไม่น้อย เนื่องจากในปัจจุบันมี Users ที่ใช้บริการ Google เป็นจำนวนมาก ดังนั้นการทำ Google Display Network ทำให้นักการตลาดสามารถค้นหากลุ่มเป้าหมายที่แท้จริง รวมถึงสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้ด้วยตนเอง และทำการโฆษณาแบรนด์สินค้าและบริการไปยังกลุ่มผู้บริโภคได้อย่างแพร่หลาย สร้างเม็ดเงินกลับมายังธุรกิจได้เป็นจำนวนมาก 

บทความที่เกี่ยวข้อง

30 วิธีทำ SEO WordPress 2025 ที่ถูกต้อง จากประสบการณ์เอเจนซี่

อยากให้เว็บไซต์ติดหน้าแรกบน Google ให้คนมองเห็นเยอะ ๆ เพื่อสร้างโอกาสให้แก่ธุรกิจ บอกเลยว่าไม่ง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่คุณไม่สามารถทำได้เลย หากคุณเลือกใช้กลยุทธ์การตลาดได้อย่างเหมาะสมและรู้เทคนิคล่
13

TikTok Seller คืออะไร ช่องทางสร้างรายได้ ขยายธุรกิจให้เติบโต

TikTok Seller คือผู้ขายบนแพลตฟอร์ม TikTok ที่กำลังได้รับความนิยมสูงสุดในปี 2025 นี้ ซึ่ง ANGA มองเห็นว่านี่คือโอกาสทองของผู้ประกอบการและแบรนด์ต่าง ๆ ในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่และสร้างรายได้ให้แก่ธุรก
9

Search Intent คือตัวช่วยสำคัญในการทำ SEO ให้โดนใจผู้ใช้งาน

ระหว่าง ‘การค้นหาข้อมูลและเจอกับสิ่งที่ต้องการทันที’ กับ ‘การค้นหาข้อมูลและไม่เจอกับสิ่งที่เราต้องการ’ แน่นอนว่าร้อยทั้งร้อยจะต้องเลือกอย่างแรกอยู่แล้ว นี่แหละคือสิ่งที่ Google ต้องการจากคนทำ SEO (SEO
9
th