Facebook Automated Rules เครื่องมือจัดการโฆษณาแบบอัตโนมัติ

การยิงโฆษณา Facebook Ads เป็นอะไรที่ต้องใช้ประสบการณ์ในระดับหนึ่ง ถึงจะสามารถสร้างผลลัพธ์ได้อย่างคุ้มค่าและตรงกับความต้องการ เพราะมันมีความซับซ้อนอย่างมาก หากเป็นมือใหม่ที่ไม่ค่อยมีประสบการณ์ล่ะก็ อาจทำให้เกิดปัญหาเรื่องงบประมาณในการยิงโฆษณาบานปลายได้ รวมถึงคนที่ต้องยิงแอดให้หลากหลายธุรกิจและต้องขึ้นแคมเปญโฆษณาหลายตัวด้วยเช่นกัน

ในวันนี้แองก้าจึงอยากจะมาแนะนำให้คุณรู้จักกับ “Facebook Automated Rules” หรือเครื่องมือจัดการโฆษณาแบบอัตโนมัติ เพียงแค่กำหนดเงื่อนไขลงไปให้เกิดเป็นกฎขึ้นมา และคุณก็ปล่อยให้ Facebook จัดการแคมเปญให้ได้เลย ทั้งง่าย สะดวก ประหยัดเวลา และไม่ต้องคอยมอนิเตอร์ตลอด เพราะสามารถส่งการแจ้งเตือนความเคลื่อนไหวได้แบบทันใจ

Facebook Automated Rules คืออะไร

Facebook Automated Rules คือเครื่องมือที่จะช่วยให้คุณจัดการการยิงแอดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยคุณสามารถตั้งเงื่อนไขต่าง ๆ ได้ตามต้องการ จากนั้น Facebook ก็จะทำงานตามเงื่อนไขแบบอัตโนมัติ อย่างเช่นการกำหนดลิมิตของค่าใช้จ่ายในการยิงโฆษณา, การตั้งวันเวลาในการเปิด-ปิดโฆษณา หรือการตั้งค่าว่าจะใช้กฎนี้กับ Campaigns, Ad Sets หรือ Ads เป็นต้น

จะบอกว่า Facebook Automated Rules คือตัวช่วยที่นักยิงโฆษณาหลาย ๆ คนชื่นชอบก็ว่าได้ เพราะ Facebook Automated Rules จะหยุดการโฆษณาเมื่อพบว่าผลลัพธ์ออกมาไม่ดี เพิ่มงบให้กับโฆษณาที่มีประสิทธิภาพ ทำให้งบไม่ไหลไปโดยเสียเปล่า ซึ่งช่วยประหยัดงบประมาณในการยิงโฆษณาได้มาก นอกจากนี้ ยังทำให้นักโฆษณามีเวลาไปทำอย่างอื่นเพิ่มเติมอีกด้วย เนื่องจากไม่ต้องมาคอยมอนิเตอร์โฆษณาตลอดเวลา เพียงแค่ตั้งกฎไว้แล้วก็ปล่อยให้ Facebook จัดการแทนได้เลย การตั้งค่าก็ง่ายแสนง่าย เห็นไหมว่า Facebook Automated Rules มีข้อดีเพียบ!

8 เงื่อนไขบน Facebook Automated Rules 

Facebook Automated Rules มีเงื่อนไขที่คุณสามารถเข้าไปตั้งค่า ทั้งหมด 8 เงื่อนไข ได้แก่ Rule name, Apply rule to, Action, Conditions, Time Range, Schedule, Notification และ Subscriber สามารถตั้งค่าได้อย่างละเอียดดั่งใจต้องการ เหมาะกับธุรกิจที่มีแคมเปญโฆษณาจำนวนมาก หรือต้องการรันแอดในช่วงวันหยุดสุดเป็นที่สุด รับรองได้เลยว่า Facebook Automated Rules จะมาช่วยทำให้การยิงโฆษณา Facebook ของคุณง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม ถ้าพร้อมแล้วให้เข้าไปที่ Meta Ads Manager > Creare rule และเริ่มตั้งเงื่อนไขได้เลย

1. Rule name

Rule name ใน Facebook Automated Rules คือชื่อกฎ มีไว้เพื่อให้คุณจัดการกฎที่มีทั้งหมดได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งสามารถตั้งได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เมื่อตั้งแล้วสามารถแก้ไขภายหลังได้ เราแนะนำให้ตั้งชื่อกฎที่มีความชัดเจน กระชับ ไม่ยาวจนเกินไป เช่น ปิดโฆษณาวันเสาร์ 17.00 น. , เพิ่มงบประมาณให้กับ Ad Sets ที่มี CTR สูงกว่า 3% หรือแจ้งเตือนเมื่อ Conversion Rate ต่ำกว่า 1% เป็นต้น

2. Apply rule to

Apply rule to ใน Facebook Automated Rules คือการนำกฎที่ตั้งไว้ไปใช้กับแคมเปญโฆษณา เพื่อให้กฎเริ่มต้นการทำงานตามที่คุณตั้งค่าไว้แบบอัตโนมัติ โดยสามารถระบุได้ว่าจะนำกฎไปใช้กับแคมเปญใด ระหว่าง Campaigns (การปรับใช้กฎกับแคมเปญโฆษณาทั้งหมด), Ad Sets (การปรับใช้กฎกับกลุ่มโฆษณา) และ Ads (การปรับใช้กฎกับโฆษณาแต่ละตัว)

3. Action

Action ใน Facebook Automated Rules คือสิ่งที่คุณต้องการให้ Facebook ทำ เมื่อโฆษณาเป็นไปตามเงื่อนไขที่ตั้งไว้ เช่น ปิดโฆษณา, เปิดโฆษณา, ปรับงบประมาณ, ส่งการแจ้งเตือน, Adjust budget, Adjust manual bid, เปลี่ยน Bidding etrategy, เปลี่ยน Optimize for, เพิ่มหรือลบ Placement หรือ ส่ง Conversion event เป็นต้น

4. Conditions

Conditions บน FFacebook Automated Rules คือเงื่อนไขการทำงานเพิ่มเติม สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่ Performance Conditions, Engagement Conditions และ Event-Based Conditions ซึ่งสามารถตั้งค่าได้แบบละเอียดมาก ๆ เพื่อให้มั่นใจว่ากฎนี้จะทำงานได้อย่างถูกต้องและตรงกับความต้องการของคุณมากที่สุด 

ตัวอย่างเช่น

• Lifetime spent : ค่าใช้จ่ายตลอดอายุการใช้งานของแคมเปญ เช่น หยุดแคมเปญเมื่อใช้เงินครบ 5,000 บาท
• Frequency : ความถี่ที่โฆษณาจะแสดงต่อผู้ใช้งาน 1 คน เช่น หยุดโฆษณานี้เมื่อแสดงผลต่อผู้ใช้งานครบ 3 ครั้ง
• Cost pet result : ค่าใช้จ่ายต่อผลลัพธ์หรือ Conversion ที่เกิดขึ้น เช่น หยุดโฆษณาเมื่อค่าใช้จ่ายต่อ result มากกว่า 300 บาท
• Cost per mobile app install : ค่าใช้จ่ายต่อการติดตั้งแอปพลิเคชันบนมือถือ เช่น หยุดโฆษณาเมื่อค่าใช้จ่ายต่อการติดตั้งแอปฯ เกิน 20 บาท
• Daily ratio spent : อัตราส่วนการใช้จ่ายในการยิงโฆษณาแบบรายวัน
• Mobile app events : เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแอปพลิเคชันบนมือถือ เช่น หยุดโฆษณาเมื่อมีการซื้อสินค้าบนแอปฯ
• Offline conversions : การตั้งค่าสำหรับ Conversion แบบออฟไลน์ อย่างการโทรศัพท์มาสั่งซื้อสินค้าหลังจากเห็นโฆษณา

5. Time Range

Time Range ใน Facebook Automated Rules คือช่วงระยะเวลาที่ Facebook ทำการเก็บรวบรวมข้อมูล ก่อนจะนำไปใช้กับกฎที่คุณกำลังจะตั้งนี้ ซึ่งคุณสามารถเลือกใช้ข้อมูลได้ย้อนหลังตั้งแต่ของวันนี้, เมื่อวานนี้, 7 วันก่อนหน้านี้, 14 วันก่อนหน้านี้, 28 วันก่อนหน้านี้ หรือตลอดระยะเวลาที่มีการเก็บข้อมูลก็ได้ เช่น ถ้าคุณจะขึ้นแคมเปญใหม่ ก็กำหนด Time Range เป็น 7 วันก่อนหน้านี้ เพื่อวัดผลของแคมเปญในช่วงแรก เป็นต้น

ซึ่งการเลือก Time Range จะต้องพิจารณาจากหลาย ๆ ปัจจัย อาทิ ระยะเวลาของแคมเปญโฆษณา (แคมเปญใหม่ใช้ Time Range สั้น ส่วนแคมเปญเก่าแนะนำให้ใช้ Time Range ยาว), วัตถุประสงค์ของแคมเปญ และประเภทของเงื่อนไข ทั้งนี้ การใช้ Time Range บาว ๆ อาจจะทำให้กฎทำงานช้าลงได้ ส่วน Time Range สั้น ๆ ก็อาจจะทำให้กฎไม่แม่นยำเท่าที่คิดได้ เนื่องจากมีข้อมูลน้อยเกินไป

6. Schedule

Schedule ใน Facebook Automated Rules คือการกำหนดวันเวลาในการเริ่มต้นการทำงานของกฎ และวันเวลาที่ต้องการหยุดกฎ ซึ่งคุณสามารถกำหนดได้อย่างเฉพาะเจาะจง โดย Schedule แบ่งออกได้เป็น 4 ประเภท คือ Custom (การกำหนดวันเวลาเอง), Days (การกำหนดวันให้กฎทำงาน จันทร์-อาทิตย์), Hours (การกำหนดช่วงเวลาในแต่ละวัน) และ Specific Dates (การกำหนดวันที่แน่นอนที่กฎจะทำงาน)

ตัวอย่างเช่น 

• เริ่มใช้กฎวันเสาร์ 09.00 น. และหยุดการทำงานในวันอาทิตย์ 18.00 น. 
• การเพิ่มงบประมาณให้กับ Ad sets ที่มี CTR สูงกว่า 4% ทุก ๆ 48 ชั่วโมง
• การหยุดโฆษณาที่มี CTR ต่ำกว่า 1% ใน 3 วัน

7. Notification

Notification ใน Facebook Automated Rules คือการแจ้งเตือนตามค่าเริ่มต้นแบบครั้งเดียว เมื่อกฎเริ่มทำงานหรือมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น เช่น CPC เกินจำนวนที่กำหนด หรือมี Conversion เกิดขึ้น สรุปได้ว่า Notification ว่าเป็นการแจ้งเตือนแบบทั่ว ๆ ไป และแจ้งเตือนแค่ใน Facebook เท่านั้น

8. Subscriber

Subscriber ใน Facebook Automated Rules คือการแจ้งเตือนแบบต่อเนื่อง เหมาะกับคนที่อยากติดตามแคมเปญแบบระยะประชิด เพื่อให้สามารถเข้าไปปรับปรุงแคมเปญหรือรายงานผลได้ในทันที โดยการแจ้งเตือนนี้จะส่งไปทาง SMS ผ่านหมายเลขโทรศัพท์และอีเมล

บทสรุป

Facebook Automated Rules คือเครื่องมือที่จะช่วยให้คุณจัดการแคมเปญโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น การตั้งเวลาในการรันแคมเปญล่วงหน้า การตั้งงบประมาณล่วงหน้า หรือการวางเงื่อนไขของแคมเปญไว้ล่วงหน้า เมื่อถึงเวลารันโฆษณาอย่างแคมเปญที่เป็นโปรโมชันลดราคาต่าง ๆ คุณก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีปัญหาติดขัดอะไร และรอรับผลลัพธ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นได้เลย สุดท้ายนี้ ถึงแม้ว่า Facebook Automated Rules จะช่วยให้คุณจัดการแคมเปญได้ง่ายยิ่งขึ้น แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือคุณวางแผนแคมเปญไว้ได้ดีแค่ไหน ซึ่งในส่วนนี้จะต้องอาศัยประสบการณ์ ความรู้ และความเชี่ยวชาญของผู้ยิงโฆษณาเป็นอย่างมาก