รู้จักกับ Bidding Strategy กลยุทธ์สุดปังในการทำโฆษณา Google Ads
ในปัจจุบันธุรกิจทุกประเภทต่างให้ความสนใจในการทำตลาดออนไลน์กันอย่างแพร่หลาย ด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภคส่วนใหญ่ที่ค้นหาข้อมูลรวมไปถึงการซื้อขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก จึงทำให้นักการตลาดต่างต้องงัดกลยุทธ์ เพื่อผลักดันธุรกิจให้เข้าไปอยู่ในจุดที่กลุ่มเป้าหมายและผู้บริโภคได้เห็นผลิตภัณฑ์ของพวกเขา โดยมีงบประมาณเป็นที่ตั้งสำคัญในการตั้งเป้าหมายในการทำกำไรนั่นเอง และหนึ่งในกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือการทำ “โฆษณา Google Ads” นั่นเอง
แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถทำโฆษณาแบบไหนก็ได้ผ่าน Google Ads เพราะไม่ใช่ทุกคนที่ต้องการจะเห็นสินค้าของคุณ และการคำนึงถึงงบประมาณที่ลงทุนก็สำคัญด้วยไม่แพ้กัน โดยในบทความนี้แองก้าจะพาคุณไปรู้จักกับ Bidding Strategy กลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยให้คุณลงทุนไปกับโฆษณาได้อย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ
Bidding Strategy กลไกสำคัญการแสดงผลของโฆษณา Google Ads
Bidding Strategy คือ กลยุทธ์ในการเสนอราคาที่เหมาะสมกับการทำโฆษณา Google แต่ละแคมเปญ โดยที่ผู้เสนอราคาสามารถเลือกกลยุทธ์ในการเสนอราคาได้ด้วยตัวเอง และมีหลากหลายรูปแบบให้เลือก Bid ที่เหมาะกับเป้าหมายของธุรกิจหรือแคมเปญที่กำหนดเอาไว้
กลยุทธ์ในการประเมินราคาก่อนเริ่มลงทุนในการทำโฆษณา Google Ads
สำหรับกลยุทธ์ของ Bidding Strategy นั้น โดยทั่วไปแล้วผู้ทำแคมเปญสามารถทำการ Bidding ได้อยู่หลากหลายวิธีด้วยกัน ซึ่งหลัก ๆ ทาง Google จะแนะนำอยู่ทั้งหมด 4 วิธีดังนี้
- พิจารณากลุ่มเป้าหมายก่อนเริ่มการ Bidding เพื่อให้คุณสามารถกำหนดงบประมาณในการลงทุนกับแคมเปญได้อย่างเหมาะสม เช่น หากต้องการเพิ่ม Traffic เข้าเว็บไซต์ควรเสนอราคาแบบ CPC – Cost-per-click หรือต้องการทำแคมเปญ Awareness ควรเลือกเสนอราคาแบบ vCPM – Cost-per-thousand viewable impressions เป็นต้น
- ทำแคมเปญแบบ Conversion ควรเลือก Smart Bidding เป็นการเสนอราคาแบบอัตโนมัติที่ Google จะมีสิ่งที่เรียกว่า Learning Machine เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับแคมเปญ Conversion ของคุณ
- หากเน้นที่ยอด Clicks ให้เสนอราคา CPC คุณสามารถเลือกเสนอราคาได้ทั้งแบบอัตโนมัติหรือ Smart Bidding และเลือกเสนอราคา CPC ด้วยตนเองก็ได้เช่นกัน
- เพิ่มความสามารถในการเข้าถึง โดยนำกลยุทธ์การเสนอราคาเข้ามาช่วยเพิ่มการแสดงผลและการเข้าถึงแคมเปญได้มากขึ้น โดยที่คุณควรเลือกแบบใดแบบหนึ่ง เช่น CPM – Cost per mille, tCPM – Target cost-per-thousand impressions และ vCPM – Cost-per-thousand viewable impressions
กลยุทธ์ Bidding Strategy มีกี่ประเภท
กลยุทธ์การ Bidding Strategy นั้นสามารถแบ่งได้ 2 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
การเสนอราคาด้วยตัวเองหรือ Manual Bidding
การเสนอราคาด้วยตัวเองหรือ Manual Bidding คือ การเสนอราคา CPC ในแบบที่ผู้ทำแคมเปญกำหนดราคาสูงสุดด้วยตัวเองต่อ 1 คลิก เพื่อเน้นอันดับการแสดงผลของโฆษณาในราคาที่คุณสามารถจ่ายได้ โดยวิธีการทำงานของ Google นั้นจะเลือกแสดงผลในอันดับที่ดีสำหรับผู้ที่เสนอราคาได้มากกว่า วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่เข้าใจสถานการณ์ตัวเองดีว่า Keyword ที่เลือกมานั้นมีประสิทธิภาพและมอบผลลัพธ์ที่ดีแก่ธุรกิจได้จริง ทำให้คุณสามารถจัดสรรงบประมาณสำหรับโฆษณา Google Ads ได้เป็นอย่างดี
การเสนอราคาแบบอัตโนมัติหรือ Automated Bidding
การเสนอราคาแบบอัตโนมัติหรือ Automated Bidding คือ ทางเลือกในการเสนอราคาแบบอัตโนมัติโดยที่ Google จะมี Learning Machine ในการประเมินจากแนวโน้มที่จะเกิด Conversion หรือการคลิกของชุดโฆษณา Google Ads โดยจะมีชื่อเรียกง่ายๆ ว่า Smart Bidding นั่นเอง
หลักการของ Smart Bidding นั้นจะคิดจาก เครื่องมือที่ใช้งาน สถานที่ตั้งของชุดโฆษณา ช่วงเวลาของวัน การทำรีมาร์เก็ตติ้ง ภาษาที่ใช้ และระบบปฏิบัติการที่กำหนด เพื่อให้ Google ได้เข้าใจบริบทเฉพาะของการค้นหาในแต่ละครั้ง
ประเภทของ Smart Bidding
การเสนอราคาในรูปแบบ Smart Bidding นั้นสามารถแบ่งได้ทั้งหมด 7 รูปแบบด้วยกัน โดยที่แต่ละรูปแบบก็จะมีประสิทธิภาพและควาเหมาะสมกับโฆษณา Google เฉพาะตัวดังนี้
Maximize clicks
เป็นรูปแบบที่เหมาะสำหรับหา Traffic เข้าเว็บไซต์ เหมาะสำหรับแคมเปญที่มีช่องทางในการ Conversion ที่แน่นอนมากที่สุด สามารถเสนอราคาได้แบบอัตโนมัติเพื่อช่วยเพิ่มจำนวนคลิกสู.สุดภายใต้งบประมาณที่คุณกำหนดเอาไว้
Target search page location
รูปแบบที่ 2 เป็นประเภทที่เหมาะสำหรับช่วยเพิ่มการมองเห็นหรือ Visibility ให้กับเว็บไซต์ที่อยู่ตำแหน่งบนสุดในหน้า Search Result ของ Google โดยสามารถเสนอราคาได้ในรูปแบบ Portfolio Bidding เท่านั้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการให้เว็บไซต์อยู่บนอันดับที่ดีที่สุดในการค้นหาบน Google
Target outranking share
รูปแบบที่ 3 เป็นประเภทที่เหมาะสำหรับช่วยเพิ่มการมองเห็นหรือ Visibility บนเว็บไซต์อื่นๆ โดยที่คุณสามารถเลือกโดเมนของเว็บไซต์อื่นๆ ที่ต้องการให้ชุดโฆษณา Google Ads ของคุณไปปรากฏได้ เพื่อให้ได้เว็บไซต์หลักของคุณติดอันดับที่เหนือกว่า และมีความถี่ในการแสดงผลมากกว่า สามารถเสนอราคาได้ในรูปแบบ Portfolio Bidding เท่านั้น
Target cost-per-acquisition (CPA)
ถัดมารูปแบบที่มีเป้าหมายในการเพิ่ม Conversion ด้วย CPA โดยที่ Google จะมีทำการเสนอราคาแบบอัตโนมัติเพื่อช่วยให้คุณได้ยอด Conversion มากที่สุดด้วยราคาต่อ 1 CPA เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการมองหาลูกค้าใหม่ๆ ภายใต้งบที่จำกัดและยังได้กำไรอยู่
Enhanced cost-per-click (ECPC)
รูปแบบที่ 5 เป็นการเสนอราคาที่มีเป้าหมายในการเพิ่ม Conversion โดยที่มี Keyword เป็นเงื่อนไขในการตั้งราคา โดยที่ ECPC Google จะทำการปรับราคาแบบอัตโนมัติที่ให้คุณได้ยอด Conversion มากขึ้นแต่ใช้งบไม่มาก เหมาะสำหรับผู้ที่เสนอราคาทั้งแบบ Manual Bidding ควบคู่กับ Automated Bidding
Target return on ad spend (ROAS)
รูปแบบที่ 6 เป็นการเสนอราคาที่มีเป้าหมายในการเพิ่ม Conversion โดยมีเงื่อนไขในการเสนอราคาตามกำไรที่เราต้องการ จากการกำหนด Conversion Value ไม่ให้ต่ำกว่าที่ตั้งเอาไว้ เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการ Conversion เป็นเป้าหมายหลัก
Maximize conversions
รูปแบบสุดท้ายคือการเสนอราคาโดยที่มีเป้าหมายในการเพิ่ม Conversion มากขึ้นโดยมีงบประมาณที่จำกัด ซึ่ง Google จะเข้ามาช่วยประเมินว่าคุณควรเสนอราคาตอนไหนถึงจะคุ้มค่ามากที่สุด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างยอดขาย และต้องการเก็บ Reach เป็นจำนวนมาก
บทสรุปของเรื่องราวเกี่ยวกับ Bidding Strategy ในการลงโฆษณาบน Google Ads
ในการลงทุนโฆษณา Google Ads นั้น สิ่งสำคัญที่คุณจะต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรกๆ นั่นก็คืองบประมาณในการลงทุนไปกับชุดโฆษณาและแคมเปญต่างๆ โดยจะต้องวางแผนอย่างถี่ถ้วนก่อนเริ่มลงมือ ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์พฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายอย่างละเอียด รูปแบบโฆษณาที่คุณจะใช้งาน Objective ที่คุณตั้งเอาไว้ว่าต้องการอะไรจากการทำโฆษณาบน Google และที่สำคัญต้องคำนวณด้วยว่างบประมาณที่ลงทุนไปจะสามารถมอบกำไรให้กับคุณได้อย่างไรบ้าง ดังนั้นการนำกลยุทธ์ Bidding Strategy มาใช้ ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่จะช่วยคุณควบคุมงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ