การมาถึงของฟีเจอร์ใหม่อย่าง AI Overviews ได้สร้าง 'ความจริงบทใหม่' ของการค้นหา ที่เปลี่ยนโฉมหน้าการแข่งขันบนโลก Search Performance ไปโดยสิ้นเชิง และนี่คือความจริงที่ทุกธุรกิจไม่สามารถเพิกเฉยได้อีกต่อไป เพราะโอกาสที่ลูกค้าจะคลิกเข้าสู่เว็บไซต์ของคุณกำลังจะลดน้อยลงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เมื่อ 'ผู้เข้าชมเว็บไซต์ (Traffic)' ซึ่งเคยเป็นหัวใจของการทำ SEO กำลังจะหายไป คำถามที่สำคัญที่สุดสำหรับเจ้าของธุรกิจและทีมการตลาดในวันนี้จึงไม่ใช่ 'ทำไม Traffic ลดลง' แต่เป็น 'เมื่อ Traffic ลดลงแน่ ๆ เราจะยังทำให้การลงทุนใน SEO สร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าได้อย่างไร?
บทความนี้ไม่ได้มีเป้าหมายมาให้คำตอบสั้น ๆ ว่า SEO จะตายหรือไม่ แต่ในฐานะเอเจนซี่ผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO ที่ลงสนามจริง จากประสบการณ์ของ ANGA (แองก้า) เราจะมามอบ "แผนกลยุทธ์" ที่ชัดเจน ว่าธุรกิจต้องปรับตัวอย่างไรเพื่อเปลี่ยนการลงทุนใน SEO ให้กลับมาเป็น "ยอดขาย" และการเติบโตที่ยั่งยืนในยุคที่ AI กำลังจะเปลี่ยนโลกของการค้นหาไปตลอดกาล
AI Search เข้ามาเปลี่ยน Customer Journey ครั้งใหญ่

ก่อนจะไปถึงแผนกลยุทธ์ เราต้องยอมรับความจริงก่อนว่าไม่ใช่แค่ Google ที่เปลี่ยนไป แต่พฤติกรรมของลูกค้า ก็เปลี่ยนไปแล้วด้วยเช่นกัน และนี่คือ 3 การเปลี่ยนแปลงสำคัญที่ทุกธุรกิจต้องเผชิญ
1. AI Overviews ที่ตอบให้เลย โดยไม่ต้องคลิก
ลองนึกภาพตาม เมื่อก่อนลูกค้าค้นหาข้อมูล พวกเขาจะเห็นรายชื่อเว็บไซต์ (Blue Link) แล้วเลือกคลิกเข้ามาอ่าน แต่ปัจจุบัน เมื่อพวกเขาถามคำถามกับ Google สิ่งที่ปรากฏขึ้นมาคือ "กล่องคำตอบ" ที่ AI สรุปเนื้อหาจากหลาย ๆ เว็บมาให้เลย
เราเข้าใจดีว่าการที่ Traffic หายไปบางส่วนน่ากังวล แต่ในอีกมุมหนึ่ง พฤติกรรมผู้ใช้ที่เปลี่ยนไปนี้ก็สร้างโอกาสใหม่ ๆ เช่นกัน นั่นคือโอกาสที่แบรนด์ของคุณจะถูกเลือกให้เป็น "แหล่งข้อมูลอ้างอิง" ที่น่าเชื่อถือที่สุด และสร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) ได้แม้ลูกค้าจะยังไม่ได้คลิกเข้าเว็บไซต์ก็ตาม
2. สนามรบที่ขยายใหญ่ขึ้น ไม่ได้มีแค่ Google อีกต่อไป
เคล็ดลับที่ ANGA พบคือ เส้นทางการตัดสินใจของลูกค้าซับซ้อนขึ้นมาก พวกเขาไม่ได้เริ่มและจบที่ Google อีกต่อไป
- หาแรงบันดาลใจ หรือรีวิวสินค้า? ลูกค้าไปที่ TikTok หรือ Instagram
- หาวิธีทำ (How-to) หรือข้อมูลเชิงลึก? ลูกค้าเปิด YouTube
- หาคำตอบที่ซับซ้อน? พวกเขาเริ่มถาม ChatGPT
นี่คือความท้าทายที่แบรนด์ต้องขยายสนามรบออกไป และวางกลยุทธ์ให้ลูกค้าเจอเราในทุกที่ที่พวกเขา "ค้นหา"
3. เมื่อใคร ๆ ก็ใช้ AI ปั่นบทความจนข้อมูลล้นตลาด
การเข้ามาของ AI ทำให้การสร้างคอนเทนต์กลายเป็นเรื่องง่าย แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้เกิด "ภาวะข้อมูลล้นตลาด" ที่เต็มไปด้วยบทความคุณภาพต่ำ ในสนามแข่งขันที่ดุเดือดเช่นนี้ การสร้าง "คอนเทนต์คุณภาพสูง" ที่มาจากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญจริง จึงไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นทางรอดเดียวที่จะทำให้แบรนด์ของคุณโดดเด่นและได้รับความไว้วางใจจากทั้งผู้ใช้งานและ AI
ยุคของ SEO จบลงแล้วหรือไม่ อนาคตจะเป็นอย่างไร
เมื่อพิจารณาจากการเปลี่ยนแปลงทั้งหมด คงพูดได้ว่ายุคของการทำ SEO แบบดั้งเดิมที่มุ่งเน้นการใช้เทคนิคหรือการทำอันดับคีย์เวิร์ดแบบผิวเผินได้จบลงแล้ว แต่อนาคตของ SEO ในฐานะกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลที่มุ่งเน้นการสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ให้ลูกค้าค้นเจอนั้น ไม่ได้จบลงไปด้วย แต่มันกำลังวิวัฒนาการไปสู่รูปแบบที่ซับซ้อน ท้าทาย และต้องใช้กลยุทธ์ที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม
โดย เกน รัชวิทย์ หวังพัฒนธน - Managing Director at ANGA (คลิกประวัติ)
SEO เป็นการตลาดที่วิเศษมาก เพราะในช่วงสิบปีที่ผ่านมาก็มีสิ่งใหม่เกิดขึ้นตลอด และคนมักจะเพ่งเล็งว่า SEO นั้นหมดยุคไปแล้ว จนถึงปี 2025 ก็ยังเป็นปีที่สำคัญสำหรับคนทำ SEO อยู่ แต่ในคราวนี้มันไม่ได้จะตายหายไป แต่มันกลับสำคัญมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะถ้านักการตลาด SEO เข้าใจพฤติกรรมที่กำลังเปลี่ยนแปลงและปรับตัวได้ทันเวลาครับ
4 Action Plan เปลี่ยนเว็บไซต์ธุรกิจให้รองรับ AI Search
เพื่อให้เว็บไซต์ธุรกิจของคุณไม่เพียงแค่อยู่รอด แต่ยังเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง นี่คือ 4 กลยุทธ์ที่ทีมผู้เชี่ยวชาญของ ANGA แนะนำและเอามาปรับใช้ให้กับพาร์ทเนอร์ของเรา
1. Audit & Rethink - วิเคราะห์ทุกคำถามของลูกค้า ไม่ใช่แค่คีย์เวิร์ด
ขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุดคือการเปลี่ยนวิธีคิด จากเดิมที่เริ่มต้นด้วย เราจะทำอันดับคีย์เวิร์ดคำไหนดี? ให้เปลี่ยนเป็น "ลูกค้าของเรามีปัญหาหรือคำถามอะไรบ้างก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ?" เรารวบรวมคำถามจริง ๆ จากฝ่ายขาย ทีมบริการลูกค้า หรือจากคอมเมนต์ในโซเชียลมีเดีย คำถามเหล่านั้นคือขุมทรัพย์สำหรับสร้างคอนเทนต์ที่จะชนะใจลูกค้าในยุคใหม่
2. Content Strategy - เปลี่ยนเว็บไซต์ให้เป็นผู้เชี่ยวชาญ ที่ลูกค้าวิ่งเข้าหา
เมื่อได้รายการคำถามมาแล้ว ก็ถึงเวลาสร้างคอนเทนต์ที่ตอบคำถามเหล่านั้นให้ดีที่สุด ละเอียดที่สุด และน่าเชื่อถือที่สุด กลยุทธ์นี้คือหัวใจของสิ่งที่เรียกว่า AEO (Answer Engine Optimization) ซึ่งเป็นวิธีคิดที่ทำให้แบรนด์ของคุณกลายเป็นคำตอบที่ดีที่สุดในใจลูกค้าและในสายตา AI
ทำยังไงให้ติด AI Overviews เคล็ดลับคือการทำให้ AI "ทำงานง่าย" และ "เชื่อใจ" เราให้ได้มากที่สุด เริ่มต้นด้วยการเขียนสรุปคำตอบที่ชัดเจนและตรงไปตรงมาทันทีในย่อหน้าแรก โดยใช้ภาษาที่เป็นธรรมชาติเหมือนคนคุยกัน จากนั้นจัดโครงสร้างเนื้อหาด้วยหัวข้อย่อยและลิสต์รายการต่าง ๆ เพื่อให้ AI เข้าใจบริบทได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การมีเนื้อหา'คำถามที่พบบ่อย' (FAQ) ที่รวบรวมคำถามสำคัญ ๆ ไว้ในที่เดียว
3. Channel Strategy - วางกลยุทธ์ให้ลูกค้าเจอเรา ในทุกที่ที่เขาค้นหา
หัวใจสำคัญของ Channel Strategy ในยุคนี้ ไม่ใช่การมองแต่ละแพลตฟอร์มเป็น Solo ที่แยกจากกัน แต่คือการเชื่อมทุกจุด Touchpoint บนเส้นทางของลูกค้าให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อ ตั้งแต่การค้นพบไปจนถึงการตัดสินใจซื้อ
และที่สำคัญยิ่งกว่านั้น คือการเตรียมพร้อมสำหรับ "อนาคต" ของ AI Search ที่ฉลาดขึ้นไปอีกขั้น เพราะในอนาคตอันใกล้ AI Search จะไม่ได้ให้แค่ข้อมูลทั่วไป แต่จะให้คำตอบที่ "รู้ใจ" และ "เฉพาะบุคคล" (Hyper-Personalized) มากขึ้น โดยวิเคราะห์จากพฤติกรรมการค้นหาในอดีต, ความชอบ, หรือแม้แต่กิจกรรมในปฏิทินของคุณ มากไปกว่านั้น AI จะไม่ได้หยุดแค่การให้ข้อมูล แต่จะสามารถ "ลงมือทำ" (Take Action) แทนผู้ใช้ได้ทันที เช่น การจองโต๊ะร้านอาหารร้านโปรดที่คุณน่าจะอยากไปในเย็นวันศุกร์ให้โดยอัตโนมัติ หรือการแนะนำคอร์สเรียนที่เหมาะกับทักษะที่คุณกำลังต้องการ
นี่คือเหตุผลสำคัญว่าทำไมธุรกิจ ถึงควรเตรียมพร้อมเว็บไซต์ให้ตอบโจทย์ AI Mode ตั้งแต่วันนี้ เพราะเมื่อ AI ฉลาดถึงขั้นนั้น มันจะเลือกดึงข้อมูลหรือทำธุรกรรมผ่านเว็บไซต์ที่มีโครงสร้างชัดเจน, มีความน่าเชื่อถือสูงสุด (Trust) และพร้อมให้ข้อมูลในระดับที่ลึกและเป็นประโยชน์ที่สุดเท่านั้น การวางรากฐานเว็บไซต์ของคุณให้ดีตั้งแต่วันนี้
4. Measurement - เลิกวัดผลแค่อันดับ แล้วหันมาวัดผลลัพธ์ทางธุรกิจ
ถึงแม้ AI Overviews จะสามารถสรุปคำตอบเบื้องต้นได้เอง และส่งผลให้ตัวเลขผู้เข้าชมเว็บไซต์ (Traffic) โดยรวมไม่ใช่กราฟที่พุ่งสูงเหมือนในอดีต แต่นี่อาจเป็นข่าวดีกว่าที่คิด เพราะถึงแม้ Traffic จะลดลง แต่คนที่ยังคงคลิกเข้าสู่เว็บไซต์ของคุณหลังจากเห็นคำตอบจาก AI แล้ว แปลว่าพวกเขามีความตั้งใจ (High Intention) สูงมากจริง ๆ และกำลังมองหาข้อมูลเชิงลึก, ความน่าเชื่อถือ, หรือรายละเอียดที่ AI ให้ไม่ได้
คนกลุ่มนี้คือ "Quality Lead" ที่มีแนวโน้มจะเปลี่ยนเป็นลูกค้าได้สูงกว่าผู้เข้าชมทั่วไปหลายเท่าตัวดังนั้น สำหรับเจ้าของธุรกิจและทีมการตลาด ถึงเวลาแล้วที่เราจะเปลี่ยนตัวชี้วัด (KPIs) จากการนับแค่ปริมาณ Traffic หรืออันดับคีย์เวิร์ด มาสู่การวัด "คุณภาพ" และ "ผลลัพธ์ทางธุรกิจ" ที่จับต้องได้จริง เช่น
- จำนวนและคุณภาพของ Lead ที่เข้ามา : Lead ที่มาจาก Organic Search ในยุคนี้มีแนวโน้มที่จะปิดการขายได้ง่ายขึ้นหรือไม่?
- ยอดขายที่ Organic Search มีส่วนช่วย (Assisted Conversion ): ลูกค้าอาจไม่ได้ซื้อทันที แต่การเข้ามาอ่านบทความของเราเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญบนเส้นทางการตัดสินใจของเขาหรือไม่?
- จำนวนครั้งที่แบรนด์ถูกอ้างอิงใน AI Search (Brand Mention) : แบรนด์ของเราถูกมองว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในสายตาของ AI บ่อยแค่ไหน?
- การเติบโตของ Branded Search : มีคนรู้จักและเชื่อมั่นในแบรนด์เรามากพอที่จะค้นหาชื่อเราโดยตรงเพิ่มขึ้นหรือไม่?
ความผิดพลาดที่หลายคนเข้าใจผิดในการทำ AI Search
บางเว็บไซต์ยังพยายามจะเอาชนะ AI Search ด้วยวิธีคิดแบบเก่า เช่น การอัดคีย์เวิร์ด หรือการใช้ AI สร้างคอนเทนต์คุณภาพต่ำจำนวนมาก แต่จริง ๆ แล้ว AI ยุคใหม่ฉลาดกว่านั้นมาก มันให้ความสำคัญกับความเป็นธรรมชาติ ความน่าเชื่อถือ (Trust) และประสบการณ์ของผู้เขียน (Experience) มากกว่าเดิมหลายเท่า หัวใจสำคัญคือการเปลี่ยนวิธีคิดจากการเขียนให้ Ranking มาเป็นการเขียนเพื่อให้คำตอบที่ดีที่สุดแทน
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
ธุรกิจเล็ก ๆ หรือ SME ควรลงทุนทำ SEO ต่อไปไหม?
จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะนี่คือโอกาสทองที่จะแข่งขันกับแบรนด์ใหญ่ได้ หากคุณสามารถสร้างเนื้อหาที่ตอบโจทย์เฉพาะกลุ่ม (Niche) ได้ดีและลึกกว่า คุณก็มีโอกาสถูก AI เลือกไปนำเสนอได้เช่นกัน
AI Overview จะมาแทนที่ SEO ทั้งหมดเลยหรือเปล่า?
ไม่ AI Overviews เป็นเพียงส่วนหนึ่งของหน้าผลการค้นหา แต่ SEO คือ กระบวนการทั้งหมดในการทำให้เว็บไซต์ของคุณมีคุณภาพและปรากฏในทุกส่วนที่เป็นไปได้ ไม่ว่าจะเป็น Organic Link, Image Search, Video Search หรือ AI Overviews
จะวัดผลตอบแทน ROI ของกลยุทธ์ SEO แบบใหม่นี้ได้อย่างไร?
เปลี่ยนจากการวัดอันดับ มาวัดผลลัพธ์ทางธุรกิจ เช่น ต้นทุนในการได้มาซึ่งลูกค้า (Cost per Acquisition) จากช่องทาง Organic, คุณภาพของ Lead ที่เข้ามา หรือมูลค่าตลอดชีพของลูกค้า (Customer Lifetime Value) ที่มาจาก SEO
สรุปแล้วเราควรเน้นทำ SEO หรือ AI Search มากกว่ากัน?
เป็นคำถามที่แยกจากกันไม่ได้ "AI Search" คือสภาพแวดล้อมใหม่ที่เราต้องเผชิญ ส่วน "SEO" คือกลยุทธ์ที่เราต้องใช้เพื่อเอาชนะในสภาพแวดล้อมนั้น การทำ SEO ในวันนี้จึงหมายถึงการทำเพื่อรองรับ AI Search นั่นเอง
บทสรุป
สรุปแล้ว SEO ไม่ได้ตาย แต่ผู้ที่ไม่ปรับตัวอาจจะตายแทน ถึงแม้การเปลี่ยนแปลงสู่ยุค AI Search อาจดูซับซ้อนและน่ากังวล แต่มันคือการคัดกรองครั้งใหญ่ที่ทำให้ธุรกิจที่มุ่งเน้นการสร้างคุณค่าและแก้ปัญหาให้ลูกค้าอย่างแท้จริงโดดเด่นขึ้นมา นี่คือโอกาสมหาศาลสำหรับแบรนด์ที่เข้าใจเกมและพร้อมจะปรับตัวก่อนใคร
ไม่ว่าธุรกิจของคุณจะเหมาะกับกลยุทธ์แบบไหนในสมรภูมิ GEO vs SEO vs AEO การมีผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจภาพรวมทั้งหมดเป็นสิ่งสำคัญ หากคุณต้องการพาร์ทเนอร์ที่พร้อมจะนำพาธุรกิจของคุณให้เติบโตในยุค AI Search อย่างมั่นคง ปรึกษาทีม SEO Specialist ของ ANGA ได้ทาง LINE @ANGA หรือโทร 080-054-9199 เราพร้อมให้คำปรึกษาและบริการรับทำ AI Search เพื่อพาธุรกิจของคุณไปสู่ความสำเร็จในยุค AI Search