การมาของ Generative AI โดยเฉพาะฟีเจอร์ AI Overviews ทำเอาพฤติกรรมผู้ค้นหาบน Google เปลี่ยนไปอย่างมาก ในขณะเดียวกัน หลายธุรกิจที่ทำ On-page SEO มาอย่างดีกลับพบว่า AI ไม่หยิบข้อมูลจากเว็บเราไปแสดงเป็นคำตอบสักที เหตุผลสำคัญคือ AI ไม่ได้ดูแค่ “เราพูดถึงตัวเองยังไงในเว็บไซต์” แต่ AI มองหาความน่าเชื่อถือจากภายนอกเว็บไซต์ด้วย

และนี่คือจุดที่ Digital PR กลายเป็นตัวแปรสำคัญ เพราะการถูกพูดถึงจากเว็บไซต์หรือแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ มีผลต่อการที่ AI จะเลือกหยิบธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งขึ้นไปแสดงผล แม้ Google จะไม่ได้ระบุว่า Digital PR เป็นปัจจัยการจัดอันดับโดยตรง แต่ผลกระทบต่อการติด AI Search นั้น ชัดเจนและมีนัยสำคัญมากครับ

Digital PR คืออะไร?

Digital PR คือ กลยุทธ์การสื่อสารออนไลน์ที่มีเป้าหมายเพื่อสร้าง Brand Mention หรือการถูกพูดถึงจากเว็บไซต์ภายนอก และสร้าง Trust Signals หรือสัญญาณความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์บนโลกดิจิทัล แทนที่จะรอให้คนมาค้นพบแบรนด์ของคุณด้วยตัวเอง Digital PR จะพาแบรนด์ไปปรากฏในพื้นที่สำคัญบนอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์คุณภาพสูง บทความจากผู้เชี่ยวชาญ อินฟลูเอนเซอร์ ไปจนถึงคอนเทนต์รีวิว หรือแหล่งข้อมูลที่ AI นำไปใช้วิเคราะห์เพื่อสร้างคำตอบให้ผู้ใช้งาน

สิ่งที่คนทำ SEO มักเข้าใจผิดเกี่ยวกับ Digital PR

  1. การทำ Digital PR ไม่ต้องมี Link ก็ได้

นี่คือจุดที่ Digital PR ต่างจากการทำ Backlink อย่างสิ้นเชิง สำหรับ AI Search แล้ว แค่มี Unlinked Mention หรือการเอ่ยชื่อแบรนด์แบบไม่มีลิงก์บนเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ AI ก็สามารถทำ Entity Matching (จับคู่ตัวตนธุรกิจ) และให้คะแนนความน่าเชื่อถือได้แล้วครับ เพราะปัจจุบัน Google ฉลาดพอที่จะรู้ว่า Brand A ที่ถูกพูดถึงในข่าวคือธุรกิจของคุณ โดยไม่ต้องพึ่งพา Hyperlink เสมอไป

  1. ปริมาณไม่ใช่คำตอบ แต่ Relevancy is Key

การทำ Digital PR ไม่ใช่การทุ่มลงบทความบนเว็บ PR ทั่วไปที่ไม่เกี่ยวข้อง 100 เว็บ แต่เป็นการเลือกลงในเว็บที่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณเพียง 1-2 เว็บที่มีคุณภาพ เช่น หากคุณขายอุปกรณ์ไอที การได้ลงบทความในเว็บข่าวไอทีโดยตรง มีค่าในสายตา AI มากกว่าการไปลงในเว็บไลฟ์สไตล์ทั่วไปหลายเท่าเลยครับ

เปรียบเทียบ Traditional PR กับ Digital PR (ในมุม SEO)

Traditional PR (PR ดั้งเดิม)Digital PR (ในมุม SEO และ AI Search)
เพื่อสร้าง Awareness ในวงกว้างเพื่อสร้าง Authority หรือความน่าเชื่อถือของแบรนด์
ใช้สื่อแบบเดิม เช่น หนังสือพิมพ์, ทีวี, วิทยุอาศัย Third-Party ที่มีคุณภาพเป็นผู้รับรองชื่อเสียง
วัดผลจากจำนวนคนเห็นแบรนด์วัดผลได้จากอันดับเว็บไซต์ และ AI Search Visibility
แทบไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบเชิงดิจิทัล เช่น การดันอันดับเว็บไซต์, Search Visibilityเพื่อให้ Google และระบบ AI เข้าใจว่า “แบรนด์นี้คือผู้เชี่ยวชาญตัวจริงในอุตสาหกรรม”
เหมาะกับสร้างภาพลักษณ์ หรือการประกาศข่าวสำคัญนำแบรนด์ไปอยู่ในจุดที่ AI และลูกค้าใช้ค้นหาข้อมูลจริงๆ

ทีม Google เผยว่า AI มีพฤติกรรมการค้นหาเหมือนมนุษย์

Robby Stein - รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์ Google Search ได้พูดในรายการ Silicon Valley Girl ว่า

“น่าสนใจตรงที่ AI มันคิดเหมือนคนเลยครับเวลาจะหาข้อมูลต่างๆ คือถ้าธุรกิจคุณไปปรากฏในพวก Top List หรือบทความดังๆ ที่คนชอบอ่าน AI มันก็จะมองว่าข้อมูลพวกนี้น่าเชื่อถือ สิ่งเหล่านี้แหละที่เป็นประโยชน์มาก เพราะมันช่วยให้ AI หาแบรนด์คุณเจอ”

ทีม Google เผยพฤติกรรม AI

แล้วพฤติกรรมการค้นหาของ AI เป็นยังไง

คุณปิยวัฒน์ ทรัพย์สินดำรง | Senior SEO Specialist ผู้เชี่ยวชาญด้านการรับทำ AI Search ของ ANGA (แองก้า) ได้แชร์ว่า

“จากบทสัมภาษณ์ล่าสุดของร็อบบี้ สไตน์ ยิ่งตอกย้ำสิ่งที่ผมเชื่อมาตลอดว่า AI ถูกเทรนมาให้เลียนแบบกระบวนการคิดของมนุษย์ ที่เวลาเราจะหาข้อมูลหรือตัดสินใจอะไรสักอย่าง ก็คงไม่ได้หยุดดูแค่เว็บเดียวแล้วเชื่อทันที เพราะเราเองก็ต้องเปิดดูหลายๆ เว็บเพื่อ Cross-check ให้แน่ใจก่อนเสมอว่าข้อมูลนั้นเชื่อได้จริงมั้ย ซึ่ง AI ก็จะไปหาข้อมูลบน Google เช่นเดียวกับที่มนุษย์ทำนั่นแหละครับ”

โดย AI จะมีกระบวนการทำงานที่น่าสนใจ ดังนี้

  • การใช้แนวคิด Query fan-out
    เมื่อ AI เจอคำถามที่ซับซ้อนของผู้ใช้งาน มันไม่ได้หาคำตอบจากแหล่งเดียว แต่จะใช้วิธี Query fan-out คือการแตกประเด็นคำถามหลักออกเป็นคำถามย่อยๆ หลายคำถาม แล้วออกไปค้นหาข้อมูลเหมือนเวลาที่คนทำรีเสิร์ช เพื่อรวบรวมข้อมูลจากหลายแหล่งมาสรุปเป็นคำตอบที่ดีที่สุด
  • AI อ่านบริบท (Context) ไม่ใช่แค่นับจำนวนลิงก์
    ยุคของการสแปมลิงก์จบไปแล้วครับ AI ไม่ได้แค่นับจำนวนลิงก์เพื่อให้คะแนนเรื่องความน่าเชื่อถือ แต่ AI จะอ่านบริบทว่าคนอื่นพูดถึงแบรนด์คุณในแง่บวกหรือลบ แหล่งที่มานั้นมีความเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมของคุณและน่าเชื่อถือจริงๆ หรือไม่

ยกตัวอย่าง ถ้าคุณเขียนบนเว็บตัวเองว่า "เราเป็นบริษัทรับทำ SEO ที่ดีที่สุด" AI อาจจะแค่รับรู้ข้อมูลนั้นไว้เฉยๆ แต่ยังไม่ปักใจเชื่อ แต่ถ้าเว็บไซต์เกี่ยวกับการตลาดออนไลน์เขียนบทความและเอ่ยถึงบริษัทคุณ ว่าเป็นหนึ่งในเอเจนซี่ที่น่าจับตามองและมีความเชี่ยวชาญสูง AI จะเชื่อสิ่งนี้ทันที เพราะเป็นการยืนยันจากบุคคลที่สาม

กลยุทธ์ทำ Digital PR ให้ AI เลือกเว็บไซต์คุณก่อนใคร

เพื่อให้เห็นภาพการนำไปใช้งานจริง ผมขอสรุป 3 กลยุทธ์ Digital PR ที่ทีม SEO Specialist ของแองก้าใช้แล้วได้ผลลัพธ์ดีที่สุดสำหรับการทำ SEO ยุค AI ดังนี้ครับ

กลยุทธ์ทำ Digital PR

1. แทรกตัวเข้าไปอยู่ใน Top Lists หรือ Review Sites

หนึ่งในวิธีที่ได้ผลที่สุดในการทำ Digital PR คือ การที่แบรนด์ของคุณไปปรากฏในบทความประเภทจัดอันดับหรือรีวิว เพราะ AI ชอบข้อมูลที่ผ่านการคัดกรองมาแล้ว ซึ่งบทความแนวนี้มักเขียนด้วยมุมมองเปรียบเทียบ มีการประเมินคุณภาพ และรวมตัวเลือกที่น่าเชื่อถือที่สุดมาไว้ในที่เดียว เช่น

  • “10 อันดับ…”
  • “แนะนำบริษัท…”
  • “รวม (สินค้า/บริการ) ที่ต้องลอง”

AI ถูกออกแบบมาให้ลดความเสี่ยงในการให้ข้อมูลผิดพลาด (Hallucination) ดังนั้น มันจึงถูกเทรนมาให้ค้นหาข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือจากบุคคลที่สาม การที่ชื่อแบรนด์ของคุณไปปรากฏอยู่ในลิสต์เหล่านี้ เป็นสัญญาณบอก AI ว่า “ธุรกิจนี้ของจริง เชื่อถือได้” ซึ่งมีน้ำหนักกว่าการที่เราเขียนชมตัวเองบนหน้าเว็บแน่นอนครับ

สิ่งที่เราต้องทำคือ

ลองเสิร์ช Google คำค้นที่เกี่ยวกับธุรกิจของคุณ จากนั้นให้ Outreach ติดต่อเว็บไซต์ที่ติดอันดับเหล่านั้น พร้อมส่งข้อมูลเชิงลึกที่เป็นประโยชน์ หรือเสนอส่งสินค้า/บริการให้ทดลองรีวิว เพื่อให้เขาพิจารณาเพิ่มชื่อแบรนด์ของคุณเข้าไปในบทความ นี่คือทางลัดที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการทำให้แบรนด์ของคุณไปโผล่บน AI Overviews ก่อนคู่แข่งครับ

2. สร้าง Data-Driven Content เพื่อดึงดูดสื่อ

ปัจจัยหลักที่ทั้งเว็บไซต์ข่าวชั้นนำและอัลกอริทึมของ AI ให้ความสำคัญสูงสุดคือ ข้อมูลเชิงลึกที่ไม่สามารถหาอ่านได้จากแหล่งข้อมูลทั่วไป เช่น สถิติพฤติกรรมลูกค้า เทรนด์ตลาด หรือ Insight จากประสบการณ์ทำงานจริงของธุรกิจคุณ และเมื่อมีการนำข้อมูลของธุรกิจเราไปใช้อ้างอิง (Citation) จึงทำให้เกิด Brand Mention คุณภาพสูง ที่ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจของคุณ

สิ่งที่เราต้องทำคือ

  • การคัดเลือกข้อมูล วิเคราะห์และหยิบยกประเด็นจากฐานข้อมูลภายในองค์กรที่มีนัยสำคัญ และสามารถสะท้อนภาพรวม หรือทิศทางของอุตสาหกรรมได้อย่างชัดเจน
  • การนำเสนอข้อมูล ย่อยข้อมูลเชิงสถิติที่ซับซ้อนให้เป็นบทสรุป Insight ที่เข้าใจง่าย พร้อมจัดทำในรูปแบบ Visual Data หรือ Infographic เพื่ออำนวยความสะดวกในการนำไปเผยแพร่ต่อ
  • การเผยแพร่เชิงรุก ดำเนินการส่งมอบชุดข้อมูลดังกล่าวไปยังสำนักข่าวเศรษฐกิจ, เว็บไซต์เฉพาะทาง หรือผู้ทรงอิทธิพลทางความคิด (Key Opinion Leaders) เพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับการตีพิมพ์และการอ้างอิงแหล่งที่มาอย่างเป็นรูปธรรม

3. การสร้างตัวตนให้ผู้บริหาร

“ใครเป็นคนพูด” สำคัญพอๆ กับ “พูดเรื่องอะไร” การทำให้ชื่อของผู้บริหารหรือผู้เชี่ยวชาญในทีม เชื่อมโยงกับคีย์เวิร์ดสำคัญในอุตสาหกรรมของคุณ เป็นกลยุทธ์ Digital PR ที่ขาดไม่ได้เลยในยุค AI Search เพราะเมื่อ AI ตรวจสอบแล้วพบว่าคนในองค์กรคือ ผู้เชี่ยวชาญในสายงานนั้นๆ (Expertise) ระบบจะเกิดความมั่นใจและมองว่าแบรนด์ของคุณเป็นแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ทันที

การให้ผู้บริหารไปปรากฏตัวในพื้นที่ที่สื่อและ AI ใช้เป็นแหล่งข้อมูลหลัก เช่น บทสัมภาษณ์, บทความให้ความรู้, รายการพอดแคสต์ หรือเว็บไซต์ข่าวธุรกิจ จะช่วยกระตุ้นให้ AI สร้าง Knowledge Graph เพื่อจดจำและเชื่อมโยงชื่อผู้บริหารเข้ากับความเชี่ยวชาญนั้นๆ โดยอัตโนมัติครับ

สิ่งที่เราต้องทำคือ

  • Media Outreach: เสนอชื่อผู้บริหารเพื่อขอสัมภาษณ์ใน Podcast, รายการ YouTube หรือคอลัมน์เจาะลึกธุรกิจ (Industry Insight) ที่เกี่ยวข้อง
  • Content Creation: ผลิตคอนเทนต์แนวแสดงวิสัยทัศน์ (Thought Leadership) เผยแพร่ลงบนเว็บไซต์บริษัทและ LinkedIn ส่วนตัวอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้าง Digital Footprint ที่ชัดเจน

ตัวอย่างการทำ Digital PR ของแองก้า

คุณเกน รัชวิทย์ หวังพัฒนธน CEO & Managing Director ของ ANGA (แองก้า) ได้มีโอกาสไปให้สัมภาษณ์ในรายการ YouTube ช่อง THE INSIDER ที่มีผู้ติดตามกว่าล้านคน และช่องลงทุนแมนที่มีผู้ติดตามกว่าเจ็ดแสนคน ถือเป็นการทำ Digital PR เพื่อถ่ายทอดวิสัยทัศน์ของแบรนด์ในฐานะเอเจนซี่การตลาดออนไลน์ พร้อมเล่าแนวคิด วิธีทำงาน และประสบการณ์จริงที่พิสูจน์ว่าเราเชี่ยวชาญด้านการตลาดออนไลน์อย่างแท้จริง พร้อมสะท้อนความตั้งใจที่จะช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน

Digital PR กลยุทธ์ที่จะทำให้เว็บไซต์นำหน้าคู่แข่งได้ไม่ยาก

หากสรุปให้เห็นภาพชัดเจนที่สุด การทำเว็บไซต์ให้ดีตามหลัก SEO เป็นเรื่องพื้นฐานที่เราคงทำกันอยู่แล้ว แต่ Digital PR คือแต้มต่อที่ทำจะให้ธุรกิจคุณนำหน้าคู่แข่งได้ไม่ยากเลย เพราะการทำให้คนอื่นพูดถึงแบรนด์เราในพื้นที่ที่ AI ให้ความสำคัญ ช่วยสร้าง Social Proof ที่ทรงพลังกว่ามาก ทั้งในสายตาของลูกค้าจริงๆ และในสายตาของ AI การลงทุนนี้จึงคุ้มค่าเพราะได้ทั้ง Branding ที่แข็งแกร่ง และโอกาสในการเป็นแหล่งข้อมูลที่ AI เลือกเป็นอันดับต้นๆ 

คุณธีรวัชร เกียรติธีราภิวัฒน์ - SEO Specialist ผู้เชี่ยวชาญด้านการรับทำ SEO ของ ANGA (แองก้า) ได้แชร์ว่า

"จากประสบการณ์ที่ผมดูแลเว็บไซต์ลูกค้ามาหลายราย บอกเลยว่าธุรกิจที่มี Digital PR ที่แข็งแรง มักจะฟื้นตัวได้ไวเสมอเมื่อ Google อัปเดต Algorithm เพราะ Digital PR คือหนึ่งในหลักการ E-E-A-T ที่ Google ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในเรื่องความน่าเชื่อถือ (Trustworthiness) การได้รับรองจากสื่อใหญ่คือเครื่องยืนยันว่าคุณคือตัวจริงในวงการ ทำให้ AI มั่นใจที่จะนำเสนอเว็บไซต์คุณก่อนคู่แข่งนั่นเองครับ"