ปัญหาคลาสสิกที่คนทำโฆษณาบน Meta โดยเฉพาะ Facebook Ads ต้องเผชิญเลยก็คือ Ads Creative ถูกปฏิเสธ แม้เราจะมองว่าก็ไม่เห็นมีอะไรผิด ปัญหานี้นอกจากจะสร้างความสับสนให้คนทำโฆษณาแล้ว ยังส่งผลโดยตรงต่อ Performance ของแคมเปญทั้งหมด รันแอดไม่ได้ แถมค่าโฆษณายังแพงขึ้นอีก บางกรณีอาจเสี่ยงถึงขั้นโดนจำกัดบัญชี (Suspended) อีกด้วย จากประสบการณ์ของผมที่ทำ Ads Optimization ให้หลายอุตสาหกรรม สิ่งที่พบซ้ำๆ คือผู้ลงโฆษณามักไม่เข้าใจกระบวนการตรวจสอบของ Facebook หรือไม่รู้ว่าเราพลาดตรงไหนกันแน่ ทีม Ads Optimization ที่รับทำ Facebook Ads ของแองก้า จะมาแชร์สาเหตุที่ทำให้ Facebook Ads Creative โดน Reject บ่อยๆ ผ่านประสบการณ์จริง เพื่อให้นักการตลาดและผู้ประกอบการแก้ปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้นครับ
กระบวนการตรวจสอบโฆษณา Facebook
ใครเคยเจอปัญหานี้บ้าง "ทำไมแอดตัวนี้เคยผ่าน พอมารันใหม่กลับโดน Reject" หรือ "ทำไมคู่แข่งยิงแอดแบบนี้ได้ แต่เรายิงไม่ได้" คำตอบอยู่ที่กระบวนการตรวจสอบของ Meta การทำความเข้าใจกระบวนการนี้จะช่วยให้เราประเมินความเสี่ยงได้แม่นยำขึ้น และหลีกเลี่ยงการลองยิงแอดที่มีความก้ำกึ่งว่าจะผ่านหรือไม่ผ่าน ซึ่งสิ้นเปลืองทั้งงบประมาณและเวลาในการแก้ไขเป็นอย่างมากเลยครับ
กระบวนการตรวจสอบโฆษณา Facebook ด่านแรกโดย AI
โฆษณา Facebook เกือบ 100% จะถูกสแกนโดยระบบอัตโนมัติก่อนเสมอ ซึ่ง AI ถูกฝึกมาให้มองหาการละเมิดนโยบายที่ชัดเจน ไม่เป็นไปตามมาตรฐานการโฆษณา มาตรฐานชุมชน หรือนโยบายและข้อกำหนดอื่นๆ ของ Meta หลักๆ จะเป็นเรื่อง
- Keywords ต้องห้าม AI จะสแกนทั้งใน Copy, Headline และแม้แต่ Text บนภาพ คำที่มักถูกเพ่งเล็ง นอกเหนือจากคำหยาบคายหรือผิดกฎหมาย ได้แก่
- กลุ่มสุขภาพ/ลดน้ำหนัก: ลดความอ้วน, ไขมัน, เห็นผล, การันตี, ก่อน-หลัง
- กลุ่มการเงิน: รวยเร็ว, ได้เงินทันที, การันตีผลตอบแทน
- กลุ่มชี้เฉพาะบุคคล: คำที่เจาะจงอาการ เช่น คนเป็นสิว, คนผมร่วง, คนผิวคล้ำ
- รูปแบบภาพที่ผิดนโยบาย AI ไม่ได้ดูแค่ภาพ แต่วิเคราะห์องค์ประกอบทั้งหมดของภาพด้วย
- Before-After: ชัดเจนที่สุดและโดนบ่อยที่สุด
- ภาพซูมเฉพาะจุด: ภาพซูมสิว, รูขุมขน, ริ้วรอย, หรือแม้แต่ภาพซูมหน้าท้อง แม้จะไม่โป๊เปลือย แต่ระบบอาจตีความว่าเป็นการสร้างความรู้สึกเชิงลบให้กับผู้ใช้
- ภาพที่ส่อไปในทางเพศ: แม้จะไม่ใช่ภาพโป๊ แต่เป็นการโพสท่าทาง หรือเน้นสัดส่วนที่ส่อไปในทางเพศ
- ภาพที่น่ากลัว/รุนแรง: เช่น ภาพเลือด, อุบัติเหตุ, หรือภาพที่สร้างความตื่นตระหนก ปลุกเร้าความรู้สึกมากจนเกินไป
กระบวนการตรวจสอบโฆษณา Facebook ด่านสองโดยคน
กระบวนการตรวจสอบโฆษณา Facebook โดยคน (Human Review) จะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบในบางกรณี เช่น
- เมื่อเรากด "Appeal" (ขอทบทวน): เมื่อ Facebook Ads Creative โดน Reject จาก AI และเรายืนยันว่าไม่ได้ทำผิดนโยบาย คำร้องจะถูกส่งไปให้คนตรวจสอบต่อไป
- เมื่อแอดถูก Report โดยผู้ใช้: หากผู้ใช้หลายคนรายงานโฆษณาของเรา ระบบจะส่งให้คนตรวจสอบซ้ำ
- เมื่อ AI ไม่แน่ใจ: หากเป็นเคสที่ซับซ้อนหรือก้ำกึ่ง AI จะส่งต่อให้ Human Reviewer เป็นคนตัดสิน
ทำไมแอดถึงโดน Reject ย้อนหลัง?
นี่คือคำตอบของคำถามที่ว่า "ทำไมแอดตัวนี้เคยผ่าน พอมารันใหม่กลับโดน Reject" มีความเป็นไปได้สูงว่า AI ในด่านแรกปล่อยผ่าน อาจเพราะระบบเรียนรู้ไม่ทัน แต่ระบบของ Meta จะยังคงเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของผู้ลงโฆษณา และเมื่อโฆษณาถูกสุ่มตรวจโดยคน หรือถูกผู้ใช้ Report ในภายหลัง และพบว่าผิดนโยบาย โฆษณานั้นก็จะถูก Reject ย้อนหลังได้นั่นเองครับ
Facebook ตรวจอะไรบ้างใน Ads Creative?
หลายคนอาจคิดว่า การที่ Ads Creative ถูกปฏิเสธเกิดจากภาพหรือข้อความเป็นหลัก แต่ในความเป็นจริง กระบวนการตรวจสอบของ Meta นั้นละเอียดและครอบคลุมกว่าที่คิด ระบบตรวจสอบไม่ได้ประเมินแค่สิ่งที่คุณเห็น แต่ประเมินประสบการณ์โดยรวมที่ผู้ใช้จะได้รับจากโฆษณาชิ้นนั้น นี่คือเหตุผลว่าทำไมโฆษณาที่ดูผิวเผินว่าไม่ผิดถึงยังถูกปฏิเสธ เพื่อไม่ให้เราเดาทางระบบ แต่เข้าใจระบบมากขึ้น มาดูกันว่า AI ตรวจสอบองค์ประกอบใดบ้าง

1. ข้อความ (Copy)
ข้อความโฆษณาคือสิ่งแรกที่ AI สแกน และเป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ของการโดน Reject ดังนั้นควรตรวจสอบอย่างละเอียด เพราะถ้า Copy ไม่มีคำต้องห้าม โฆษณาก็มีโอกาสผ่านสูงขึ้นกว่า 50% โดยไม่ต้องแก้อะไรอื่นเลยครับ
- ตัดคำต้องห้าม
สแกน Copy ทั้งหมด โดยเฉพาะคำในกลุ่ม Sensitive เช่น สุขภาพ, การเงิน, รูปร่าง, อายุ รวมถึงข้อความที่สื่อถึงผลลัพธ์เกินจริง เช่น การันตี, เห็นผลทันที, ลดได้เร็ว หากยังต้องสื่อสารประโยชน์ของสินค้า ควรอธิบายให้เป็นกลางถึงประโยชน์ที่เป็นข้อเท็จจริง และไม่เจาะจงไปที่เรื่องส่วนบุคคล
- หลีกเลี่ยงการตั้งคำถามชี้เฉพาะ
หลีกเลี่ยงการใช้ข้อความโฆษณาที่ตั้งคำถามหรือชี้ไปที่สถานะส่วนบุคคลของผู้ใช้โดยตรง เช่น เชื้อชาติ ความเชื่อ ศาสนา เพศ สุขภาพร่างกาย หรือสภาวะทางการเงิน เพราะระบบจะมองว่าเป็นการระบุตัวตน หรือบ่งบอกถึงคุณลักษณะที่ละเอียดอ่อนของบุคคล ซึ่งเข้าข่าย Personal Attributes ที่ Facebook ห้ามอย่างเด็ดขาด
- ปรับเป็นโทนให้ข้อมูล
ให้เน้นการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า กระบวนการทำงาน หรือคุณสมบัติที่เป็นข้อเท็จจริง แทนการใช้ข้อความที่ให้ความรู้สึกเป็นการอ้างอิงผลลัพธ์ หรือประสิทธิภาพที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ การสื่อสารในลักษณะนี้ช่วยให้โฆษณาดูน่าเชื่อถือขึ้น และลดความเสี่ยงที่ระบบตรวจสอบของ Facebook จะมองว่าเป็นการเคลมเกินจริง (Claim) ที่อาจสร้างความเข้าใจผิดให้กับผู้ใช้งาน
2. ภาพ (Image)
ระบบตรวจสอบของ Facebook จะประมวลผลภาพด้วยการวิเคราะห์เชิงลึก เพื่อประเมินทุกองค์ประกอบภายในภาพที่อาจกระทบต่อประสบการณ์ผู้ใช้ ไม่ว่าจะเป็นความเหมาะสมของเนื้อหา ภาพที่สื่อความหมายเชิงลบ วิธีการนำเสนอที่เกินจริง องค์ประกอบที่อาจกระตุ้นพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ รวมถึงภาพที่อาจทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิด ระบบจะระบุและปฏิเสธภาพที่เข้าข่ายขัดต่อนโยบายของแพลตฟอร์มโดยอัตโนมัติ
3. วิดีโอ (Video)
การตรวจสอบวิดีโอมีความซับซ้อนกว่าโฆษณาภาพนิ่ง เพราะระบบ AI จะประเมินองค์ประกอบหลายส่วนพร้อมกัน ดังนี้
- ทุกเฟรมของวิดีโอ ระบบจะสแกนเฟรมทั้งหมดเพื่อค้นหาภาพที่อาจผิดนโยบาย แม้จะปรากฏเพียงเสี้ยววินาที
- เสียงพูดและเสียงประกอบ AI วิเคราะห์เนื้อหาของเสียงเพื่อประเมินว่ามีข้อความที่ขัดต่อนโยบายหรือไม่
- ข้อความบนวิดีโอ ระบบจะอ่านข้อความที่ซ้อนอยู่ในวิดีโอเพื่อตรวจสอบความสอดคล้อง และความปลอดภัยของเนื้อหาด้วย
เนื่องจากวิดีโอประกอบด้วยข้อมูลหลายมิติ การถูกปฏิเสธจึงเกิดขึ้นได้ง่าย หากมีองค์ประกอบใดองค์ประกอบหนึ่งไม่ตรงตามมาตรฐานโฆษณาของแพลตฟอร์ม
4. เว็บไซต์ปลายทาง (Landing Page)
Landing Page เป็นอีกหนึ่งจุดที่ทำให้ Ads Creative ถูกปฏิเสธได้ เพราะ Facebook จะใช้ทั้งระบบ AI และ Crawler เข้าไปประเมินเนื้อหาบนเว็บไซต์อย่างละเอียด เพื่อตรวจสอบประเด็นสำคัญๆ บนหน้าเว็บว่ามีความสอดคล้องกับโฆษณาหรือไม่
- โครงสร้างเนื้อหา ระบบจะวิเคราะห์รูปแบบการจัดวางเนื้อหา ความสมบูรณ์ และความเข้าถึงได้ของข้อมูลบนหน้าเว็บ
- ข้อมูลที่ปรากฏทั้งหมด ตรวจสอบข้อความ รูปภาพ และส่วนประกอบต่างๆ ที่ผู้ใช้เห็นว่ามีความเหมาะสมและไม่ขัดต่อนโยบาย
- ความโปร่งใสของข้อมูล ระบบมองหาส่วนที่เกี่ยวกับข้อมูลธุรกิจ เช่น การติดต่อ, ข้อมูลผู้ให้บริการ, นโยบายความเป็นส่วนตัว
- ความสอดคล้องกับโฆษณา ข้อความในแอด สินค้า ราคา และข้อเสนอที่ระบุ ต้องตรงกับเนื้อหาบนหน้าเว็บ
- ความน่าเชื่อถือโดยรวม หน้าเว็บต้องไม่ดูเป็น Spam, ไม่มี Pop-up รบกวนมากเกินไป และไม่ใช้กลยุทธ์ที่ทำให้ผู้ใช้เกิดความเข้าใจผิด
7 สาเหตุยอดฮิตที่ทำให้ Ads Creative โดน Reject

- การย้ำไปที่จุดใดจุดหนึ่ง อาจเป็นการสร้างความรู้สึกเชิงลบ หรือทำให้ผู้ใช้รู้สึกด้อยค่าตัวเอง
ทำไมถึงห้าม: การย้ำไปที่จุดใดจุดหนึ่ง หรือการย้ำถึงปัญหาที่ละเอียดอ่อนในที่สาธารณะ เช่น การเน้นย้ำเรื่องรูปร่าง ผิวพรรณ หรือสถานะทางการเงิน อาจทำให้ผู้ใช้รู้สึกไม่ดีและรู้สึกว่าตนเองด้อยค่าได้
- เนื้อหา Before-After เป็นรูปแบบที่ Facebook ควบคุมเข้มที่สุด
ทำไมถึงห้าม: เพราะเป็นการกระตุ้นความคาดหวังเกินจริง และอาจสร้างผลกระทบเชิงลบด้านความรู้สึกของผู้ใช้งานได้ เช่น ความกดดันเรื่องรูปร่างหรือผิวพรรณ จึงถูกจัดว่าเป็นเนื้อหาที่ส่งผลต่อสภาพจิตใจ
- คำกล่าวอ้างที่พิสูจน์ไม่ได้ ทุกคำที่มีการระบุผลลัพธ์ การันตี หรือรับรองอะไรที่ไม่มีหลักฐาน
ทำไมถึงห้าม: เพื่อป้องกันข้อมูลโฆษณาที่อาจหลอกลวงหรือสร้างความเข้าใจผิด โดยเฉพาะธุรกิจที่ส่งผลต่อชีวิตและการเงิน ซึ่ง Facebook ใช้นโยบายเดียวกับมาตรฐานโฆษณาระดับสากล
- คอนเทนต์การเงิน ความงาม สุขภาพ เป็นกลุ่มเนื้อหาที่มีความเสี่ยงสูงที่ Ads Creative มักโดน Reject
ทำไมถึงห้าม: เพราะเป็นหมวด YMYL (Your Money or Your Life) ซึ่งมีผลกระทบโดยตรงต่อชีวิต การเงินของผู้ใช้ Facebook จึงตั้งมาตรฐานเรื่องความปลอดภัยสูง เพื่อจำกัดโฆษณาที่อาจทำให้ผู้ใช้งานเสียหายได้
- เนื้อหาเชิงอนาจารหรือสื่อถึงเรือนร่าง แม้ไม่ใช่ภาพโป๊ แต่ถ้าดูสื่อความหมายทางเพศ ก็มีสิทธิ์ถูกปฏิเสธได้
ทำไมถึงห้าม: แพลตฟอร์มต้องการรักษาสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับทุกวัย และคงความปลอดภัยให้แบรนด์ที่ลงโฆษณาบน Facebook
- ละเมิดลิขสิทธิ์ (Copyright/Trademark) ตั้งแต่โลโก้, ฟุตเทจ, เพลง, งานภาพ
ทำไมถึงห้าม: Facebook ต้องปฏิบัติตามกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเคร่งครัด และไม่ต้องการให้แพลตฟอร์มของตัวเองเป็นพื้นที่เผยแพร่เนื้อหาที่ละเมิดสิทธิ์เจ้าของทรัพย์สิน
- Landing Page ไม่ตรงกับโฆษณา เนื้อหาในแอดและหน้าเว็บไซต์ปลายทางต้องสอดคล้องกัน
ทำไมถึงห้าม: เพื่อป้องกันพฤติกรรมที่เข้าข่ายหลอกลวงผู้บริโภค เพราะผู้ใช้คาดหวังว่าจะเห็นสิ่งที่โฆษณาไว้จริงๆ การพาไปหน้าเว็บที่ข้อมูลไม่ตรงอาจทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจ และกระทบความน่าเชื่อถือของแพลตฟอร์มได้
วิธีแก้ไขโฆษณา Facebook ไม่ผ่าน โดนปฏิเสธ (ตัวอย่างจากเคสจริง)
กรณีศึกษา โฆษณา Health & Wellness กับปัญหาภาพ Before–After
ในสาย Health & Wellness เราจะคุ้นเคยกับการใช้ภาพ Before–After เพื่อแสดงผลลัพธ์ที่ชัดเจน เพราะรูปแบบนี้มักช่วยเพิ่ม CTR และจำนวนลีดได้จริง แต่ในมุมของ Facebook ภาพ Before–After ถือเป็นหนึ่งในคอนเทนต์ที่ถูกจับตามองสูงที่สุด เนื่องจากเข้าข่ายสร้างความคาดหวังเกินจริง และทำให้ผู้ใช้รู้สึกไม่ดีต่อรูปลักษณ์ของตนเอง
วิธีแก้ไขโฆษณา Facebook ไม่ผ่าน
วิธีแก้ที่ปลอดภัยที่สุด ทีม Ad Optimizer ของแองก้าจะแนะนำให้ธุรกิจใช้ภาพผลลัพธ์ หรือภาพ After เพียงภาพเดียว โดยเน้นภาพที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่โอเวอร์ ไม่ซูมเฉพาะจุด และไม่สื่อถึงการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงจนเกินจริง ซึ่งเป็นวิธีที่ Meta แนะนำ และเป็นทางเลือกที่ลดความเสี่ยงการถูก Reject ได้มากที่สุดในระยะยาว

แล้วทำไมเรายังเห็นโฆษณาที่เป็นภาพ Before-After
ผู้ลงโฆษณาบางรายอาจเลือกที่จะลบคำว่า Before-After ออกจากภาพ แล้วใช้เป็นภาพเปรียบเทียบอย่างเดียว ซึ่งในบางกรณีโฆษณาก็จะผ่านการตรวจสอบในรอบแรก
แต่ขอย้ำว่าวิธีนี้ยังคงมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกปฏิเสธซ้ำ หรือถูก Reject ย้อนหลังได้ เพราะระบบตรวจสอบของ Meta จะวิเคราะห์ภาพรวมไม่ว่าจะเป็น โทนหรือองค์ประกอบที่บ่งบอกการเปลี่ยนแปลงก่อน–หลัง ความคล้ายคลึงกับโฆษณาที่เคยถูกปฏิเสธในอดีต รวมถึงพฤติกรรมการลงแอดของบัญชีทั้งหมด เมื่อมีปัจจัยใดผิดนโยบายแม้เพียงเล็กน้อย ระบบก็สามารถตีตกโฆษณาได้ทันทีเลยครับ
กรณีศึกษา โฆษณา Financial Services กับปัญหาข้อความโฆษณา
ในกลุ่มธุรกิจการเงิน มักใช้คำโฆษณาที่สื่อถึงผลลัพธ์ที่รับประกันได้ โดยเฉพาะคำว่า “การันตี, ได้เงินชัวร์” เพราะ Meta มองว่าคำลักษณะนี้ อาจทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดเกี่ยวกับผลลัพธ์ทางการเงิน ซึ่งเป็นประเด็นด้านความเชื่อมั่นและความปลอดภัยของผู้ใช้โดยตรง
วิธีแก้ไขโฆษณา Facebook ไม่ผ่าน
จากประสบการณ์ทีม Ad Optimizer ของแองก้า เราแนะนำให้หลีกเลี่ยงคำที่บ่งบอกว่าจะให้ผลลัพธ์แน่นอน แล้วเน้นอธิบายขั้นตอนการให้บริการ เงื่อนไขที่ต้องทราบ ข้อมูลข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ หรือนำเสนอว่า “บริการช่วยอย่างไร” แทนที่จะสัญญาว่า “ผลลัพธ์จะเกิดขึ้นแน่นอน”
เมื่อแก้ไข Ads Creative เรียบร้อยแล้ว ให้ขอรับการตรวจสอบใหม่
วิธีส่ง Ads Creative ตรวจสอบใหม่ทำได้ดังนี้
- ไปที่หน้า คุณภาพบัญชี (Account Quality)
- เลือกโฆษณาที่ถูกปฏิเสธ
- กด Request Review เพื่อขอให้ตรวจสอบใหม่
- รอผลการตรวจสอบ ปกติใช้เวลาประมาณ 24 ชม.
ข้อแนะนำ ระหว่างที่รอผล ห้ามเข้าไปแก้ไขโฆษณาตัวนั้นเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็น รูป, ข้อความ, กลุ่มเป้าหมาย หรือ Optimization เพราะจะทำให้การตรวจสอบถูกรีเซ็ตครับ
ไม่อยากโดน Reject แอดบ่อยๆ เริ่มที่ความเข้าใจ ก่อนแก้ไข
สิ่งสำคัญคือ ผู้ลงโฆษณาต้องเข้าใจว่า Facebook ตรวจสอบอะไรบ้างใน Ads Creative ไม่ใช่เฉพาะข้อความ แต่รวมถึงเจตนาการสื่อสาร โทนการนำเสนอ และความเสี่ยงด้านความเข้าใจผิด เมื่อเข้าใจกลไกนี้อย่างลึกซึ้ง เราก็จะเลี่ยงองค์ประกอบที่จะทำให้โดนปฏิเสธ และสร้างโฆษณาที่ปลอดภัยและผ่านได้อย่างราบรื่น ลดโอกาสเกิดปัญหาใหญ่ เช่น โฆษณาถูกปฏิเสธบ่อยจนบัญชีโฆษณา (Ad Account) เพจธุรกิจ หรือแม้แต่บัญชีผู้ใช้ของคนที่โพสต์หรือคนที่รันแอดถูกจำกัดหรือถูกปิด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจในระยะยาวได้เลยครับ
“ถ้าวันนี้ Ads Creative ผ่าน ก็ไม่ได้แปลว่าจะรันได้ยาวตลอดไปนะครับ เพราะระบบของ Meta จะทำการตรวจสอบอยู่เรื่อยๆ การมีทีมผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลและ Optimize ทุกวันจึงสำคัญมาก โดยเฉพาะเมื่อเกิดปัญหาโฆษณาถูกปฏิเสธ เพจโดนจำกัด ซึ่งระบบจะไม่ได้แจ้งเตือนตลอดเวลา จึงเป็นหน้าที่ของทีม Ad Optimizer ที่จะเข้ามาดูแลและแก้ปัญหาให้ทันที พร้อมประสานงานกับ Meta โดยตรง เพื่อให้คุณได้รับคำแนะนำที่แม่นยำกว่า และกลับมารันโฆษณาได้เร็วที่สุดครับ”






