เอเจนซี่รับทำ SEO ติด Google ระยะยาวอย่างมีคุณภาพ

ขั้นตอนการทำ SEO ในแต่ละเว็บไซต์นั้น มีหลากหลายมิติที่ต้องตรวจสอบและแก้ไขให้ดีขึ้น ซึ่งเราจะโฟกัส 2 เดือนแรกในการวางแผนคำค้นหาที่สำคัญต่อธุรกิจ (Keyword Research) ตรวจสอบสุขภาพเว็บไซต์เชิงเทคนิค (Technical SEO) รวมถึงลงมือเขียนเนื้อหา (Onsite Content) เมื่อเว็บไซต์มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น และเนื้อหานั้นถูกอัปโหลดขึ้นบนเว็บไซต์ อาจใช้เวลาสักพักกว่า Google จะตรวจสอบเว็บไซต์ธุรกิจ และนำไปจัดอันดับ ซึ่งระหว่างนี้นอกจากการปรับปรุงเว็บไซต์อย่างต่อเนื่องแล้ว จะมีการทำ Backlink ซึ่งเป็น Offsite Strategy ในการผลักดันความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ ด้วยกระบวนการทั้งหมดนี้จึงทำให้บริการรับทำ SEO โดยทั่วไปนั้นใช้เวลาตั้งแต่ 3 เดือน จึงจะเห็นผลลัพธ์ แต่จะได้ประสิทธิภาพสูงสุดจริงๆ คือหลัง 9 เดือนเป็นต้นไป

ในปี 2025 นี้ Backlink ถูกลดทอนความสำคัญลงมา เนื่องจาก Google Algorithm ครั้งล่าสุด ที่หันมาให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาคุณภาพสูงบนเว็บไซต์ของตัวเอง โดยเนื้อหานั้นจะต้องถูกเขียนโดยผู้เชี่ยวชาญ หรือมีประสบการณ์จริงด้วย เพราะการทำ SEO ที่ดีคือการให้ประโยชน์ต่อผู้ใช้งานเว็บไซต์ของเรา นั่นคือจุดประสงค์ที่แท้จริง แต่การทำ Backlink นั้นเป็นเพียงการส่งเสริม หรือกระตุ้นการมองเห็นของ Google Bot ในปัจจุบัน

บริการรับทำ SEO สายขาวนั้น มักถูกระบุการทำงานเป็น 12 เดือน เนื่องจากมีเฟสในการทำงานชัดเจน ตั้งแต่ระยะการ Set-up Campaign ให้ตรงกับสิ่งที่ธุรกิจต้องการ รวมถึงขั้นตอนการเริ่มดำเนินการ ซึ่งโดยปกติมักจะจบใน 3 เดือนแรก แต่ในบางธุรกิจที่เว็บไซต์นั้นมีการแข่งขันบน Google Search ที่ค่อนข้างสูง เช่น SEO E-commerce มักจะเจอกับผลลัพธ์ที่ช้ากว่าธุรกิจประเภทอื่นๆ ทำให้การทำ SEO อย่างต่อเนื่องจะช่วยทำให้ธุรกิจได้รับผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด และมั่นใจว่าหลังจากจบแคมเปญไปแล้ว เว็บไซต์ธุรกิจจะยังสามารถถูกจัดอันดับบน Google ต่อไปได้

การวัดผลของบริการทำ SEO นั้นจะมีอยู่ 3 ช่วงใหญ่ๆ ผลลัพธ์ในช่วงแรก มักเป็นสิ่งที่หลายธุรกิจคาดหวัง นั่นก็คือ การจัดอันดับเว็บไซต์ของเราบนตำแหน่งสูงๆ (Organic Ranking) จำนวนคลิก (Click) และจำนวนครั้งที่เว็บไซต์เราถูกแสดงบน Google Search (Impressions) ในช่วงที่ 2 นั้นธุรกิจควรคาดหวังจำนวนผู้ใช้งานเว็บไซต์ที่เพิ่มขึ้นในแง่ Active Users และ Engaged Sessions ซึ่งดูได้จาก Google Analytics 4 และช่วงสุดท้าย ซึ่งหลายธุรกิจมักมองข้าม คือ “ยอดขาย” หรืออีเวนท์ที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ที่ส่งผลต่อการเติบโตของธุรกิจ เรามักเรียกว่า Conversion เช่น จำนวนครั้งที่ผู้ใช้งานติดต่อธุรกิจเรา ทั้งผ่านการกดโทร การแอดไลน์ รวมถึงการกรอกฟอร์มบนหน้าเว็บไซต์ที่ทำ SEO

ในหลายธุรกิจ เราสามารถวัดยอดขายเป็นตัวเลขได้บน Google Analytics 4 ผ่านการติดตั้ง Tracking ด้วย Google Tag Manager แต่ในหลายธุรกิจอาจวัดตัวเลขไม่ได้ มักมี CRM เข้ามาเป็นตัวกลางในการติดตาม Leads จากการทำ SEO เช่น HubSpot ซึ่งส่วนนี้ทาง ANGA จะพูดคุยกับทีม Marketing ของแต่ละธุรกิจ เพื่อหารือและตกลงร่วมกันก่อนว่า เราจะวัดผลด้วยโซลูชั่นไหน จึงจะทำให้การทำ SEO ของคุณได้เห็นประโยชน์สูงสุด และสร้างผลลัพธ์จากการลงทุนให้ตอบโจทย์ธุรกิจคุณ

ค่าบริการรับทำ SEO ของ ANGA นั้นรวมไปถึงการปรับปรุงเว็บไซต์เชิงเทคนิคให้มีคุณภาพที่ดีต่อ Google และ User ที่เข้ามาใช้งานเว็บไซต์ รวมไปถึงการอัปโหลดเนื้อหาไม่ว่าจะเป็นหน้า Product / Service หรือบทความก็ตาม ซึ่งเราจำเป็นจะต้องได้รับ Access เข้า Content Management System (CMS) ของเว็บไซต์เท่านั้น จึงจะดำเนินการให้ได้ โดยทั่วไป 70% ของเว็บไซต์ที่ดูแลจะใช้ WordPress แต่หากเว็บไซต์มี CMS ที่ถูกพัฒนาด้วย Technology ประเภทอื่นๆ เช่น Magento, Shopify, Kentico, React หรือ Hard-coding ทาง ANGA ก็มีผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO Technicial ในการดูแลให้ แต่ต้องพูดคุยถึงขอบเขตและระยะเวลาการทำงานที่อาจเปลี่ยนแปลงได้

เนื้อหาที่จะทำให้เกิดผลลัพธ์เชิง SEO นั้นจะเกิดขึ้นจาก 2 ประเภท เนื้อหาแรกคือเนื้อหาที่อยู่บนเว็บไซต์ของเรา ไม่ว่าจะเป็นบทความที่ช่วยดึงผู้ใช้งานเข้าเว็บไซต์ผ่านการค้นหาประเภท Informational และ Navigational รวมถึงเนื้อหาบนหน้าสำคัญๆ อย่าง Product & Service ซึ่งเราเรียกทั้งหมดนี้ว่า On-page Content หรือ Onsite Content อีกส่วนนึงที่เรียกว่า Off-page Content หรือ Offsite Content จะเป็นเนื้อหาที่เอเจนซี่รับทำ SEO อย่าง ANGA จะติดต่อ Publishers ที่มีชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือในประเทศไทย (หากเป็น SEO ต่างประเทศก็มักจะใช้ Publisher ต่างประเทศ) เพื่อขอลงบทความประเภท PR News หรือให้ความรู้ โดยมีการทำ Backlink กลับมาที่เว็บไซต์ธุรกิจเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือบนโลกออนไลน์ ซึ่งส่งผลต่อการพิจารณาของ Google ด้วย

บริการทำ SEO ของ ANGA ครอบคลุมไปถึงการดูแล Local SEO ที่ทำให้ธุรกิจปรากฏบน Google Maps และ Local Pack สำหรับธุรกิจที่มีหน้าร้านหรือสำนักงาน โดยเริ่มจากการวิเคราะห์ธุรกิจอย่างลึกซึ้ง ทั้งกลุ่มลูกค้า คู่แข่ง และพื้นที่ให้บริการ เพื่อคัดเลือก Keyword เชิงกลยุทธ์ที่สร้างยอดขายได้จริง เราดูแลตั้งแต่การทำ Google Business Profile ให้สมบูรณ์ ทั้งข้อมูลพื้นฐาน รูปภาพ และรีวิว รวมถึงการทำ Schema Markup บนเว็บไซต์ การสร้าง Local Citation และการจัดการรีวิวบนแพลตฟอร์มต่างๆ ซึ่งเหมาะสำหรับธุรกิจท้องถิ่นที่ต้องการเจาะกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ เช่น ร้านอาหาร คลินิก หรืออู่ซ่อมรถ โดยเฉพาะในปี 2025 ที่ Google ให้ความสำคัญกับ Location-based Search มากขึ้น