ทำความรู้จัก hreflang โค้ดสำคัญสำหรับเว็บไซต์หลายภาษา
hreflang หรือ hreflang Tag เป็นสิ่งที่สำคัญมาก สำหรับธุรกิจที่มีฐานลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมาย ทั้งในและนอกต่างประเทศ เพราะ hreflang คือสิ่งที่จะทำให้ Google รู้ว่าเว็บไซต์ของคุณรองรับภาษาอะไรบ้าง เมื่อมีผู้ใช้งานค้นหาข้อมูลด้วยภาษานั้น ๆ Google ก็จะนำเสนอเว็บไซต์ของคุณในภาษาที่ตรงกับภูมิภาคของผู้ใช้งาน ซึ่งจะส่งผลดีต่อ User Experience เพิ่มโอกาสในการติดอันดับ SEO ในหลายภาษา ลดปัญหาการเกิด Duplicate Content และมีส่วนช่วยให้ Conversion Rate สูงขึ้นด้วย และในวันนี้ ANGA ก็จะมาอธิบายให้คุณเข้าใจว่า hreflang คืออะไร พร้อมความสำคัญและวิธีติดตั้ง hreflang บนเว็บไซต์ อัปเดต 2025
hreflang คืออะไร
hreflang คือแอตทริบิวต์ HTML ที่ใช้ระบุภาษาและภูมิภาคเป้าหมายของเนื้อหาเว็บไซต์ มีหน้าที่บอกให้ Google และเครื่องมือค้นหาอื่น ๆ รู้ว่าหน้าเว็บนั้นเหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ใช้ภาษาใดหรืออยู่ในภูมิภาคไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาเดียวกันแต่นำเสนอในหลายภาษาหรือปรับแต่งให้เหมาะกับตลาดในหลายประเทศ
hreflang ย่อมาจาก Hypertext Reference Language เมื่อใช้อย่างถูกต้อง Google จะสามารถแสดงเวอร์ชันของเว็บไซต์ที่เหมาะสมที่สุดให้กับผู้ใช้แต่ละคนได้ เช่น ผู้ใช้ในประเทศไทยที่ใช้ภาษาไทยจะเห็นเวอร์ชันภาษาไทย ในขณะที่ผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกาที่ใช้ภาษาอังกฤษจะเห็นเวอร์ชันภาษาอังกฤษ ทั้งนี้ช่วยเพิ่มประสบการณ์ผู้ใช้และลดความสับสนที่อาจเกิดขึ้นเมื่อผู้ใช้พบเนื้อหาที่ไม่ได้อยู่ในภาษาที่ต้องการ
hreflang เหมาะกับเว็บไซต์แบบไหนบ้าง
hreflang เหมาะสำหรับเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาในหลายภาษาหรือเนื้อหาที่ปรับให้เหมาะกับผู้ใช้ในหลายภูมิภาค โดยเฉพาะธุรกิจที่ขยายตัวสู่ตลาดต่างประเทศ ตัวอย่างเช่น เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่ขายสินค้าให้ลูกค้าทั่วโลก เว็บไซต์ท่องเที่ยวที่นำเสนอข้อมูลในหลายภาษา หรือแบรนด์ระดับโลกที่มีเวอร์ชันเว็บไซต์เฉพาะสำหรับแต่ละประเทศ เช่น เว็บไซต์ภาษาไทยสำหรับลูกค้าในไทย และเว็บไซต์ภาษาอังกฤษสำหรับลูกค้าในสหรัฐอเมริกา แม้ว่าจะเป็นเนื้อหาเดียวกันแต่ถูกแปลหรือปรับให้เหมาะกับแต่ละตลาด การใช้ hreflang จะช่วยให้ Google แสดงหน้าเว็บที่เหมาะสมที่สุดในผลการค้นหาของผู้ใช้แต่ละคน
hreflang สำคัญกับ SEO เว็บไซต์อย่างไร
hreflang มีความสำคัญอย่างมากต่อ SEO สำหรับเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาหลายภาษาหรือเนื้อหาสำหรับหลายภูมิภาค เพราะช่วยให้ Google ส่งผู้ใช้ไปยังเวอร์ชันที่เหมาะสมที่สุดของเว็บไซต์คุณ ซึ่งส่งผลดีต่อ SEO ในหลายด้าน การใช้ hreflang ช่วยป้องกันปัญหาเนื้อหาซ้ำซ้อน (Duplicate Content) ซึ่งเป็นสิ่งที่ Google ไม่ชอบ เมื่อคุณมีเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาคล้ายกันแต่เป็นคนละภาษา Google อาจเข้าใจผิดว่าเป็นการคัดลอกเนื้อหา แต่การใช้ hreflang จะบอก Google ว่าเนื้อหาเหล่านี้เป็นเวอร์ชันแปลที่ถูกต้องสำหรับผู้ใช้แต่ละกลุ่ม
- ป้องกันปัญหา Duplicate Content – ช่วยให้ Google เข้าใจว่าเนื้อหาที่คล้ายกันในหลายภาษาไม่ใช่การคัดลอก แต่เป็นการแปลสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน
- ลดอัตราการตีกลับ (Bounce Rate) – ผู้ใช้จะได้เห็นเนื้อหาในภาษาที่พวกเขาเข้าใจ ทำให้มีแนวโน้มที่จะอยู่บนเว็บไซต์นานขึ้น
- เพิ่มอัตราการคลิก (CTR) – ผู้ใช้มักจะคลิกเข้าชมเว็บไซต์ที่แสดงในภาษาของตนมากกว่า
- ปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ – การแสดงเนื้อหาที่เหมาะสมกับภาษาและภูมิภาคของผู้ใช้ทำให้ประสบการณ์การใช้งานดีขึ้น
- ขยายตลาดสู่ต่างประเทศ – ช่วยให้เว็บไซต์เข้าถึงผู้ใช้ในตลาดต่างประเทศได้ดีขึ้น
นอกจากนี้ การใช้ hreflang ยังช่วยให้ Google เข้าใจโครงสร้างเว็บไซต์ของคุณได้ดีขึ้น ทำให้ระบบสามารถจัดหมวดหมู่และจัดอันดับเว็บไซต์ของคุณได้อย่างถูกต้อง เมื่อผู้ใช้ได้รับเนื้อหาที่ตรงกับภาษาและวัฒนธรรมของพวกเขา พวกเขามีแนวโน้มที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับเว็บไซต์มากขึ้น ซึ่งส่งสัญญาณเชิงบวกไปยัง Google ว่าเว็บไซต์ของคุณมีคุณภาพและเป็นประโยชน์
วิธีติดตั้ง hreflang Tag บนเว็บไซต์
การติดตั้ง hreflang tag บนเว็บไซต์สามารถทำได้หลายวิธีขึ้นอยู่กับแพลตฟอร์มที่คุณใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น WordPress, Shopify, หรือเว็บไซต์ที่พัฒนาด้วย HTML ทั่วไป ต่อไปนี้เป็นวิธีติดตั้ง hreflang tag บนแพลตฟอร์มที่นิยมใช้งาน
การติดตั้งบน WordPress
WordPress คือระบบ CMS ที่ใช้ในการสร้างเว็บไซต์ ตอบโจทย์กับการทำ SEO และทำเว็บไซต์หลายภาษาอย่างมาก คุณสามารถติดตั้ง hreflang บน WordPress ได้ด้วยวิธีนี้
- ใช้ปลั๊กอิน WPML หรือ Polylang
- ปลั๊กอิน WordPress เหล่านี้จัดการหน้าเว็บหลายภาษาและเพิ่ม hreflang tag ให้โดยอัตโนมัติ
- หลังจากติดตั้งปลั๊กอิน ให้ตั้งค่าภาษาหลักและภาษาที่ต้องการเพิ่ม
- สร้างหน้าเว็บในแต่ละภาษาและเชื่อมโยงหน้าเหล่านั้นเข้าด้วยกัน
- ใช้ปลั๊กอิน Yoast SEO
- เข้าไปที่การตั้งค่า Yoast SEO > ขั้นสูง > RSS
- เปิดใช้งานฟีเจอร์ hreflang และกำหนดภาษาหลักของเว็บไซต์
- เพิ่มภาษาเพิ่มเติมตามต้องการ
- แก้ไขไฟล์ functions.php
- หากคุณต้องการแก้ไขด้วยตัวเอง สามารถเพิ่มโค้ดในไฟล์ functions.php ของธีม:
| function add_hreflang_tags() { // ตัวอย่างสำหรับเว็บไซต์ที่มีภาษาไทยและอังกฤษ echo ‘<link rel=”alternate” href=”https://example.com/th/” hreflang=”th” />’ . “\n”; echo ‘<link rel=”alternate” href=”https://example.com/en/” hreflang=”en” />’ . “\n”; echo ‘<link rel=”alternate” href=”https://example.com/” hreflang=”x-default” />’ . “\n”;}add_action(‘wp_head’, ‘add_hreflang_tags’); |
การติดตั้งบน Shopify
Shopify มีระบบจัดการภาษาในตัว ซึ่งช่วยให้การติดตั้ง hreflang tag ทำได้ง่าย
- ใช้ฟีเจอร์ Markets ของ Shopify
- ไปที่ Settings > Markets
- เพิ่มตลาดใหม่สำหรับแต่ละภาษา/ภูมิภาค
- ระบบจะเพิ่ม hreflang tag ให้โดยอัตโนมัติ
- แก้ไขไฟล์ theme.liquid
- ไปที่ Online Store > Themes > Actions > Edit code
- เปิดไฟล์ theme.liquid
- เพิ่มโค้ด hreflang ในส่วน <head>
| {% if template == ‘index’ %} <link rel=”alternate” hreflang=”en” href=”https://example.com/en” /> <link rel=”alternate” hreflang=”th” href=”https://example.com/th” /> <link rel=”alternate” hreflang=”x-default” href=”https://example.com” />{% endif %} |
การติดตั้งบนเว็บไซต์ HTML ทั่วไป
สำหรับเว็บไซต์ที่พัฒนาด้วย HTML ทั่วไป
- เพิ่ม tag ในส่วน <head> ของทุกหน้า:
- เปิดไฟล์ HTML ของแต่ละหน้า
- เพิ่มโค้ด hreflang tag ระหว่างแท็ก <head> และ </head>
| <head> <!– โค้ด head อื่น ๆ –> <link rel=”alternate” hreflang=”th” href=”https://example.com/th/page.html” /> <link rel=”alternate” hreflang=”en” href=”https://example.com/en/page.html” /> <link rel=”alternate” hreflang=”x-default” href=”https://example.com/page.html” /></head> |
- ใช้ JavaScript สร้าง tag อัตโนมัติ:
- เพิ่มสคริปต์ที่สร้าง hreflang tag ตามโครงสร้าง URL
| <script> // ตัวอย่างสคริปต์ที่สร้าง hreflang tag อัตโนมัติ const currentURL = window.location.href; const baseURL = ‘https://example.com’; const path = window.location.pathname; const languages = [‘en’, ‘th’, ‘ja’]; const head = document.querySelector(‘head’); languages.forEach(lang => { const link = document.createElement(‘link’); link.rel = ‘alternate’; link.hreflang = lang; link.href = `${baseURL}/${lang}${path}`; head.appendChild(link); }); // เพิ่ม x-default const defaultLink = document.createElement(‘link’); defaultLink.rel = ‘alternate’; defaultLink.hreflang = ‘x-default’; defaultLink.href = `${baseURL}${path}`; head.appendChild(defaultLink);</script> |
วิธีตรวจสอบหลังติดตั้ง hreflang tag
- ใช้ Google Search Console เข้าไปที่ Search Console > การแสดงผลบนการค้นหา > นานาชาติ > hreflang ตรวจสอบการแจ้งเตือนหรือข้อผิดพลาดที่เกี่ยวกับ hreflang
- ใช้เครื่องมือตรวจสอบออนไลน์ มีเว็บไซต์หลายแห่งที่ให้บริการตรวจสอบ hreflang tag เช่น Sistrix, Ahrefs, หรือ SEMrush
- ตรวจสอบโค้ดด้วยตนเอง ดูโค้ด HTML ของหน้าเว็บด้วยการคลิกขวาและเลือก “ตรวจสอบองค์ประกอบ” ค้นหา hreflang tag ในส่วน <head> เพื่อยืนยันว่าถูกติดตั้งอย่างถูกต้อง
บทสรุป
หากกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจคุณมีทั้งลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติ การปรับแต่งเว็บไซต์ให้รองรับหลายภาษาและติดตั้ง hreflang จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เทคนิคนี้ช่วยให้เว็บไซต์แสดงภาษาที่เหมาะสมโดยอัตโนมัติตามภูมิภาคของผู้ใช้ ทำให้พวกเขาไม่ต้องพึ่งพา Google Translate ซึ่งมักแปลได้ไม่สมบูรณ์ เมื่อผู้ใช้พบเว็บไซต์ที่นำเสนอทั้งเนื้อหาที่ต้องการและในภาษาที่เข้าใจได้ทันที พวกเขาจะใช้เวลาบนเว็บไซต์ของคุณนานขึ้น ลดอัตราการกดออกเพื่อไปหาเว็บไซต์คู่แข่ง และเพิ่มโอกาสในการเปลี่ยนผู้เยี่ยมชมให้กลายเป็นลูกค้าของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บทความที่เกี่ยวข้อง
จดโดเมน .co.th ทำอย่างไร ใช้เอกสารอะไรบ้าง จดที่ไหนดี 2025
