1. หน้าหลัก
  2. อัปเดตการตลาด
  3. Conversion Rate คืออะไร คำนวณยังไง ใช้วิเคราะห์อะไรบ้าง
Conversion Rate คือ
เผยแพร่เมื่อ: กุมภาพันธ์ 28, 2025

Conversion Rate คืออะไร คำนวณยังไง ใช้วิเคราะห์อะไรบ้าง

Table Of Contents

ถ้าคุณทำการตลาดออนไลน์มาได้สักพักแล้ว แต่ยังไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน ยอดขายไม่สูงขึ้น หรือไม่บรรลุเป้าหมายสักที คุณคงต้องมาทำความเข้าใจเรื่อง Conversion Rate ได้แล้ว เพราะ Conversion Rate คือตัวชี้วัดที่จะบอกว่าแคมเปญการตลาดที่ทำอยู่นั้นได้ผลจริงหรือไม่ จากยอดการเข้าชมทั้งหมด มีกี่คนที่ตัดสินใจซื้อสินค้าของคุณจริง ๆ บ้าง? Conversion Rate หรือ CVR สามารถใช้ในการวัดผลได้ทั้งการทำ SEO และแคมเปญโฆษณา ซึ่ง ANGA จะพาคุณไปทำความเข้าใจว่า Conversion Rate คืออะไร, คิดยังไง, มีกี่ประเภท และมีความสำคัญอย่างไรผ่านบทความนี้ พร้อมแนะนำวิธีเพิ่ม Conversion Rate บนเว็บไซต์ที่เห็นผลจริง

Conversion Rate คืออะไร

Conversion Rate คืออัตราส่วนระหว่างจำนวนผู้ที่ทำกิจกรรมสำเร็จตามที่ธุรกิจคาดหวัง เทียบกับจำนวนผู้เข้าชมทั้งหมด ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดสำคัญที่ทุกธุรกิจนำมาใช้วัดความสำเร็จของแคมเปญทางการตลาดที่ทำลงไป เช่น หากมีผู้เข้าชมเว็บไซต์ 2,500 คน และมีคนซื้อสินค้า 175 คน Conversion Rate จะเท่ากับ 7% เป็นต้น ทั้งนี้ เป้าหมายดังกล่าวไม่จำเป็นต้องเป็นยอดขายเสมอไป อาจจะเป็นยอดการสมัครสมาชิกเว็บไซต์ หรือการดาวน์โหลดเอกสารก็ได้ ขึ้นอยู่กับการกำหนดของแต่ละธุรกิจ

Conversion Rate คิดยังไง

การคำนวณ Conversion Rate จะใช้สูตรพื้นฐานคือ (จำนวน Conversion / จำนวนผู้เข้าชมทั้งหมด) x 100 ยกตัวอย่างเช่น เว็บไซต์ขายของออนไลน์แห่งหนึ่งมีผู้เข้าชมเว็บไซต์ 800 คน และมีคนสั่งซื้อสินค้า 120 คน Conversion Rate จะเท่ากับ (120 x 100) / 800 = 15% ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่อยู่ในเกณฑ์ดี โดยการวิเคราะห์ Conversion Rate จะช่วยให้ธุรกิจสามารถประเมินประสิทธิภาพของกลยุทธ์การตลาดและปรับปรุงให้ดีขึ้นได้นั่นเอง

ตัวอย่าง Conversion Rate มีอะไรบ้าง

  • การสั่งซื้อสินค้าบนร้านค้าออนไลน์
  • การสมัครสมาชิกเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์ม
  • การลงทะเบียนรับจดหมายข่าว (Newsletter)
  • การกรอกแบบฟอร์มขอใบเสนอราคา
  • การลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมหรืองานสัมมนา
  • การติดต่อผ่านช่องทางไลฟ์แชตหรือแชตบอต
  • การดาวน์โหลดเอกสารหรือคู่มือสินค้า
  • การแชร์เนื้อหาบนโซเชียลมีเดีย

ประเภทของ Conversion Rate

Conversion Rate สามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามวัตถุประสงค์การใช้งานและการวัดผล โดยแต่ละประเภทมีความสำคัญในการวิเคราะห์ประสิทธิภาพการตลาดที่แตกต่างกัน เพื่อให้ธุรกิจสามารถเลือกใช้ตัวชี้วัดที่เหมาะสมกับเป้าหมายและกลยุทธ์การตลาด พร้อมทั้งวางแผนปรับปรุงประสิทธิภาพได้อย่างตรงจุด นอกจากนี้ ยังช่วยให้เราเห็นภาพรวมของแคมเปญการตลาดและสามารถวัดความสำเร็จได้อย่างครอบคลุมในทุกมิติอีกด้วย ไปดูกันดีกว่าว่า Conversion Rate แบ่งออกได้เป็นกี่ประเภท

1. แบ่งตามเป้าหมาย

  • Macro Conversions การวัดผลเป้าหมายหลักที่ธุรกิจต้องการ เช่น ยอดขายสินค้า การสมัครสมาชิกแบบเสียเงิน หรือการซื้อแพ็กเกจบริการ
  • Micro Conversions การวัดผลเป้าหมายรองที่นำไปสู่การบรรลุเป้าหมายหลัก เช่น การเพิ่มสินค้าในตะกร้า การกดดูรายละเอียดสินค้า หรือการแชร์เนื้อหาบนโซเชียลมีเดีย

2. แบ่งตามช่องทาง

  • Website Conversion วัดประสิทธิภาพการทำธุรกรรมบนเว็บไซต์
  • Email Marketing วัดการตอบสนองต่อแคมเปญอีเมล
  • App Store วัดอัตราการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
  • Landing Page วัดประสิทธิภาพของหน้าแลนดิ้งเพจ
  • Social Media วัดการมีส่วนร่วมบนแพลตฟอร์มโซเชียล

3. แบ่งตามกิจกรรม

  • Sales Conversion วัดจากการซื้อสินค้าหรือบริการสำเร็จ
  • Lead Generation วัดจากการได้ข้อมูลลูกค้าที่สนใจสินค้า
  • Form Submission วัดจากการกรอกแบบฟอร์มต่าง ๆ
  • Subscription วัดจากการสมัครสมาชิกหรือติดตามข่าวสาร
  • Download วัดจากการดาวน์โหลดเอกสารหรือแอปพลิเคชัน

ความสำคัญของ Conversion Rate

Conversion Rate คือสิ่งที่จะช่วยให้เราวัดความสำเร็จของกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นการทำ SEO (การทำเว็บไซต์ให้ติดอันดับสูงบน Google), การยิงโฆษณาบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ อย่าง Facebook Ads, TikTok Ads, Google Ads หรือจะเป็นการทำ Social Media Marketing ก็ตาม เพราะค่านี้จะบอกเราว่าผู้เข้าชมเว็บไซต์หรือกลุ่มเป้าหมายที่เราทำการตลาดด้วยนั้น มีการตอบสนองตามที่เราต้องการมากน้อยแค่ไหน นอกจากนี้ Conversion Rate ยังช่วยให้เราเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้งานได้ดีขึ้น เพราะเราจะเห็นว่าผู้ใช้ตัดสินใจทำอะไรบนเว็บไซต์ของเรา เช่น หน้าไหนที่มีคนสนใจมากที่สุด ขั้นตอนไหนที่ทำให้คนตัดสินใจซื้อ หรือจุดไหนที่ทำให้คนเลิกสนใจไป ข้อมูลเหล่านี้มีประโยชน์อย่างมากในการพัฒนาประสบการณ์ผู้ใช้งานและเพิ่มโอกาสในการขาย

  • ช่วยระบุกลุ่มเป้าหมายที่มีโอกาสซื้อสินค้าได้ชัดเจนขึ้น
  • บริหารงบประมาณการตลาดได้อย่างคุ้มค่ามากขึ้น
  • ปรับปรุงเว็บไซต์และกลยุทธ์ SEO ให้มีประสิทธิภาพ
  • พัฒนาโฆษณาให้ตรงใจกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น
  • วัดผลความสำเร็จของแคมเปญได้อย่างแม่นยำ
  • ช่วยเพิ่มโอกาสในการขายและสร้างกำไรให้แก่ธุรกิจ

ด้านการทำ SEO 

ในด้านของการทำ SEO (Search Engine Optimization) การรู้ค่า Conversion Rate จะช่วยให้เราสามารถปรับแต่งกลยุทธ์ SEO ให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานและ Search Engine ได้ดีขึ้นด้วย เช่น การปรับปรุงคีย์เวิร์ด การเพิ่มคุณภาพเนื้อหา หรือการปรับโครงสร้างเว็บไซต์ให้น่าสนใจมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้จะส่งผลให้เว็บไซต์ติดอันดับบน Google ได้ดีกว่าเดิม

ด้านการยิงโฆษณา

สำหรับการยิงโฆษณาออนไลน์ Conversion Rate มีบทบาทสำคัญในการช่วยบริหารงบประมาณให้คุ้มค่า เพราะทำให้เราเห็นว่าโฆษณาไหนที่สร้างผลลัพธ์ได้ดี และโฆษณาไหนที่ควรปรับปรุง ไม่ว่าจะเป็นการยิงโฆษณาบน Google Ads, Instagram Ads, YouTube Ads, Facebook Ads หรือแพลตฟอร์มอื่น ๆ การดู Conversion Rate จะช่วยให้เราตัดสินใจได้ว่าควรเพิ่มงบประมาณในช่องทางไหน หรือควรปรับเปลี่ยนกลยุทธ์อย่างไรบ้าง

แจกวิธีเพิ่ม Conversion Rate บนเว็บไซต์

การเพิ่ม Conversion Rate บนเว็บไซต์มีส่วนทำให้ธุรกิจเติบโตขึ้นและสามารถสู้กับคู่แข่งได้ เพราะคุณจะเข้าใจพฤติกรรมลูกค้าเป็นอย่างดี สามารถใช้งบการตลาดได้อย่างคุ้มค่า สามารถสร้างยอดขายและผลกำไรให้แก่ธุรกิจได้ ต่อไปนี้คือวิธีเพิ่ม Conversion Rate บนเว็บไซต์ที่คุณสามารถลงมือทำได้ทันที

1. ปรับแต่ง Call to Action

Call to Action หรือ CTA คือข้อความที่ใช้ในการกระตุ้นการตัดสินใจ ซึ่งมักจะอยู่ในรูปแบบของปุ่มที่โดดเด่น โดย CTA ที่ดีจะต้องสามารถดึงดูดความสนใจและกระตุ้นให้ผู้ใช้งานตัดสินใจได้รวดเร็ว จึงควรใช้ข้อความที่กระชับ เข้าใจง่าย และวางในตำแหน่งที่สังเกตเห็นได้ชัดเจน เช่น “สมัครเลย”, “รับส่วนลดทันที”, “ส่งฟรี คลิกเลย” หรือ “ทดลองใช้ฟรี” แต่ควรระวังไม่ให้มี CTA มากเกินไปในหน้าเดียว เพราะอาจทำให้ผู้ใช้สับสนและไม่กล้าตัดสินใจได้

2. ปรับปรุง User Experience

User Experience หรือประสบการณ์ผู้ใช้งานที่ดีเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่ม Conversion Rate เว็บไซต์ควรมีการออกแบบที่สวยงาม ใช้งานง่าย และโหลดเร็ว โดยเฉพาะการรองรับการใช้งานบนมือถือ นอกจากนี้ควรจัดวางเนื้อหาและเมนูให้เป็นหมวดหมู่ ใช้ฟอนต์ที่อ่านง่าย และมีการเว้นช่องว่างที่เหมาะสม เพื่อให้ผู้ใช้รู้สึกสะดวกในการใช้งานมากที่สุด

3. เพิ่มความน่าเชื่อถือ

การสร้างความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเพิ่ม Conversion Rate แบรนด์ควรแสดงรีวิวและคำรับรองจากลูกค้าจริง เพราะจะช่วยให้ผู้เข้าชมรายใหม่เกิดความมั่นใจในสินค้าหรือบริการมากขึ้น นอกจากนี้ควรแสดงเครื่องหมายรับรองความปลอดภัย ใบรับรองมาตรฐานต่าง ๆ และระบุข้อมูลติดต่อให้ชัดเจน รวมถึงนำเสนอผลงานและประสบการณ์ที่ผ่านมา เพื่อให้ลูกค้าเห็นว่าแบรนด์มีความเชี่ยวชาญและน่าไว้วางใจอย่างไร

4. ลองทำ A/B Testing

การทำ A/B Testing เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่ม Conversion Rate เพราะช่วยให้เราทราบว่าองค์ประกอบใดบนเว็บไซต์ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้ใช้มากที่สุด หลักการคือการสร้างเว็บไซต์สองเวอร์ชันที่มีความแตกต่างกันในบางองค์ประกอบ เช่น สีปุ่ม CTA ตำแหน่งการวางรูปภาพ หรือการเรียบเรียงเนื้อหา จากนั้นวัดผลว่าเวอร์ชันใดที่สร้าง Conversion ได้ดีกว่า เพื่อนำมาปรับปรุงเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

บทสรุป

ไม่ว่าจะเป็นการทำงานด้านต่าง ๆ หรือจะเป็นการทำการตลาดออนไลน์ สิ่งที่สำคัญคือการวัดผลลัพธ์ เพื่อให้คุณทราบว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้น สามารถบรรลุเป้าหมายได้หรือไม่ และกลยุทธ์ที่คุณตั้งใจคิดออกมามันได้ผลมากน้อยแค่ไหน ซึ่ง Conversion Rate คือตัวชี้วัดสำคัญอย่างหนึ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อการนำมาวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณาและการทำการตลาดผ่านช่องทางเว็บไซต์ เมื่อคุณทราบค่า Conversion Rate แล้ว คุณก็จะสามารถประเมินสถานการณ์ได้ รู้สิ่งที่ต้องแก้ไขปรับปรุง และรู้ว่าต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์อย่างไร ซึ่งจะส่งผลทำให้คุณใช้งบประมาณได้อย่างคุ้มค่า บรรลุเป้าหมายที่ต้องการ และเพิ่มโอกาสในธุรกิจประสบความสำเร็จเหนือคู่แข่งนั่นเอง

บทความที่เกี่ยวข้อง

Organic Traffic คืออะไร พร้อมวิธีเพิ่ม Traffic บนเว็บไซต์

Web Traffic คือผู้เข้าชมเว็บไซต์ ที่มีความสำคัญมาในการทำให้เว็บไซต์เติบโตและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่ง Traffic มาได้จากหลายช่องทาง อาทิ Paid, Direct, Social Media, Referral และ Organic Traffic แต่ Traf
50

Breadcrumb Navigation ป้ายนำทางบนเว็บไซต์ ที่ส่งผลดีต่อ SEO

เว็บไซต์ส่วนใหญ่มีหน้าเว็บและข้อมูลเยอะมาก อาจทำให้ผู้ใช้งานเกิดความรู้สึกสับสนและหลงทางได้ การมีตัวช่วยนำทางบนเว็บไซต์หรือ Breadcrumb Navigation ติดตั้งไว้ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับ
46

รู้จัก DeepSeek AI เอไอสัญชาติจีนที่กำลังมาแรงในตอนนี้

ต้องบอกว่าในปี 2025 นี้ แพลตฟอร์ม AI เติบโตอย่างก้าวกระโดด อีกทั้งยังตอบโจทย์การทำงานที่หลากหลายด้านได้อีกด้วย คุณสามารถใช้ AI ในการทำงานแทน อย่างเขียนบทความ สรุปข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล ค้นหาข้อมูล เขี
50
th