
กฎหมายคอมพิวเตอร์ มีอะไรบ้าง 13 พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฉบับล่าสุด
นักการตลาดและเจ้าของธุรกิจออนไลน์ต้องรู้ไว้ กฎหมายคอมพิวเตอร์ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป ANGA ขอแนะนำให้ทุกคนที่ทำงานเกี่ยวข้องกับการตลาดออนไลน์ทำความเข้าใจกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฉบับ 2560 พร้อมโทษให้ดี เพราะแค่การโพสต์โฆษณาที่เกินจริง ส่งอีเมลขายของโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือแม้แต่การละเลยความคิดเห็นที่ผิดกฎหมายบนเพจของคุณ ก็อาจนำไปสู่ความรับผิดทางกฎหมายที่มีโทษทั้งจำและปรับ บทความนี้จะช่วยให้คุณรู้จักกฎหมายคอมพิวเตอร์ที่สำคัญ 13 ข้อ พร้อมแนบตัวอย่าง โทษ และข้อควรระวังสำหรับนักการตลาดยุคใหม่
กฎหมายคอมพิวเตอร์คืออะไร
กฎหมายคอมพิวเตอร์หรือพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์) เป็นกฎหมายที่บัญญัติขึ้นเพื่อควบคุมและป้องกันการกระทำผิดในโลกดิจิทัล ครอบคลุมการใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภท ทั้งคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ โน้ตบุ๊ก สมาร์ตโฟน หรือระบบที่ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ กฎหมายคอมพิวเตอร์เกิดขึ้นมาเพื่อจัดการกับปัญหาอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้นทุกวัน ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป มีคนใช้งานแพลตฟอร์มต่าง ๆ บนโลกออนไลน์มากขึ้น จึงทำให้มีอาชญากรรมทางไซเบอร์เกิดขึ้นนับไม่ถ้วน
ประเทศไทยมีการประกาศใช้พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ครั้งแรกในปี 2550 และได้มีการปรับปรุงเป็นฉบับที่ 2 ในปี 2560 เนื่องจากฉบับแรกมีข้อจำกัดหลายประการ โดยเฉพาะประเด็นความไม่ชัดเจนของบทบัญญัติและการนำไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม เช่น การนำความผิดฐานหมิ่นประมาทมาฟ้องร้องภายใต้พ.ร.บ.นี้ ฉบับปรับปรุงจึงได้แก้ไขให้มีความชัดเจนมากขึ้น พร้อมทั้งเพิ่มบทบัญญัติที่ครอบคลุมการกระทำความผิดรูปแบบใหม่ ๆ และปรับบทลงโทษให้เหมาะสมกับยุคสมัยด้วย
กฎหมายคอมพิวเตอร์ มีอะไรบ้าง พร้อมบทลงโทษ
พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ฉบับปัจจุบัน (พ.ศ. 2560) ประกอบด้วยความผิด 13 ฐานหลัก ครอบคลุมตั้งแต่การเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์โดยไม่ได้รับอนุญาต การดักข้อมูลคอมพิวเตอร์ การทำลายข้อมูลหรือระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น ไปจนถึงการเผยแพร่ข้อมูลเท็จหรือลามกอนาจาร กฎหมายคุ้มครองทั้งความมั่นคงของระบบคอมพิวเตอร์และการป้องกันการกระทำผิดผ่านช่องทางดิจิทัล เช่น การแชร์ข้อมูลปลอมที่สร้างความเสียหายต่อผู้อื่น หรือการใช้โปรแกรมทำลายข้อมูลผู้อื่น (มัลแวร์) เป็นต้น
1. การเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ (มาตรา 5)
มาตรานี้คุ้มครองระบบคอมพิวเตอร์ที่มีการป้องกันการเข้าถึงไว้เป็นพิเศษ เช่น มีรหัสผ่าน หรือการยืนยันตัวตนแบบสองชั้น โดยห้ามบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาตทำการล่วงล้ำเข้าไปในระบบ แม้จะไม่ได้สร้างความเสียหายใด ๆ ก็ตาม การกระทำเช่นนี้ถือเป็นการละเมิดสิทธิ์ของเจ้าของระบบ
- ตัวอย่าง : การแฮกเข้าระบบอีเมลของผู้อื่น, การใช้คอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต
- โทษปรับ : ไม่เกิน 10,000 บาท
- โทษจำคุก : ไม่เกิน 6 เดือน
2. การเปิดเผยมาตรการป้องกันการเข้าถึงระบบ (มาตรา 6)
กฎหมายข้อนี้คุ้มครองความปลอดภัยของระบบคอมพิวเตอร์ โดยห้ามผู้ที่ล่วงรู้มาตรการป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น นำไปเปิดเผยโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อเจ้าของระบบ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยรหัสผ่าน การแชร์ช่องโหว่ หรือวิธีการที่ใช้ในการเข้าถึงระบบ
- ตัวอย่าง : การเผยแพร่รหัสผ่านของผู้อื่น, การเปิดเผยช่องโหว่ของระบบโดยไม่แจ้งเจ้าของระบบก่อน
- โทษปรับ : ไม่เกิน 20,000 บาท
- โทษจำคุก : ไม่เกิน 1 ปี
3. การเข้าถึงข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ (มาตรา 7)
มาตรานี้คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลที่มีการป้องกันการเข้าถึงเป็นพิเศษ โดยห้ามผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้าถึงข้อมูลดังกล่าว แม้ว่าจะสามารถเข้าถึงระบบได้อย่างถูกต้องแล้วก็ตาม การละเมิดความเป็นส่วนตัวของข้อมูลถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย
- ตัวอย่าง : การเข้าถึงไฟล์ส่วนตัวในคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น, การเข้าดูข้อมูลที่ถูกเข้ารหัสโดยไม่ได้รับอนุญาต
- โทษปรับ : ไม่เกิน 40,000 บาท
- โทษจำคุก : ไม่เกิน 2 ปี
4. การดักรับข้อมูลคอมพิวเตอร์ (มาตรา 8)
กฎหมายข้อนี้ห้ามการใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ใด ๆ เพื่อดักจับข้อมูลที่กำลังส่งผ่านในระบบคอมพิวเตอร์ โดยที่ข้อมูลนั้นไม่ได้เผยแพร่เพื่อสาธารณะ การกระทำเช่นนี้เปรียบเสมือนการดักฟังการสนทนาส่วนตัวของผู้อื่น ซึ่งละเมิดความเป็นส่วนตัวอย่างร้ายแรง
- ตัวอย่าง : การใช้โปรแกรมสอดแนมดักจับข้อมูลการเข้าเว็บไซต์, การดักรับข้อมูลการส่งข้อความที่เข้ารหัส
- โทษปรับ : ไม่เกิน 60,000 บาท
- โทษจำคุก : ไม่เกิน 3 ปี
5. การทำลายข้อมูลคอมพิวเตอร์ (มาตรา 9)
มาตรานี้ห้ามการทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต การกระทำดังกล่าวไม่เพียงแต่ละเมิดสิทธิ์ของเจ้าของข้อมูล แต่ยังอาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อความถูกต้องและความน่าเชื่อถือของข้อมูลนั้น ๆ
- ตัวอย่าง : การลบไฟล์ในคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น, การแก้ไขข้อมูลในฐานข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต
- โทษปรับ : ไม่เกิน 100,000 บาท
- โทษจำคุก : ไม่เกิน 5 ปี
6. การรบกวนระบบคอมพิวเตอร์ (มาตรา 10)
กฎหมายข้อนี้ห้ามการกระทำใด ๆ ที่ส่งผลให้การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นถูกระงับ ชะลอ ขัดขวาง หรือรบกวนจนไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ การกระทำเช่นนี้อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานและสร้างความเสียหายทางธุรกิจอย่างมาก
- ตัวอย่าง : การโจมตีแบบ DDoS ทำให้เว็บไซต์ล่ม, การใช้มัลแวร์ทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานช้าลง
- โทษปรับ : ไม่เกิน 100,000 บาท
- โทษจำคุก : ไม่เกิน 5 ปี
7. การส่งข้อมูลรบกวนผู้อื่น (มาตรา 11)
มาตรานี้ควบคุมการส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ที่มีการปกปิดหรือปลอมแปลงแหล่งที่มา อันเป็นการรบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น รวมถึงการส่งข้อมูลที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญโดยไม่เปิดโอกาสให้ปฏิเสธการรับได้โดยง่าย
- ตัวอย่าง : การส่งอีเมลสแปมจำนวนมาก, การส่ง SMS โฆษณาโดยไม่ให้ผู้รับยกเลิกการรับได้
- โทษปรับ : สูงสุด 200,000 บาท (วรรคสอง) หรือไม่เกิน 100,000 บาท (วรรคแรก)
- โทษจำคุก : ไม่มีโทษจำคุกสำหรับความผิดตามมาตรานี้
8. ความผิดต่อความมั่นคง (มาตรา 12)
กฎหมายข้อนี้กำหนดบทลงโทษที่หนักขึ้นสำหรับการกระทำความผิดตามมาตรา 5-11 หากการกระทำนั้นส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ หรือโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ และยิ่งหนักขึ้นหากเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต
- ตัวอย่าง : การโจมตีระบบไฟฟ้าของประเทศ, การเจาะระบบธนาคารที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
- โทษปรับ : ตั้งแต่ 20,000 ถึง 400,000 บาท (ขึ้นอยู่กับความรุนแรง)
- โทษจำคุก : ตั้งแต่ 1 ปี ถึง 20 ปี (ขึ้นอยู่กับความรุนแรง)
9. ความผิดที่เป็นเหตุให้เกิดอันตราย (มาตรา 12/1)
มาตรานี้เพิ่มบทลงโทษสำหรับการกระทำความผิดตามมาตรา 7 หรือ 10 หากเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่น และกำหนดโทษหนักขึ้นหากเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย แม้ไม่ได้มีเจตนาฆ่า
- ตัวอย่าง : การแฮกระบบควบคุมทางการแพทย์จนทำให้ผู้ป่วยได้รับอันตราย, การเจาะระบบจราจรจนทำให้เกิดอุบัติเหตุ
- โทษปรับ : ตั้งแต่ 100,000 ถึง 400,000 บาท (ขึ้นอยู่กับความรุนแรง)
- โทษจำคุก : ตั้งแต่ 5 ปี ถึง 20 ปี (กรณีทำให้มีผู้เสียชีวิต)
10. การจำหน่ายหรือเผยแพร่ชุดคำสั่งที่ใช้กระทำความผิด (มาตรา 13)
กฎหมายข้อนี้ห้ามการจำหน่ายหรือเผยแพร่โปรแกรมหรือชุดคำสั่งที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อใช้ในการกระทำความผิดตามมาตราต่าง ๆ ของพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ผู้จำหน่ายหรือเผยแพร่อาจต้องรับผิดเพิ่มเติมหากผู้นำไปใช้ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรง
- ตัวอย่าง : การขายโปรแกรมโจมตีระบบ DDoS, การเผยแพร่มัลแวร์เรียกค่าไถ่
- โทษปรับ : ตั้งแต่ 20,000 ถึง 40,000 บาท (ขึ้นอยู่กับความผิด)
- โทษจำคุก : ตั้งแต่ 1 ปี ถึง 2 ปี (ขึ้นอยู่กับความผิด)
11. การนำเข้าข้อมูลเท็จหรือข้อมูลที่ผิดกฎหมาย (มาตรา 14)
มาตรานี้ครอบคลุมการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลที่เป็นเท็จ ข้อมูลปลอม ข้อมูลที่กระทบต่อความมั่นคง หรือข้อมูลลามกอนาจาร รวมถึงการเผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูลดังกล่าว ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อบุคคล สังคม หรือประเทศชาติ
- ตัวอย่าง : การโพสต์ข่าวปลอม, การเผยแพร่เนื้อหาลามกอนาจาร, การแชร์ข้อมูลที่สร้างความตื่นตระหนกแก่สาธารณะ
- โทษปรับ : ไม่เกิน 100,000 บาท (กรณีทั่วไป) หรือไม่เกิน 60,000 บาท (กรณีต่อบุคคล)
- โทษจำคุก : ไม่เกิน 5 ปี (กรณีทั่วไป) หรือไม่เกิน 3 ปี (กรณีต่อบุคคล)
12. ความรับผิดของผู้ให้บริการ (มาตรา 15)
กฎหมายข้อนี้กำหนดความรับผิดของผู้ให้บริการต่อข้อมูลผิดกฎหมายที่อยู่ในความควบคุมดูแล โดยผู้ให้บริการจะมีความผิดหากรู้ว่ามีข้อมูลผิดกฎหมายแต่ปล่อยปละละเลย ไม่ดำเนินการระงับการเผยแพร่หรือลบข้อมูลดังกล่าวออกจากระบบภายในระยะเวลาที่กำหนด
- ตัวอย่าง : แอดมินเพจเห็นความคิดเห็นผิดกฎหมายแล้วไม่ลบออก, ผู้ดูแลเว็บบอร์ดปล่อยให้มีการโพสต์เนื้อหาผิดกฎหมาย
- โทษปรับ : ปรับไม่เกิน 100,000 บาท (กรณีทั่วไป) หรือไม่เกิน 60,000 บาท (กรณีหมิ่นประมาทรายบุคคล)
- โทษจำคุก : จำคุกไม่เกิน 5 ปี (กรณีทั่วไป) หรือไม่เกิน 3 ปี (กรณีหมิ่นประมาทรายบุคคล)
13. การใช้ข้อมูลส่วนบุคคลโดยมิชอบ (มาตรา 16/1)
มาตรานี้เพิ่มเติมในฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560 ห้ามการนำภาพของผู้อื่นมาตัดต่อ ดัดแปลง หรือเผยแพร่ในลักษณะที่ทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอย่างร้ายแรง
- ตัวอย่าง : การตัดต่อภาพบุคคลใส่เนื้อหาลามกอนาจาร, การนำรูปผู้อื่นมาล้อเลียนในทางเสื่อมเสีย
- โทษปรับ : ไม่เกิน 200,000 บาท
- โทษจำคุก : ไม่เกิน 3 ปี
ข้อควรระวังสำหรับนักการตลาด
การตลาดออนไลน์ในยุคปัจจุบันต้องเผชิญกับความท้าทายด้านกฎหมายคอมพิวเตอร์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นักการตลาดจำเป็นต้องคำนึงถึงขอบเขตของกฎหมายเพื่อป้องกันการกระทำที่อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายโดยไม่ตั้งใจ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์มีบทบัญญัติหลายประการที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการทำการตลาดออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการห้ามเผยแพร่ข้อมูลเท็จ การละเมิดลิขสิทธิ์ การรบกวนผู้อื่นด้วยข้อความโฆษณา หรือการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต
นักการตลาดจึงต้องออกแบบกลยุทธ์การตลาด โดยคำนึงถึงความถูกต้องของข้อมูล การขออนุญาตใช้เนื้อหา การเปิดโอกาสให้ผู้รับสามารถปฏิเสธการรับข้อมูลได้ และการดูแลเนื้อหาบนแพลตฟอร์มของตนอย่างรัดกุม ไม่ว่าจะเป็นการทำ SEO (Search Engine Optimization), การทำโฆษณาผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ อย่าง Google Ads, YouTube Ads, Facebook Ads, Instagram Ads, TikTok Ads ฯลฯ หรือจะเป็นการทำ Social Media Marketing ต่าง ๆ ก็ตาม
- ระวังการนำเสนอข้อมูล หลีกเลี่ยงการโฆษณาเกินจริง ข้อความที่อาจหลอกลวง หรือข้อมูลที่ไม่มีหลักฐานรองรับ
- เคารพสิทธิส่วนบุคคล ต้องได้รับความยินยอมก่อนส่งอีเมลหรือ SMS โฆษณา และมีวิธีให้ผู้รับยกเลิกการรับข้อมูลได้ง่าย
- ดูแลพื้นที่ออนไลน์ รับผิดชอบต่อความคิดเห็นหรือเนื้อหาที่ผิดกฎหมายบนแพลตฟอร์มที่ดูแล
- อัปเดตความรู้อย่างสม่ำเสมอ ติดตามการเปลี่ยนแปลงของกฎหมายและนโยบายของแพลตฟอร์มต่างๆ
สรุป
กฎหมายคอมพิวเตอร์เป็นเรื่องใกล้ตัวที่ทุกคนที่ใช้อินเทอร์เน็ตและสมาร์ตโฟนควรรู้ไว้ ไม่ว่าจะเป็นการโพสต์ แชร์ หรือแม้แต่การกดไลก์โพสต์ก็อาจเสี่ยงผิดกฎหมายได้หากไม่ระมัดระวัง การทำความเข้าใจบทบัญญัติต่าง ๆ ช่วยปกป้องตัวเองจากการกระทำผิดโดยไม่รู้ตัว และยังช่วยให้รู้สิทธิของเราเมื่อถูกละเมิดในโลกออนไลน์ด้วย ไม่ว่าคุณจะเป็นคนทั่วไป นักการตลาด หรือเจ้าของธุรกิจ การติดตามกฎหมายคอมพิวเตอร์หรือกฎของแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ใช้งานอย่างสม่ำเสมอ จึงจำเป็นสำหรับทุกคนในยุคที่เราใช้งานแพลตฟอร์มออนไลน์ในชีวิตประจำวัน
บทความที่เกี่ยวข้อง

จดโดเมน .co.th ทำอย่างไร ใช้เอกสารอะไรบ้าง จดที่ไหนดี 2025
